ค่าย “มาสด้า” สร้างความฮือฮาทีเดียว กับการประกาศเปิดตัวโฉมใหม่ “มาสด้า2 สกายแอคทีฟ” แบบสายฟ้าแลบ! ทันทีที่ได้รับการอนุมัติโครงการอีโคคาร์ เฟส2 ทำเอาค่ายรถอื่นๆ มึนงงพูดไม่ออก แถมยังทำเอาตลาดช็อก! ด้วยการส่งหมัดแรกเครื่องยนต์ดีเซล Skyactiv D 1.5 ลิตร มาสร้างความแตกต่างในตลาด แต่หากดูความเคลื่อนไหวของมาสด้า ชัดเจนว่าไทยมีความสำคัญอย่างมาก เป็นรองเพียงที่ประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น โดยเฉพาะการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด “สกายแอคทีฟ” มาตั้งฐานผลิตชิ้นส่วนหลักๆ ในไทย จึงเป็นไปได้สูงที่จะมีรถภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟรุ่นอื่นตามมาอีกในอนาคต…
การผลิตรถยนต์ในไทยของมาสด้าไม่ใช่เรื่องใหม่ ที่ผ่านมานอกจากปิกอัพที่ใช้ไทยเป็นฐานผลิตเช่นเดียวกับค่ายอื่นๆ แล้ว ยังมีการขึ้นไลน์ประกอบรถยนต์นั่ง “มาสด้า2” ในรุ่นปัจจุบัน และล่าสุดเพิ่งปรับไลน์รองรับการผลิตร “มาสด้า3 สกายแอคทีฟ” ซึ่งเป็นการนำเข้าชิ้นส่วนหลักๆ มาจากญี่ปุ่น เพื่อมาประกอบในโรงงานออโต้ อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย หรือ AAT ที่เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างฟอร์ดกับมาสด้า
แต่สิ่งที่แสดงให้เห็นว่ามาสด้าให้ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยอย่างมาก นั่นคือการประกาศลงทุนมูลค่ากว่า 26,000 ล้านเยน หรือกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อตั้งโรงงานผลิตเกียร์อัตโนมัติ Skyactiv- Drive ที่จังหวัดชลบุรี ใกล้ๆ กับโรงงานเอเอที โดยเป็นการลงทุนของมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น 100% และถือเป็นโรงงานผลิตเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟแห่งแรกนอกจากประเทศญี่ปุ่นของมาสด้า
ตามการประกาศลงทุนโรงงานผลิตเกียร์อัตโนมัติดังกล่าว จะเริ่มไลน์ผลิตช่วงปลายปี 2559 แต่จากรายงานข่าวล่าสุดโรงงานเสร็จเรียบร้อย และเริ่มทดลองการผลิตแล้ว คาดว่าจะเริ่มเดินสายการผลิตได้ในต้นปีหน้า นั่นแสดงให้เห็นว่ามาสด้าได้ขยับแผนการผลิตเร็วขึ้น ซึ่งนอกจากส่งออกแล้วยังรองรับการผลิตอีโคคาร์ “มาสด้า2 สกายแอคทีฟ” ได้ทันที
การเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ เฟส2 ของ “มาสด้า2 สกายแอคทีฟ” จึงนับเป็นจุดสำคัญในการยกระดับไทย ให้เป็นฐานผลิตของมาสด้าระดับโลก เป็นรองเพียงประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น เพราะเป็นการลงทุนเพิ่มอีก 1.2 หมื่นล้านบาทในโครงการดังกล่าว ไม่รวมอีกกว่า 1 หมื่นล้านบาทในการตั้งโรงงานผลิตเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ และการลงทุนในส่วนของโรงงานประกอบรถยนต์เอเอที
ทั้งนี้สิ่งสำคัญของการลงทุนในโครงการอีโคคาร์ น่าจะเป็นการตั้งโรงงานผลิตเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ (Skyactiv Engine) ซึ่งมาสด้าได้ตั้งโรงงานแห่งใหม่ในบริเวณเดียวกับโรงงานเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ โดยเรียกโรงงานทั้งสองแห่งรวมกันว่า “มาสด้า พาวเวอร์ เทรน แมนูเฟคเจอริ่ง ไทยแลนด์” หรือ MPMT
สำหรับโรงงานผลิตเครื่องยนต์สกายแอคทีฟของมาสด้า นับเป็นโรงงานแห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่นเช่นกัน นั่นหมายความเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่ประกอบด้วยเครื่องยนต์, ระบบส่งกำลัง หรือเกียร์, ตัวถัง และช่วงล่าง ซึ่งจะเห็นว่าหัวใจสำคัญล้วนมีฐานการผลิตในไทย
ไม่เพียงเท่านั้นมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ยังได้ดึงซัพพลายเออร์ หรือผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ 3 รายเข้ามาตั้งโรงงานในพื้นทีเดียวกัน และในส่วนชิ้นส่วนที่ไม่ต้องใช้เทคโนโลยีสูงนัก อย่างพวกวาล์วยังคงใช้ผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศแทน
แน่นอนเบื้องต้นการผลิตเกียร์อัตโนมัติ และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ จะรองรับการส่งออกทั่วโลก และการผลิตรถยนต์เทคโนโลยีสกายแอคทีฟในไทย ไม่ว่าจะเป็นมาสด้า3 และรุ่นใหม่ล่าสุด “มาด้า2 สกายแอคทีฟ” ภายใต้โครงการอีโคคาร์ แต่จากการรวมเอาหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟมาไว้ในไทย จึงทำให้มีการมองไปข้างหน้ายังรถรุ่นอื่นๆ ที่จะเข้ามาทำตลาดในไทย
หากดูจากเทคโนโลยีและรุ่นรถที่รองรับการผลิต คงต้องจับตารถรุ่นใหม่ “มาสด้า ซีเอ็กซ์-3” (Mazda CX-3) ที่จะเผยโฉมคันต้นแบบในงานแอลเอ ออโต้ โชว์ 2014 ที่สหรัฐอเมริกาปลายปีนี้ เพราะรถรุ่นนี้ได้ใช้พื้นฐานตัวถังของ “มาสด้า2” ในการพัฒนามาให้เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ B- Crossover จากการรายงานของสื่อในต่างประเทศ มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 จะวางเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv G 1.3 ลิตร และดีเซล Skyactiv D 1.5 ลิตร เช่นเดียวกับมาสด้า 2 สกายแอคทีฟ โฉมใหม่
ยิ่งเมื่อฟังคำพูดของ “สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี” รองประธานบริหารมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ที่วิเคราะห์ถึงการนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาทำตลาดว่า… “รถยนต์ที่น่าสนใจ หากจะนำมาทำตลาดในไทย น่าจะเป็นครอสโอเวอร์ขนาดเล็ก เพราะเป็นตลาดที่เริ่มมีศักยภาพ”
ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่อนาคตรถรุ่นนี้ จะผลิตและทำตลาดในไทย เพื่อชนกับคู่แข่งในตลาดปัจจุบัน “ฟอร์ด เอคโคสปอร์ต” (Ford Ecosport) ที่พัฒนามาจากรุ่นเฟียสต้า หรือ “นิสสัน จู๊ค” รวมถึงรุ่นใหม่อย่าง อย่าง “ฮอนด้า เอชอาร์-วี” (Honda HR-V) ที่จะเปิดตัวในไทยวันที่ 17 พศจิกายนนี้ ซึ่งเป็นรถที่พัฒนาจากโครงสร้างพื้นตัวถังของ “ฮอนด้า แจ๊ซ”
ในส่วนของอีโคคาร์ “มาสด้า2 สกายแอคทีฟ” จะเริ่มเปิดไลน์การผลิตที่โรงานเอเอทีอย่างเป็นทางการ วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤจิกายนนี้ โดยในไทยจะเผยโฉมสู่สาธารณชนที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2014 และจะเป็นการเปิดตัวรุ่นซีดาน หรือ 4 ประตู ของมาสด้า2 สกายแอคทีฟครั้งแรกในโลก แต่การวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จะมีขึ้นในเดือนมกราคมปีหน้า ด้วยการมีให้เลือกทั้งรุ่นซีดานและแฮทช์แบ็ก ซึ่งเบื้องต้นทำตลาดกับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล Skyactiv D 1.5 ลิตร 105 แรงม้า ทั้งนี้มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย วางเป้าหมายการขายมาสด้า2 สกายแอคทีฟ ไว้ที่เดือนละ 2,000 คัน
สำหรับราคาจำหน่ายจะยังไม่เปิดเผย จนกว่าจะวางขายเป็นทางการ ซึ่งจากการเปิดเผยของผู้บริหารมาสด้าราคาจะไม่ต่ำเหมือนกับอีโคคาร์ เพราะด้วยมาตรฐานของโครงการอีโคคาร์ เฟส 2 ที่สูงกว่าเฟสแรก ทำให้ส่งผลต่อต้นทุนโดยตรง ประกอบกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และยังเป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่ปกติจะมีราคาสูงกว่าเบนซินอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม… หญิงแกร่งแห่งค่ายมาสด้า “สุรีทิพย์” บอกว่า “มาสด้า2 สกายแอคทีฟ” อาจจะไม่ต่ำอย่างอีโคคาร์เฟสแรก แต่ยืนยันมีเซอร์ไพรส์แน่นอน?!!
