xs
xsm
sm
md
lg

สัมผัสแรก “YZF-R3” ในสนามต้องปรับอีกนิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในแวดวงสองล้อชั่วโมงนี้คงไม่มีใครร้อนแรงเกินกว่ารถสปอร์ตรุ่นล่าสุดจากค่ายส้อมเสียง “ยามาฮ่า วายแซดเอฟ-อาร์3” (Yamaha YZF-R3) ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการรวมพลจตุเทพนักแข่งในสังกัด มาร่วมเป็นแขกรับเชิญพิเศษพร้อมขับขี่โชว์สมรรถนะกันถึงสนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

ว่ากันว่างานนี้อาจจะเป็นครั้งแรกที่ 4 นักแข่งตัวกลั่นมาร่วมกิจกรรมบนเวทีเดียวกัน นอกเหนือจากการขับเคี่ยวชังชิยในสังเวียนโมโตจีพี(MotoGP) อันเป็นภาพที่สาวกนักบิดและแฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ตคุ้นเคย หากไม่ใช่บิ๊กอีเว้นท์หรือในวาระพิเศษจริงๆ โอกาสได้สัมผัสตัวเป็นๆ ครบทั้ง วาเลนติโน่ รอสซี่, ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่, พอล เอสปากาโร่ และแบรดเลย์ สมิธ นั้นแทบเป็นไปไม่ได้
นักแข่งในสังกัดมากันพร้อมหน้า นำโดย (จากซ้ายไปขวา) แบรดเลย์ สมิธ, วาเลนติโน่ รอสซี่, ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ และพอล เอสปากาโร่
เหตุนี้เองสะท้อนให้เห็นว่า ยามาฮ่าเดิมพันกับการชูภาพลักษณ์การเป็นผู้นำในตลาดรถสปอร์ตไว้สูงพอสมควร ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของบริษัทที่ต้องการสื่อสารให้กลุ่มลูกค้าเข้าใจและซึมซับถึงความเป็น Yamaha Sporty ได้มากที่สุด อีกทั้งแสดงความมั่นใจว่า ตัวผลิตภัณฑ์ล่าสุดอย่างเจ้า “อาร์3” มีดีพอที่จะใช้เป็นโมเดลเด่นรุกตลาดรถสปอร์ตขนาดเล็กในปีนี้ด้วยเช่นกัน

ก่อนจะไปสัมผัสสมรรถนะการขับขี่ มาสำรวจตรวจสอบกันที่รูปร่างหน้าตา มีความโฉบเฉี่ยวตามเอกลักษณ์ของตระกูล R-Series ประกอบด้วย ไฟหน้าคู่ทรงเหลี่ยมที่ใช้เส้นสายดูคล้ายรถยุโรป ซึ่งเป็นเทรนด์การออกแบบที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ มาพร้อมช่องจมูกรับลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ เบาะนั่งสองชิ้นแยกส่วน แบบฉบับรถสปอร์ตขนานแท้
บรรยากาศก่อนแขกรับเชิญขี่ วายแซดเอฟ-อาร์3 โชว์ในสนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต
ลีลาจตุเทพนักบิดจากค่ายส้อมเสียง
ด้านออฟชันหน้าปัดเรือนวัดความเร็วใช้เข็มวัดรอบแบบอนาล็อกผสมการแสดงสถานะต่างๆ แบบดิจิตอล ได้แก่ ความเร็ว ระยะทาง รวม ทริปบันทึกระยะทาง ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง ตัวเลขบอกตำแหน่งเกียร์ อุณหภูมิน้ำหล่อเย็น และที่สำคัญมีไฟเตือนเปลี่ยนเกียร์ (Shift light) ติดตั้งมาให้ด้วย

สำหรับรูปแบบการทดสอบในสนามช้างฯ ด้วยจำนวนรถและเวลาที่มีจำกัด สื่อแต่ละสำนักจึงได้ขับขี่กันคนละประมาณ 6-9 รอบสนามเท่านั้น แม้จะทำความรู้จักสานสัมพันธ์กันไม่สนิทแนบแน่น ทว่าจำนวนเท่านี้ก็เพียงพอที่จะสรุปอุปนิสัยใจคอของตัวรถได้ในระดับหนึ่งแล้ว
พอล เอสปากาโร่ และแบรดเลย์ สมิธ ลงหวดวันเมคเรซแบบขำๆ กับนักแข่งไทย เฉลิมพล ผลไม้ และเดชา ไกรศาสตร์
อันดับแรกท่านั่งค่อนข้างสบาย ตำแหน่งแฮนด์บังคับและพักเท้าออกแบบค่อนไปทางรถสปอร์ตกึ่งทัวร์ริง ขณะที่ช่วงลำตัวผู้ขี่ไม่ต้องก้มหาตัวรถมากอย่างที่คาดการณ์ไว้ ต่อเนื่องที่การควบคุมมีความคล่องตัว บังคับพลิกเลี้ยวได้ง่ายและรวดเร็ว ด้วยมิติตัวรถขนาดเหมาะสมกับนักบิดไซส์เอเชีย รวมถึงการกระจายน้ำหนักรถ 170 กิโลกรัม ลงสู่ด้านหน้าและหลังในสัดส่วนที่เท่ากันหรือ 50/50 ทำให้รู้สึกได้ถึงสมดุลของตัวรถที่ทำออกมาได้ดีทีเดียว

