ข่าวต่างประเทศ-กู๊ดเยียร์เผยแม้สภาพเศรษฐกิจของโลกกำลังผันผวน แต่ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมายังถือว่าประสบความสำเร็จ โดยมีรายได้คิดเป็นมูลค่า 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมตั้งเป้าเติบโตปี 2558 ร้อยละ 10 -15 เมื่อเทียบกับรายได้ของปีก่อน
ริชาร์ด เจ. เครเมอร์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ จำกัด สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานที่ดีเยี่ยมในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจของโลกกำลังผันผวนและถดถอย ในขณะที่สภาวะของอุตสาหกรรมยางรถยนต์โดยรวมนั้น ส่งผลลัพธ์ออกมาในหลายทิศทางต่างกัน แต่เรายังสามารถประสบความสำเร็จด้านรายได้ในภูมิภาคอเมริกาเหนือและเอเชียแปซิฟิก ซึ่งนับเป็นเครื่องชี้วัดถึงความสำเร็จของเราในการนำมาตรการทางธุรกิจไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับยอดขายของกู๊ดเยียร์ตลอดปี 2557 มีมูลค่า 18.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับปี 2556 ที่มีมูลค่า 19.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเกิดจากผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นมูลค่าถึง 571 ล้านเหรียญสหรัฐ มีปริมาณยางรวมทั้งสิ้น 162 ล้านเส้น ในขณะที่ตลาดยางรถยนต์ทดแทน (Replacement) เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 ปริมาณการจำหน่ายยางรถยนต์กู๊ดเยียร์ในตลาดยางติดรถ (Original Equipment) ลดลงร้อยละ 3
รายได้จากการดำเนินงานตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาของกู๊ดเยียร์ มีมูลค่า 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเปรียบเทียบรายได้จากการดำเนินงานหนึ่งปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันของปี 2556 ซึ่งรายได้ที่มีอัตราลดลงนี้ สะท้อนให้เห็นถึงวัตถุดิบและต้นทุนแปลงสภาพที่ลดลง ซึ่งบางส่วนเป็นผลจากการใช้กลยุทธ์ราคา ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ไม่รวมวัตถุดิบ และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน
“ค่าเผื่อภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี (U.S. tax valuation allowance) ที่บริษัทได้ปล่อยออกมาในรอบ 12 ปีนั้นนับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของกู๊ดเยียร์ ซึ่งเป็นการประกาศถึงความสำเร็จในการสร้างความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจในแถบอเมริกาเหนือค่าเผื่อภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี ที่มีมูลค่าถึง 2.2 พันล้านเหรียญสหรัฐในครั้งนี้ถือเป็นมาตรการสร้างผลประโยชน์ให้แก่ธุรกิจทั้งหลายในอเมริกาเหนือเลยทีเดียว กู๊ดเยียร์จะบันทึกรายได้ที่มาจากภาษีในครั้งนี้ในอนาคต ซึ่งจะทำให้บริษัทไม่ต้องเสียภาษีไปอย่างน้อย 5 ปี และด้วยเหตุนี้ เราได้ตั้งเป้าทำรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10-15 จากที่ทำไว้ในปี 2557 มูลค่าถึง 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ แม้ต้องเผชิญกับภาวะค่าเงินเหรียญสหรัฐที่เพิ่มขึ้น” เครเมอร์กล่าว
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring
ริชาร์ด เจ. เครเมอร์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ จำกัด สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานที่ดีเยี่ยมในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจของโลกกำลังผันผวนและถดถอย ในขณะที่สภาวะของอุตสาหกรรมยางรถยนต์โดยรวมนั้น ส่งผลลัพธ์ออกมาในหลายทิศทางต่างกัน แต่เรายังสามารถประสบความสำเร็จด้านรายได้ในภูมิภาคอเมริกาเหนือและเอเชียแปซิฟิก ซึ่งนับเป็นเครื่องชี้วัดถึงความสำเร็จของเราในการนำมาตรการทางธุรกิจไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับยอดขายของกู๊ดเยียร์ตลอดปี 2557 มีมูลค่า 18.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับปี 2556 ที่มีมูลค่า 19.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเกิดจากผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นมูลค่าถึง 571 ล้านเหรียญสหรัฐ มีปริมาณยางรวมทั้งสิ้น 162 ล้านเส้น ในขณะที่ตลาดยางรถยนต์ทดแทน (Replacement) เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 ปริมาณการจำหน่ายยางรถยนต์กู๊ดเยียร์ในตลาดยางติดรถ (Original Equipment) ลดลงร้อยละ 3
รายได้จากการดำเนินงานตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาของกู๊ดเยียร์ มีมูลค่า 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเปรียบเทียบรายได้จากการดำเนินงานหนึ่งปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันของปี 2556 ซึ่งรายได้ที่มีอัตราลดลงนี้ สะท้อนให้เห็นถึงวัตถุดิบและต้นทุนแปลงสภาพที่ลดลง ซึ่งบางส่วนเป็นผลจากการใช้กลยุทธ์ราคา ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ไม่รวมวัตถุดิบ และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน
“ค่าเผื่อภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี (U.S. tax valuation allowance) ที่บริษัทได้ปล่อยออกมาในรอบ 12 ปีนั้นนับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของกู๊ดเยียร์ ซึ่งเป็นการประกาศถึงความสำเร็จในการสร้างความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจในแถบอเมริกาเหนือค่าเผื่อภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี ที่มีมูลค่าถึง 2.2 พันล้านเหรียญสหรัฐในครั้งนี้ถือเป็นมาตรการสร้างผลประโยชน์ให้แก่ธุรกิจทั้งหลายในอเมริกาเหนือเลยทีเดียว กู๊ดเยียร์จะบันทึกรายได้ที่มาจากภาษีในครั้งนี้ในอนาคต ซึ่งจะทำให้บริษัทไม่ต้องเสียภาษีไปอย่างน้อย 5 ปี และด้วยเหตุนี้ เราได้ตั้งเป้าทำรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10-15 จากที่ทำไว้ในปี 2557 มูลค่าถึง 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ แม้ต้องเผชิญกับภาวะค่าเงินเหรียญสหรัฐที่เพิ่มขึ้น” เครเมอร์กล่าว
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring