นับเป็นสิ่งที่ท้าทายและน่าจับตามองมาก กับ “โมะริคาซุ ชกคิ” อดีตเบอร์หนึ่งของรถยนต์อีซูซุในไทย กับการกลับมาอีกครั้งในบทบาทของนายใหม่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย หรือMMTh (มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศญี่ปุ่น ถือหุ้นในตรีเพชร อีซูซุเซลส์) ส่วนเขาจะนำพาองค์กรก้าวไปอย่างไร? เชิญติดตามได้...
ภาระที่ได้รับมอบหมายในการมาครั้งนี้
ประธานทุกคนก็ต้องได้รับเป้าหมายที่จะทำให้บริษัทดีขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยมีความสำคัญต่อมิตซูบิชิมาก ถ้าขาดกำลังในการขายของไทย ไม่ว่าจะเป็นทั้งในประเทศ และนอกประเทศ ก็จะไม่มีอนาคตที่สดใสของมิตซูบิชิเลย และผมก็ได้รับบทบาทที่สำคัญนี้ รวมถึงทีมงานคนอื่นๆ ด้วย
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายส่วนตัวอยากจะทำให้ MMTh ได้กลับไปเป็นที่ 1 ของมิตซูบิชิทั่วโลก(ในปี 2012) เหมือนเดิม แม้ปัจจัยหลักช่วงนั้นจะมาจากโครงการรถคันแรก แต่เราไม่คาดหวังมาตรการดังกล่าวอีกแล้ว แน่นอนอาจจะใช้เวลาในการกลับไปจุดนั้น ซึ่งคงต้องพยายามอย่างเต็มที่ ด้วยการต้องมีสินค้าที่มีคุณภาพ มีทีม R&D ที่สร้างรถยนต์ที่มีคุณภาพ เมื่อพูดถึงรถยนต์แล้วมั่นใจว่าลูกค้าชอบรถมิตซูบิชิ และผู้ที่เคยใช้ก็จะซื้อรถของเราอย่างต่อเนื่อง ผมเคยขับไทรทันใหม่มาแล้ว จึงมั่นใจคุณภาพรถรุ่นนี้จะเป็นที่ถูกใจลูกค้า โดยล่าสุดการตั้งออฟฟิศใหม่เรียกว่า “สำนักพัฒนาธุรกิจภายในประเทศ” เพื่อสร้างการบริการที่ดี ทั้งเรื่องการขาย และบริการหลังการขาย ร่วมมือกับผู้จำหน่ายในการพัฒนาการดูแลลูกค้า (Customer Care) นี่เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับอนาคตของมิตซูบิชิ
เรื่องผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญ
มิตซูบิชิในประเทศไทยมุ่งความสำคัญกระบะ รถอเนกประสงค์แบ PPV และ Eco Car ส่วนทั่วโลกจะมีรถไฟฟ้า และ PHEV มิตซูบิชิเป็นบริษัทขนาดกลาง ไม่ได้มียอดขายมากเหมือนยี่ห้ออื่นๆ ที่จะขายรถแบบหลากหลาย ซึ่งไทยเป็นประเทศที่มีรถกระบะ และPPV ขายดีมาก เราจึงมีโอกาสในการเพิ่มยอดขายได้ โดยบริษัทแม่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (MMC) ได้ประกาศแผนงานธุรกิจระยะกลาง ระหว่างปี 2014-16 ว่าจะเน้นตลาด Emerging market โดยเฉพาะในอาเซียน แม้มิตซูบิชิจะมีข้อจำกัดเรื่องไลน์ผลิตภัณฑ์ แต่จะพยายามทำให้สิ่งที่มีให้ดีที่สุด ซึ่งในไทยช่วงงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2015 จะมีการเปิดตัวรถอเนกประสงค์แบบเอ็มพีวี มิตซูบิชิ เดลิกา ดี:5 (Mitsubishi Delica D:5) สู่ตลาดไทยเพิ่มอีกรุ่น
มองรถไฟฟ้าที่รัฐบาลสนใจสนับสนุน
เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาคุณ Aikawa ประธาน MMC ได้เดินทางมาร่วมการส่งออกรถไทรทันใหม่จากไทยครั้งแรก และได้เข้าพบรมต.อุตสาหกรรมในวันต่อมา และได้พูดเรื่องนี้กัน ซึ่งทางMMC มีความได้เปรียบในการผลิตรถกลุ่มนี้ เพราะเมื่อปี 2009 มิตซูบิชิเป็นเจ้าแรกที่ผลิตรถไฟฟ้า i-MiEV เพื่อการจำหน่ายเป็นรายแรกของโลก ต่อมาส่งรุ่น Outlander PHEV มาเพื่อสานต่อรถในกลุ่มนี้