ส่วนหัวใจของขุมพลัง 2 สูบเรียง DOHC 4 จังหวะ ปริมาตรสุทธิ 321 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 42 แรงม้าที่ 10,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 29.6 นิวตัน-เมตรที่ 9,000 รอบต่อนาที แม้จะไม่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี Crossplane มาจากพวกรุ่นใหญ่ในค่าย
หลังจากนั้นจึงถึงคิวทดสอบขับขี่ของสื่อมวลชน
ถึงอย่างไรเครื่องยนต์บล็อกนี้ก็เป็นบล็อกใหม่ที่ค่ายส้อมเสียงพัฒนาขึ้นมาล่าสุด โดยในด้านสมรรถนะให้สัมผัสอัตราเร่งที่รวดเร็วทันใจ รอบต้นแรง กลางพุ่ง ปลายไหล ในช่วงทางตรงสามารถทำความเร็วทะลุ 165 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้แบบไม่ต้องเค้นกันเหนื่อย รวมถึงการส่งกำลังทำได้ไหลลื่นต่อเนื่องดีมาก หลายครั้งในขณะขับขี่รู้สึกสนุกเพลิดเพลินจนเร่งรอบเครื่องยนต์สูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว และสังเกตุเห็นว่าไฟเปลี่ยนเกียร์ต้องทำหน้าที่กระพริบเตือนบ่อยครั้ง

ขณะที่ประสิทธิภาพของระบบช่วงล่าง แม้จะไม่ค่อยประทับใจเท่าไรนัก เนื่องจากไม่ได้ปรับเซตให้เหมาะสมกับการขับขี่ในสนามแข่งขัน โดยทั้งด้านหน้าและหลังออกอาการทันทีในโค้งที่ใช้ความเร็วสูง แต่อย่างไรก็ตามหากวิ่งบนถนนใช้งานแบบปกติทั่วไป คิดว่าคงถูกใจนักบิดที่ชอบความนุ่มนวลไม่น้อย

ด้านระบบเบรกใช้แบบดิสก์ทั้งหน้าและหลัง โดยรถทดสอบในครั้งนี้ส่วนใหญ่ไร้ระบบ ABS (บางคันมีแต่ผู้เขียนไม่ได้ลอง) นับเป็นข้อดีของการทดสอบวิ่งในสนามแข่งขันที่สามารถกำหนดระยะเบรกได้ด้วยตัวเอง ซึ่งการใช้งานชะลอความเร็วก่อนเข้าโค้งทำได้มั่นใจ ขณะเดียวกันยามาฮ่ายืนยันว่าโฉมทำตลาดในไทยมีจำหน่ายเฉพาะรุ่นที่ติดตั้ง ABS มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานชัวร์

ภาพรวมของสัมผัสแรกในสนามแข่งขันระดับโลก รถสปอร์ตไซส์เล็ก “วายแซดเอฟ-อาร์3” สนนราคา 185,000 บาท นำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย หน้าตาหล่อเหลา สมรรถนะจัดจ้าน คุ้มค่ากับการรอคอยของเหล่าสาวกยามาฮ่าที่ต้องการอัพซีซี.จากกลุ่มรถใช้งานทั่วไป เข้าสู่จุดเริ่มต้นที่จะเป็นตัวเชื่อมไปหาบิ๊กไบค์หรือโมเดลที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต

ส่วนกลุ่มแฟนคลับแบรนด์อื่นๆ เชื่อว่าเมื่อได้ไปลองขับขี่แล้วจะต้องติดใจ แม้จะมีรถในพิกัดระดับนี้อยู่แล้วแต่ก็ยังอยากได้มาครอบครองเพิ่มแน่นอน และผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น!

***ขอขอบคุณ Alpinestars Thailand สำหรับอุปกรณ์ Riding Gear (www.1goal1visionth.com โทร. 02-000-7885-6)

ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring

กำลังโหลดความคิดเห็น