xs
xsm
sm
md
lg

10 รถในสายการผลิตแห่งปี 2014

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แม้ในปีนี้จะเป็นปีค.ศ.ที่ลงท้ายด้วยเลขคู่ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีงานมอเตอร์โชว์ระดับบิ๊กอย่างแฟรงค์เฟิร์ตและโตเกียวมอเตอร์โชว์ แต่ถ้าวัดระดับความฮ็อตของปีนี้จากดัชนีชี้วัดทั้งจำนวนรุ่นรถยนต์ใหม่ที่เปิดตัวและรุ่นที่มีความน่าสนใจ ถือว่าปีนี้สอบผ่าน

เพราะอย่างน้อยทำให้ทีมงานของ ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่งต้องหัวหมุนและลังเลใจกันไม่น้อยในการคัดเลือกรถยนต์ในสายการผลิตหรือ Production Car ที่เปิดตัวในช่วงปีนี้และหลายคันที่เราต้องตัดออกแม้ว่าจะเสียดายแต่เมื่อเปรียบเทียบกับ10 คันที่เลือกมาแล้วจุดเด่นในเชิงวิศวกรรมรวมถึงความสำคัญในแง่การตลาดและประวัติศาสตร์ความเป็นมายังเป็นรอง

และนี่คือ 10 รถยนต์ในสายการผลิตที่เราคิดว่ามีความโดดเด่นอย่างมากในปี 2014

Mercedes-Maybach :มายบัคบุตลาดในช่วง 10 ปีแรกของศตวรรษที่ 21 ก่อนที่จะพบกับความล้มเหลวจนนำไปสู่การเลิกทำตลาดในปี 2012 แต่สุดท้ายแล้วเดมเลอร์ซึ่งเป็นบริษัทแม่ก็ปัดฝุ่นนำชื่อนี้กลับมาใหม่ เพียงแต่คราวนี้ไม่ได้วางตำแหน่งให้อยู่ในระดับท็อปเหมือนกับเมื่อก่อน แต่เลือกที่จะรุกตลาดหรูในระดับที่เหนือกว่า S-Class เท่านั้นด้วยวิธีการง่ายๆคือดัดแปลงตัวถังจาก S600L

ดังนั้นความน่าสนใจของรถยนต์รุ่นนี้คือเดมเลอร์จะทำอย่างไรกับการปลุกผีมายบัคขึ้นมาซึ่งคราวนี้เป็นแค่การเปลี่ยนโลโก้และมีหน้าตาละม้ายกับ S-Class รุ่นปัจจุบันเกือบจะทุกรายละเอียดไม่ได้พัฒนาใหม่ทั้งคันเหมือนกับที่เคยเปิดศึกรุ่นใหญ่กับโรลส์-รอยซ์ของ BMW

ตัวรถเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานแอลเอออโต้โชว์ปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาและทำตลาด2 รุ่นคือ S600 และ S500 ที่ยกเครื่องยนต์วี12 และวี8 มาอัพเรี่ยวแรงขณะที่ภายในห้องโดยสารทำให้หรูแบบสุดๆเพื่อสร้างความประทับใจเพราะมีทั้งเบาะนั่งแบบ Captain Seat พร้อมอุปกรณ์ความสะดวกรายรอบครบครันขณะที่นาฬิกาก็ให้ทาง IWC เป็นผู้ผลิต

ก็ต้องดูกันต่อไปว่าสุดท้ายแล้ว กลยุทธ์นี้จะพาชื่อของมายบัคไปได้ไกลแค่ไหน

Toyota Mirai :Tomorrow คือชื่อในภาษาอังกฤษของMiraiซึ่งเป็นรถยนต์เซลล์เชืื้อเพลิงหรือ Fuel Cell คันใหม่ของโตโยต้า จะว่าไปแล้วสำหรับใครที่ติดตามความเคลื่อนไหวของแวดวงรถยนต์หัวใจสีเขียวมาตลอด อาจจะเฉยๆกับข่าวนี้เพราะว่าโตโยต้าบุกตลาดรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงมาตั้งแต่ปี 2002 ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับฮอนด้าก่อนที่จะยกคันเร่งไปดื้อๆและปล่อยให้คู่แข่งเดินหน้าเอากล่องด้วย
การผลิตรุ่น FCX Clarity ออกมาเพื่อให้บริการคนทั่วไปที่ไม่ใช่หน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนที่มักจะเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของรถยนต์ประเภทนี้