ทั้งนี้ประเทศที่มียอดความต้องการรถประเภทนี้สูง ส่วนใหญ่จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล และต้องมีสาธารณูปโภคที่สนับสนุน ดังนั้นเราต้องการให้รัฐบาลไทยสนับสนุนเรื่องนี้ด้วย แม้ว่ามันต้องใช้เวลาในการเข้าสู่ยุคนั้น แต่ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ต้องไปยังจุดนั้นแน่นอน เพราะสถานการณ์โลกร้อนเกิดขึ้นทั่วโลกและรุ่นแรงขึ้นเรื่อยๆ
แผนการดำเนินงานโครงการอีโคคาร์ 2
รัฐบาลกำหนดการเริ่มจำหน่ายไว้ที่ปี 2560 มิตซูบิชิคงจะทำโครงการให้เป็นไปตามกำหนดนั้น แค่ยังไม่ได้สรุปว่าสเปคจะเป็นอย่างไร แต่ต้องเป็นไปตามที่ข้อกำหนดของภาครัฐแน่นอน
จากอีซูซุมาทำมิตซูบิชิต่างกันอย่างไร
แรกสุดต้องคำนึงถึงลูกค้าเป็นหลัก ผู้ใช้รถมิตซูบิชินั้นจะชื่นชอบรถของเราอยู่แล้ว และส่วนมากจะซื้ออย่างต่อเนื่อง ตอนนี้มิตซูบิชมีส่วนแบ่งตลาด 9-10% ดังนั้นยังมีโอกาสในการหาลูกค้าเพิ่มอีก 90% ที่ยังไม่เคยใช้รถมิตซูบิชิ พนักงานขายจะต้องหาโอกาสในการให้ลูกค้าได้ลอง แล้วจะสามารถเพิ่มยอดจำหน่ายได้ ขณะเดียวกันการปรับปรุงบริการหลังการขาย และการผูกความสัมพันธ์กับลูกค้าของพนักงานขายแม้ส่งรถไปแล้วก็สำคัญ
วางเป้าหมายการขายที่คาดหวังในปีนี้
มันยากที่จะพูดเป็นตัวเลขที่แน่นอน เพราะต้องใช้เวลาในการฟื้นตลาดขึ้นมา ในสองปีก่อนตลาดได้รับการกระตุ้นจากรัฐบาลทำให้ยอดขายดี แต่ตอนนี้ตลาดมีขนาดเพียง 860,000 คัน ผมหวังว่ารถกระบะในปีนี้จะฟื้น และตลาดรวมน่าจะถึง 900,000 คัน โดยมองเป็นครึ่งปีหลังจึงจะเริ่มฟื้น มิตซูบิชิใช้เป้าหมายของปีงบประมาณระหว่างเดือนเมษายน 2557 - มีนาคม 2558 ซึ่งยังไม่จบปีการขาย จึงยังไม่ได้วางแผนของปีหน้า แต่คาดหวังว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดแน่นอน จากปีก่อนอยู่ที่ 7.3-7.4% การจะเพิ่มแต่ละขั้นนั้นยากมาก ผมอยากจะตั้งให้สูง แต่ผมมาที่นี่แค่เดือนเดียวยังตอบได้ยาก
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring
ภาระที่ได้รับมอบหมายในการมาครั้งนี้
ประธานทุกคนก็ต้องได้รับเป้าหมายที่จะทำให้บริษัทดีขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยมีความสำคัญต่อมิตซูบิชิมาก ถ้าขาดกำลังในการขายของไทย ไม่ว่าจะเป็นทั้งในประเทศ และนอกประเทศ ก็จะไม่มีอนาคตที่สดใสของมิตซูบิชิเลย และผมก็ได้รับบทบาทที่สำคัญนี้ รวมถึงทีมงานคนอื่นๆ ด้วย
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายส่วนตัวอยากจะทำให้ MMTh ได้กลับไปเป็นที่ 1 ของมิตซูบิชิทั่วโลก(ในปี 2012) เหมือนเดิม แม้ปัจจัยหลักช่วงนั้นจะมาจากโครงการรถคันแรก แต่เราไม่คาดหวังมาตรการดังกล่าวอีกแล้ว แน่นอนอาจจะใช้เวลาในการกลับไปจุดนั้น ซึ่งคงต้องพยายามอย่างเต็มที่ ด้วยการต้องมีสินค้าที่มีคุณภาพ มีทีม R&D ที่สร้างรถยนต์ที่มีคุณภาพ เมื่อพูดถึงรถยนต์แล้วมั่นใจว่าลูกค้าชอบรถมิตซูบิชิ และผู้ที่เคยใช้ก็จะซื้อรถของเราอย่างต่อเนื่อง ผมเคยขับไทรทันใหม่มาแล้ว จึงมั่นใจคุณภาพรถรุ่นนี้จะเป็นที่ถูกใจลูกค้า โดยล่าสุดการตั้งออฟฟิศใหม่เรียกว่า “สำนักพัฒนาธุรกิจภายในประเทศ” เพื่อสร้างการบริการที่ดี ทั้งเรื่องการขาย และบริการหลังการขาย ร่วมมือกับผู้จำหน่ายในการพัฒนาการดูแลลูกค้า (Customer Care) นี่เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับอนาคตของมิตซูบิชิ
เรื่องผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญ
มิตซูบิชิในประเทศไทยมุ่งความสำคัญกระบะ รถอเนกประสงค์แบ PPV และ Eco Car ส่วนทั่วโลกจะมีรถไฟฟ้า และ PHEV มิตซูบิชิเป็นบริษัทขนาดกลาง ไม่ได้มียอดขายมากเหมือนยี่ห้ออื่นๆ ที่จะขายรถแบบหลากหลาย ซึ่งไทยเป็นประเทศที่มีรถกระบะ และPPV ขายดีมาก เราจึงมีโอกาสในการเพิ่มยอดขายได้ โดยบริษัทแม่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (MMC) ได้ประกาศแผนงานธุรกิจระยะกลาง ระหว่างปี 2014-16 ว่าจะเน้นตลาด Emerging market โดยเฉพาะในอาเซียน แม้มิตซูบิชิจะมีข้อจำกัดเรื่องไลน์ผลิตภัณฑ์ แต่จะพยายามทำให้สิ่งที่มีให้ดีที่สุด ซึ่งในไทยช่วงงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2015 จะมีการเปิดตัวรถอเนกประสงค์แบบเอ็มพีวี มิตซูบิชิ เดลิกา ดี:5 (Mitsubishi Delica D:5) สู่ตลาดไทยเพิ่มอีกรุ่น
มองรถไฟฟ้าที่รัฐบาลสนใจสนับสนุน
เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาคุณ Aikawa ประธาน MMC ได้เดินทางมาร่วมการส่งออกรถไทรทันใหม่จากไทยครั้งแรก และได้เข้าพบรมต.อุตสาหกรรมในวันต่อมา และได้พูดเรื่องนี้กัน ซึ่งทางMMC มีความได้เปรียบในการผลิตรถกลุ่มนี้ เพราะเมื่อปี 2009 มิตซูบิชิเป็นเจ้าแรกที่ผลิตรถไฟฟ้า i-MiEV เพื่อการจำหน่ายเป็นรายแรกของโลก ต่อมาส่งรุ่น Outlander PHEV มาเพื่อสานต่อรถในกลุ่มนี้
ทั้งนี้ประเทศที่มียอดความต้องการรถประเภทนี้สูง ส่วนใหญ่จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล และต้องมีสาธารณูปโภคที่สนับสนุน ดังนั้นเราต้องการให้รัฐบาลไทยสนับสนุนเรื่องนี้ด้วย แม้ว่ามันต้องใช้เวลาในการเข้าสู่ยุคนั้น แต่ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ต้องไปยังจุดนั้นแน่นอน เพราะสถานการณ์โลกร้อนเกิดขึ้นทั่วโลกและรุ่นแรงขึ้นเรื่อยๆ
แผนการดำเนินงานโครงการอีโคคาร์ 2
รัฐบาลกำหนดการเริ่มจำหน่ายไว้ที่ปี 2560 มิตซูบิชิคงจะทำโครงการให้เป็นไปตามกำหนดนั้น แค่ยังไม่ได้สรุปว่าสเปคจะเป็นอย่างไร แต่ต้องเป็นไปตามที่ข้อกำหนดของภาครัฐแน่นอน
จากอีซูซุมาทำมิตซูบิชิต่างกันอย่างไร
แรกสุดต้องคำนึงถึงลูกค้าเป็นหลัก ผู้ใช้รถมิตซูบิชินั้นจะชื่นชอบรถของเราอยู่แล้ว และส่วนมากจะซื้ออย่างต่อเนื่อง ตอนนี้มิตซูบิชมีส่วนแบ่งตลาด 9-10% ดังนั้นยังมีโอกาสในการหาลูกค้าเพิ่มอีก 90% ที่ยังไม่เคยใช้รถมิตซูบิชิ พนักงานขายจะต้องหาโอกาสในการให้ลูกค้าได้ลอง แล้วจะสามารถเพิ่มยอดจำหน่ายได้ ขณะเดียวกันการปรับปรุงบริการหลังการขาย และการผูกความสัมพันธ์กับลูกค้าของพนักงานขายแม้ส่งรถไปแล้วก็สำคัญ
วางเป้าหมายการขายที่คาดหวังในปีนี้
มันยากที่จะพูดเป็นตัวเลขที่แน่นอน เพราะต้องใช้เวลาในการฟื้นตลาดขึ้นมา ในสองปีก่อนตลาดได้รับการกระตุ้นจากรัฐบาลทำให้ยอดขายดี แต่ตอนนี้ตลาดมีขนาดเพียง 860,000 คัน ผมหวังว่ารถกระบะในปีนี้จะฟื้น และตลาดรวมน่าจะถึง 900,000 คัน โดยมองเป็นครึ่งปีหลังจึงจะเริ่มฟื้น มิตซูบิชิใช้เป้าหมายของปีงบประมาณระหว่างเดือนเมษายน 2557 - มีนาคม 2558 ซึ่งยังไม่จบปีการขาย จึงยังไม่ได้วางแผนของปีหน้า แต่คาดหวังว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดแน่นอน จากปีก่อนอยู่ที่ 7.3-7.4% การจะเพิ่มแต่ละขั้นนั้นยากมาก ผมอยากจะตั้งให้สูง แต่ผมมาที่นี่แค่เดือนเดียวยังตอบได้ยาก
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring