ข่าวในประเทศ - “มาสด้า” ยกไทยต้นแบบทั่วโลก ทั้งเป็นศูนย์กลางและตลาดหลักในการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ รวมถึงการเป็นฐานการส่งออก เผยโฟกัสอาเซียนในลำดับต้นๆ เหตุมีศักยภาพการเติบโตสูงสุด ส่วนในไทยคาดปีนี้จะผลักดันยอดขายบรรลุ 3.5 หมื่นคัน หรือครองแชร์ 4% และเชื่อมั่นปีหน้าจะเพิ่มเป็น 5% จากการชูกลยุทธ์ที่สร้างความแตกต่าง
ฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาสด้ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้ไทยกลายเป็นตลาดหลักที่สำคัญของมาสด้าทั่วโลก และก้าวขึ้นมาอยู่อันดับ 6 ของตลาดยอดขายสูงสุด และปัจจุบันไทยนับเป็นฐานการผลิตหลักระดับโลกของมาสด้า จากการลงทุนโครงการอีโคคาร์ โรงงานผลิตเกียร์และเครื่องยนต์เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เป็นแห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น นอกจากโรงงานประกอบรถยนต์ในไทย
“ที่สำคัญมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ยกระดับให้มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เป็นต้นแบบของมาสด้าทั่วโลก เป็นศูนย์กลางและตลาดหลักในการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ รวมทั้งการนำเทคโนโลยีใหม่มาจัดแสดง โดยเฉพาะเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่ได้ทยอยแนะนำสู่ตลาดไทย และในต้นปีหน้าจะมีการเปิดตัวอีโคคาร์รุ่นมาสด้า2 โฉมใหม่ และมาสด้ากำลังผลักดันรถยนต์รุ่นอื่นๆ ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟในตลาดไทย รวมถึงเป็นฐานส่งออกสำคัญของมาสด้า”
ทั้งนี้มาสด้ามองภาพรวมอาเซียนนับเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตและขยายธุรกิจสูงที่สุด ทำให้มาสด้ามีนโยบายชัดเจนในการโฟกัสธุรกิจมายังอาเซียน โดยใช้ไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ประกอบกับการสนับสนุนของภาครัฐต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ มาสด้าจึงได้มีการลงทุนเพิ่มนอกจากการประกอบรถยนต์ ยังเป็นในส่วนของโครงการอีโคคาร์ ตั้งโรงงานผลิตเกียร์ และเครื่องยนต์
“สิ่งเหล่านี้เป็นกลยุทธ์สำคัญในการเติบโตของมาสด้า จะเห็นว่าที่ผ่านมาการเติบโตของมาสด้ามาจากการลงทุน อย่างการตัดสินใจลงทุนผลิตรถยนต์นั่งในไทยเมื่อหลายปีก่อน ดังนั้นการลงทุนล่าสุดมูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านบาท สูงสุดในภูมิภาคอาเซียน หรือมากกว่าประเทศอื่นๆ กว่า 50 เท่าตัว เหตุนี้จึงเชื่อมั่นจะช่วยผลักดันให้มาสด้าเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไทยและภูมิภาคอาเซียน พร้อมกับเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยจะเริ่มจากประเทศออสเตรเลีย อาเซียน และกำลังหาช่องทางส่งออกไปยังประเทศพัฒนาต่อไป”
นายทาเกสึเอะเปิดเผยว่า สำหรับปีนี้มาสด้าคาดว่าจะมียอดขายในไทยประมาณ 35,000 คัน ส่วนตลาดรถยนต์โดยรวมทั้งประเทศน่าจะมีมากกว่า 850,000 คัน ซึ่งจะทำให้มาสด้าสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาด 4% เท่ากับปีที่ผ่านมา และในปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 5% และประเมินว่าตลาดรถยต์รวมของไทยจะเพิ่มเป็นกว่า 10% หรือมากกว่า 900,000 คัน
“อย่างไรก็ตาม คงต้องดูนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการควบคุมหนี้สินต่อครัวเรือน ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้จ่ายของประชาชน จึงต้องจับตาตรงนี้จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดรถยนต์โดยรวมปีหน้าหรือไม่”
ฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาสด้ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้ไทยกลายเป็นตลาดหลักที่สำคัญของมาสด้าทั่วโลก และก้าวขึ้นมาอยู่อันดับ 6 ของตลาดยอดขายสูงสุด และปัจจุบันไทยนับเป็นฐานการผลิตหลักระดับโลกของมาสด้า จากการลงทุนโครงการอีโคคาร์ โรงงานผลิตเกียร์และเครื่องยนต์เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เป็นแห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น นอกจากโรงงานประกอบรถยนต์ในไทย
“ที่สำคัญมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ยกระดับให้มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เป็นต้นแบบของมาสด้าทั่วโลก เป็นศูนย์กลางและตลาดหลักในการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ รวมทั้งการนำเทคโนโลยีใหม่มาจัดแสดง โดยเฉพาะเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่ได้ทยอยแนะนำสู่ตลาดไทย และในต้นปีหน้าจะมีการเปิดตัวอีโคคาร์รุ่นมาสด้า2 โฉมใหม่ และมาสด้ากำลังผลักดันรถยนต์รุ่นอื่นๆ ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟในตลาดไทย รวมถึงเป็นฐานส่งออกสำคัญของมาสด้า”
ทั้งนี้มาสด้ามองภาพรวมอาเซียนนับเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตและขยายธุรกิจสูงที่สุด ทำให้มาสด้ามีนโยบายชัดเจนในการโฟกัสธุรกิจมายังอาเซียน โดยใช้ไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ประกอบกับการสนับสนุนของภาครัฐต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ มาสด้าจึงได้มีการลงทุนเพิ่มนอกจากการประกอบรถยนต์ ยังเป็นในส่วนของโครงการอีโคคาร์ ตั้งโรงงานผลิตเกียร์ และเครื่องยนต์
“สิ่งเหล่านี้เป็นกลยุทธ์สำคัญในการเติบโตของมาสด้า จะเห็นว่าที่ผ่านมาการเติบโตของมาสด้ามาจากการลงทุน อย่างการตัดสินใจลงทุนผลิตรถยนต์นั่งในไทยเมื่อหลายปีก่อน ดังนั้นการลงทุนล่าสุดมูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านบาท สูงสุดในภูมิภาคอาเซียน หรือมากกว่าประเทศอื่นๆ กว่า 50 เท่าตัว เหตุนี้จึงเชื่อมั่นจะช่วยผลักดันให้มาสด้าเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไทยและภูมิภาคอาเซียน พร้อมกับเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยจะเริ่มจากประเทศออสเตรเลีย อาเซียน และกำลังหาช่องทางส่งออกไปยังประเทศพัฒนาต่อไป”
นายทาเกสึเอะเปิดเผยว่า สำหรับปีนี้มาสด้าคาดว่าจะมียอดขายในไทยประมาณ 35,000 คัน ส่วนตลาดรถยนต์โดยรวมทั้งประเทศน่าจะมีมากกว่า 850,000 คัน ซึ่งจะทำให้มาสด้าสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาด 4% เท่ากับปีที่ผ่านมา และในปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 5% และประเมินว่าตลาดรถยต์รวมของไทยจะเพิ่มเป็นกว่า 10% หรือมากกว่า 900,000 คัน
“อย่างไรก็ตาม คงต้องดูนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการควบคุมหนี้สินต่อครัวเรือน ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้จ่ายของประชาชน จึงต้องจับตาตรงนี้จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดรถยนต์โดยรวมปีหน้าหรือไม่”