Miraiคือ หลักฐานของการกลับมาเอาจริงในตลาดเซลล์เชื้อเพลิงอีกครั้งของโตโยต้า และที่แน่ๆคือการทำให้รถยนต์ประเภทนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเกินไปแต่ก็ในแง่ของราคาเท่านั้นเพราะในแง่ของระบบสาธารณูปโภคเช่นปั๊มเติมไฮโดรเจนก็ยังเป็นข้อจำกัดที่แก้กันไม่ตกเหมือนเดิม

โตโยต้าตั้งราคาMiraiเอาไว้แค่ 6 ล้านกว่าเยนซึ่งเมื่อโดนได้รับการลดหย่อนจากภาครัฐที่ให้เงินสนับสนุนราคาจะลดลงมาอยู่แค่ 4 ล้านกว่าเยนเท่านั้นและโตโยต้าเองก็มีการตั้งเป้าที่จะผลิตในเชิงพาณิชย์มากขึ้นซึ่งแม้ว่าจะอยู่แค่หลักร้อยแต่ก็ไม่ได้นำหน้าด้วย 1 หรือ 2 เพื่อเป็นการเปิดทางสู่อนาคต ซึ่งโตโยต้าหวังว่ารถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงจะมีการผลิตแบบเชิงพาณิชย์เต็มตัวเหมือนกับไฮบริด....แต่ก็ยังแค่หวังอยู่นะเพราะMiraiก็ไม่ได้ขายขาดแต่เป็นการเช่าใช้

Mazda 2 / Demio :เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ 2 หรือDemioใหม่ติดอยู่ในชาร์ทด้วยคงหนีไม่พ้นเรื่องความฮ็อทของตัวรถที่เกี่ยวพันและเกี่ยวเนื่องกับตลาดเมืองไทยซึ่งใครๆก็เฝ้าจับตามองโดยเฉพาะการจับเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลมาวางอยู่ใต้ฝากระโปรงซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับตลาดกลุ่ม B-Segment ยุคใหม่ในบ้านเรา

นอกจากนั้นในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปที่ผ่านมามาสด้ายังทำให้ตลาดไทยกลายเป็นจุดสนใจไปทั่วโลกเพราะเป็นตลาดรถยนต์แห่งแรกที่มีการเปิดตัวรุ่นซีดานของ 2 ใหม่


Ferrari F60 America :ไม่น่าเชื่อว่าเฟอร์รารี่จะอยู่คู่กับตลาดรถยนต์อเมริกันมานานร่วม 60 ปีแล้วแต่นี่ก็คือเรื่องจริง และเพื่อตอบสนองความพิเศษของตลาดกลุ่มนี้พวกเขาก็เลยผลิตเวอร์ชันพิเศษออกมาเอาใจลูกค้าทีี่่นี่...แต่ก็แค่ 10 คันเท่านั้น

การฉลองครั้งนี้ Ferrari เลือกรุกตลาดด้วยการพัฒนารถสปอร์ตเครื่องยนต์วางด้านหน้าแบบ2 ที่นั่งขึ้นมาพร้อมกับการเปิดประทุนรับลมเย็นโดยที่มีหลังคาผ้าใบแบบพับเก็บหรือกางออกด้วยระบบไฟฟ้าซ่อนอยู่ทางด้านหลังและสามารถทำงานได้แม้ว่าจะรถกำลังแล่นอยู่ในระดับความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ส่วนขุมพลังด้านหน้าก็คุ้นเคยกันดีกับบล็อกวี12 6,300 ซีซีอันโด่งดังแม้ว่า Ferrari จะไม่เปิดเผยรายละเอียดออกมาแต่การที่สามารถแล่นทะยานด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 3.1 วินาทีตัวเลขแรงม้าและแรงบิดย่อมไม่ธรรมดาซึ่งเมื่อดูจากสเป็กของ F12Berlinetta แล้วตัวเลขไม่น่าจะต่ำกว่า 740 แรงม้าอย่างแน่นอน


Mini 5-Door :หลังจากขายด้วยตัวถังแบบ 3 ประตูนานถึง 2 เจนเนอเรชั่นในยุคใหม่จนคนแทบจะหมดหวังตัวถังแบบ 5 ประตูกันไปแล้วแต่อยู่ดีๆมินิก็สร้างเซอร์ไพรส์เปิดตัวรุ่นอเนกประสงค์ในแบบ 5 ประตูของมินิแฮทช์แบ็กออกมา

นอกจากจำนวนประตูที่เพิ่มขึ้นมาแล้วยังได้รับการพัฒนาบนระยะฐานล้อที่มากกว่ารุ่นปกติอีก 72 มิลลิเมตรเป็น 2,567 มิลลิเมตรและมีตัวถังที่ยาวขึ้นอีก 161 มิลลิเมตรเป็น 3,982 มิลลิเมตรเพื่อรองรับกับพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้นส่งผลให้พื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายของตัวรถมีเพิ่มขึ้นจากรุ่น 3 ประตูอีก 67 ลิตรเป็น 278 ลิตรและเบาะหลังสามารถแยกพับเก็บได้ในอัตรา 60:40 ซึ่งเมื่อพับลงทั้งหมดจะมีพื้นที่เก็บสัมภาระอยู่ที่ 941 ลิตร

ในแง่ของทางเลือกเครื่องยนต์ก็ไม่แตกต่างจากรุ่น 3 ประตูโดยจะมีให้สัมผัสกันอย่างหลากหลายเริ่มตั้งแต่เบนซิน 3 สูบ 1,500 ซีซี 136 แรงม้าเทอร์โบในรุ่นธรรมดาในรหัส Cooper ไปจนถึงตัวแรงเร้าใจในรหัส Cooper S กับขุมพลัง 4 สูบ 2,000 ซีซีเทอร์โบ 192 แรงม้าและมีรุ่นเทอร์โบดีเซลหรือ Cooper D เป็นอีกทางเลือกด้วยเครื่องยนต์ 3 สูบ 1,500 ซีซี 116 แรงม้าและ 4 สูบ 2,000 ซีซี 170 แรงม้า


Citroen C4 Cactus :ซีตรองยังเป็นแบรนด์ที่สร้างสรรค์อะไรที่แปลกและดูโดดเด่นออกมาให้ตลาด ได้ทึ่งเสมอและในปี 2014 พวกเขาได้เผยโฉม SUV ทรงสวยหน้าตาดูดีอย่าง C4 Cactus ออกสู่ตลาดหลังจากที่เคยเปิดตัวเป็นต้นแบบเมื่อ 7 ปีที่แล้ว

Cactus มากับตัวถังทรงสองกล่องตามฉบับรถยนต์อเนกประสงค์และยึดเลย์เอาท์การจัดวางเบาะนั่งในแบบ 3+3 เรียกว่าเบาะนั่งมีมาให้แค่2 แถวแต่นั่งได้แถวละ 3 คนซึ่งก็รวมถึงเบาะหน้าที่มีลักษณะยาวเป็นโซฟาเหมือนกับปิกอัพแบบตอนเดียวในบ้านเราสมัยก่อน

บนตัวถังแบบ 5 ประตูมาพร้อมกับความยาว 4,160 มิลลิเมตรกว้าง 1,730 มิลลิเมตรพร้อมระยะฐานล้อ 2,600 มิลลิเมตรส่วนความสูงอยู่ที่ 1,480 มิลลิเมตรส่วนรูปลักษณ์ภายนอกบอกได้คำเดียวว่าทันสมัยแบบสุดๆและมีส่วนคล้ายกับต้นแบบในปี 2013 มากกว่ารุ่นดั้งเดิมในปี 2007

ในแง่ของเครื่องยนต์ที่ทำตลาดยังไม่มีการยืนยันจากซีตรองอย่างเป็นทางการแต่ก็มีการฟันธงว่าจะมีเบนซิน 3 สูบ 1,000 ซีซีเทอร์โบ 81 แรงม้าตามด้วย e-THP ที่มีความเร้าใจเพิ่มขึ้นเป็น 108 แรงม้าและดีเซลที่มีกำลังอยู่ระหว่าง 90-99 แรงม้า


Volvo XC90 :กว่าจะได้เปลี่ยนโฉมกันสักทีลูกค้าของ XC90 ต้องรอคอยกันนานซึ่งส่วนหนึ่งของความล่าช้าในครั้งนี้น่าจะเป็นผลมาจากความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของกิจการที่ทางฟอร์ดบริษัทแม่เดิมวางแผนขายกิจการของวอลโว่ในช่วงปลายทศวรรษที่ 2000 ก็เลยทำให้เรื่องราวคาราคาซังและส่งผลต่อโครงการพัฒนาโมเดลเชนจ์ของ XC90

XC90 ได้รับการพัฒนาบนพื้นตัวถังใหม่ที่เรียกว่า Volvo Scalable Product Platform ขณะที่งานออกแบบเป็นการต่อยอดการออกแบบจากต้นแบบรุ่น XC Coupe Concept ที่เปิดตัวเมื่อต้นปี 2014 ส่วนทางเลือกของเครื่องยนต์มีหลากหลายทั้งเบนซินดีเซลและไฮบริดโดยรุ่นท็อปเป็นขุมพลัง Twin Engine ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซีพร้อมระบบอัดอากาศทั้งซูเปอร์ชาร์จและเทอร์โบโดยทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งสามารถผลิตกำลังออกมารวมกันได้ถึง 400 แรงม้าในรุ่น Plug-in Hybrid ส่วนรุ่นเบนซินในรหัส T6 จะใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซีเทอร์โบ+ซูเปอร์ชาร์จที่มีกำลัง 316 แรงม้าโดยที่รุ่นดีเซลเป็นรหัส D5 มีทั้งกำลัง 190 และ 225 แรงม้า


Mercedes-AMG GT :นับจากการประกาศเดินหน้ารุกสู่ตลาดซูเปอร์คาร์เมื่อทศวรรษที่ 1990 เมอร์เซเดส-เบนซ์ไม่เคยขาดตอนในแง่ของการส่งผลผลิตเข้ามาสร้างสีสัน โดยนับจาก SLR ที่เป็นโปรเจ็กต์ร่วมกับอดีตพันธมิตรอย่างแม็คลาเรนแล้วก็มาถึงคิวที่คิดเองทำเองอย่าง SLS AMG โดยที่มี AMG GT เป็นผลผลิตใหม่ล่าสุดที่เข้ามาทำตลาดแทนรุ่นพี่

ตัวรถขึ้นรูปในแบบSpaceframeโดยใช้อะลูมิเนียมเป็นวัสดุหลักในการผลิตผสมผสานกับเหล็กและแม็กนีเซียมส่วนหน้าตามาในสไตล์ฟาสต์แบ็คที่มีเส้นสายคล้ายกับรถสปอร์ตในอดีตและมีน้ำหน้กตัวราวๆ 1,540-1,570 กิโลกรัม

ทางเลือกของเครื่องยนต์มี 2 แบบ โดยอิงพื้นฐานของขุมพลังแบบวี8 4,000 ซีซีเทอร์โบคู่โดยรุ่นธรรมดามีกำลัง 460 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาทีแรงบิดสูงสุด 61.1 กก.-ม. ที่ 1,500-5,000 รอบ/นาทีมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงอยู่ที่ 4 วินาทีและทำความเร็วสูงสุด 304 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ส่วนอีกรุ่นคือ AMG GT S มีกำลังขยับขึ้นมาเป็น 510 แรงม้าที่ 6,250 รอบ/นาทีและแรงบิดสูงสุด 66.2 กก.-ม. ที่ 1,750-4,750 รอบ/นาทีใช้เวลา 3.8 วินาทีสำหรับอัตราเร่งและ 310 กิโลเมตร/ชั่วโมงสำหรับความเร็วปลายโดยทั้งสองรุ่นจับคู่ในการส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ

Aston Martin Lagonda :โปรเจ็กต์คืนชีพรหัสหรูของแอสตันมาร์ตินคราวนี้อาจจะแตกต่างจากที่เคยประกาศออกมาไม่ว่าจะเป็นชื่อแบรนด์ที่ตอนแรกจะแยกออกมาเป็นซับแบรนด์แต่สุดท้ายก็เป็นแค่รุ่นของแอสตันมาร์ตินเช่นเดียวกับรถยนต์เปิดตลาดไม่ใช่ SUV ตามที่เปิดตัวต้นแบบแต่เป็นสปอร์ตซีดานที่สำคัญแอสตันมาร์ตินมุ่งเน้นการทำตลาดตะวันออกกลางเป็นหลัก

ลากอนด้าจะแชร์พื้นตัวถังที่พัฒนามาจากพื้นตัวถังรุ่นเดียวและรุ่นดังของบริษัทคือ VH-Vertical Horizontal เหมือนกับรถยนต์รุ่นอื่นๆของแอสตันมาร์ตินแต่จะมากับตัวถัง4 ประตูที่แฝงความสปอร์ตและตกแต่งภายในแบบหรูสุดๆขณะที่ตัวถังจะได้รับการผลิตจากส่วนของผสมวัสดุอย่างอะลูมิเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์

ส่วนรายละเอียดอื่นๆยังไม่มีการเปิดเผยออกมาในตอนนี้แต่เชื่อว่าเครื่องยนต์ที่อยู่ด้านหน้าน่าจะ ใช้ขุมพลังวี12 6,000 ซีซีที่เป็นบล็อกสหกรณ์ของแบรนด์อย่างแน่นอนเพียงแต่อาจจะปรับบุคลิกของเครื่องยนต์ให้สอดคล้องกับตัวรถและแตกต่างจากสเปกที่วางอยู่ใน DB9 DBS หรือแม้แต่ One-77

สำหรับเรื่องที่เน้นตลาดตะวันออกกลางเป็นหลักก็เพราะในลากอนด้ารุ่นที่แล้ว เกินครึ่งของยอดขายอยู่ที่ตลาดแห่งนี้ นั่นก็เลยทำให้แอสตันมาร์ตินมั่นใจว่าน่าจะทำให้ยอดขายแล่นฉิวเมื่อขายจริง


Renault Twingo :หลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการเป็นพันธมิตรกันระหว่างนิสสัน-เรโนลต์กับเดมเลอร์ เพราะว่าทวิงโก้ใหม่ของค่ายเรโนลต์ถูกพัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับสมาร์ท แบรนด์รถยนต์ไซส์เล็กของเดมเลอร์ และนั่นจึงทำให้มันกลายเป็นแฮทช์แบ็กเครื่องยนต์วางท้ายและขับเคลื่อนล้อหลังไปโดยปริยาย

ตัวรถถูกเปิดตัวในงานเจนีวามอเตอร์โชว์ 2014 พร้อมหน้าตาที่ถอดแบบมาจากต้นแบบรุ่นTwin’Z แต่สิ่งที่อยู่ภายในคือพื้นตัวถังที่มาจากข้อตกลงแห่งความร่วมมือกับแบรนด์ดังของเยอรมนี ที่ถูกพัฒนาร่วมกันภายใต้ชื่อ Project Edison

ในรุ่นที่ทำตลาดมีทั้งเครื่องยนต์900 ซีซีเทอร์โบตัวแรงที่มีกำลังถึง 90 แรงม้าพร้อมระบบ Auto Start&Stopและ 1,000 ซีซี 71 แรงม้า


กำลังโหลดความคิดเห็น