การผลิตรถยนต์ในไทยของมาสด้าไม่ใช่เรื่องใหม่ ที่ผ่านมานอกจากปิกอัพที่ใช้ไทยเป็นฐานผลิตเช่นเดียวกับค่ายอื่นๆ แล้ว ยังมีการขึ้นไลน์ประกอบรถยนต์นั่ง “มาสด้า2” ในรุ่นปัจจุบัน และล่าสุดเพิ่งปรับไลน์รองรับการผลิตร “มาสด้า3 สกายแอคทีฟ” ซึ่งเป็นการนำเข้าชิ้นส่วนหลักๆ มาจากญี่ปุ่น เพื่อมาประกอบในโรงงานออโต้ อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย หรือ AAT ที่เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างฟอร์ดกับมาสด้า
แต่สิ่งที่แสดงให้เห็นว่ามาสด้าให้ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยอย่างมาก นั่นคือการประกาศลงทุนมูลค่ากว่า 26,000 ล้านเยน หรือกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อตั้งโรงงานผลิตเกียร์อัตโนมัติ Skyactiv- Drive ที่จังหวัดชลบุรี ใกล้ๆ กับโรงงานเอเอที โดยเป็นการลงทุนของมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น 100% และถือเป็นโรงงานผลิตเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟแห่งแรกนอกจากประเทศญี่ปุ่นของมาสด้า
ตามการประกาศลงทุนโรงงานผลิตเกียร์อัตโนมัติดังกล่าว จะเริ่มไลน์ผลิตช่วงปลายปี 2559 แต่จากรายงานข่าวล่าสุดโรงงานเสร็จเรียบร้อย และเริ่มทดลองการผลิตแล้ว คาดว่าจะเริ่มเดินสายการผลิตได้ในต้นปีหน้า นั่นแสดงให้เห็นว่ามาสด้าได้ขยับแผนการผลิตเร็วขึ้น ซึ่งนอกจากส่งออกแล้วยังรองรับการผลิตอีโคคาร์ “มาสด้า2 สกายแอคทีฟ” ได้ทันที
การเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ เฟส2 ของ “มาสด้า2 สกายแอคทีฟ” จึงนับเป็นจุดสำคัญในการยกระดับไทย ให้เป็นฐานผลิตของมาสด้าระดับโลก เป็นรองเพียงประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น เพราะเป็นการลงทุนเพิ่มอีก 1.2 หมื่นล้านบาทในโครงการดังกล่าว ไม่รวมอีกกว่า 1 หมื่นล้านบาทในการตั้งโรงงานผลิตเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ และการลงทุนในส่วนของโรงงานประกอบรถยนต์เอเอที
ทั้งนี้สิ่งสำคัญของการลงทุนในโครงการอีโคคาร์ น่าจะเป็นการตั้งโรงงานผลิตเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ (Skyactiv Engine) ซึ่งมาสด้าได้ตั้งโรงงานแห่งใหม่ในบริเวณเดียวกับโรงงานเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ โดยเรียกโรงงานทั้งสองแห่งรวมกันว่า “มาสด้า พาวเวอร์ เทรน แมนูเฟคเจอริ่ง ไทยแลนด์” หรือ MPMT
สำหรับโรงงานผลิตเครื่องยนต์สกายแอคทีฟของมาสด้า นับเป็นโรงงานแห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่นเช่นกัน นั่นหมายความเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่ประกอบด้วยเครื่องยนต์, ระบบส่งกำลัง หรือเกียร์, ตัวถัง และช่วงล่าง ซึ่งจะเห็นว่าหัวใจสำคัญล้วนมีฐานการผลิตในไทย
ไม่เพียงเท่านั้นมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ยังได้ดึงซัพพลายเออร์ หรือผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ 3 รายเข้ามาตั้งโรงงานในพื้นทีเดียวกัน และในส่วนชิ้นส่วนที่ไม่ต้องใช้เทคโนโลยีสูงนัก อย่างพวกวาล์วยังคงใช้ผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศแทน
แน่นอนเบื้องต้นการผลิตเกียร์อัตโนมัติ และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ จะรองรับการส่งออกทั่วโลก และการผลิตรถยนต์เทคโนโลยีสกายแอคทีฟในไทย ไม่ว่าจะเป็นมาสด้า3 และรุ่นใหม่ล่าสุด “มาด้า2 สกายแอคทีฟ” ภายใต้โครงการอีโคคาร์ แต่จากการรวมเอาหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟมาไว้ในไทย จึงทำให้มีการมองไปข้างหน้ายังรถรุ่นอื่นๆ ที่จะเข้ามาทำตลาดในไทย
หากดูจากเทคโนโลยีและรุ่นรถที่รองรับการผลิต คงต้องจับตารถรุ่นใหม่ “มาสด้า ซีเอ็กซ์-3” (Mazda CX-3) ที่จะเผยโฉมคันต้นแบบในงานแอลเอ ออโต้ โชว์ 2014 ที่สหรัฐอเมริกาปลายปีนี้ เพราะรถรุ่นนี้ได้ใช้พื้นฐานตัวถังของ “มาสด้า2” ในการพัฒนามาให้เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ B- Crossover จากการรายงานของสื่อในต่างประเทศ มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 จะวางเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv G 1.3 ลิตร และดีเซล Skyactiv D 1.5 ลิตร เช่นเดียวกับมาสด้า 2 สกายแอคทีฟ โฉมใหม่
ยิ่งเมื่อฟังคำพูดของ “สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี” รองประธานบริหารมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ที่วิเคราะห์ถึงการนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาทำตลาดว่า… “รถยนต์ที่น่าสนใจ หากจะนำมาทำตลาดในไทย น่าจะเป็นครอสโอเวอร์ขนาดเล็ก เพราะเป็นตลาดที่เริ่มมีศักยภาพ”
ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่อนาคตรถรุ่นนี้ จะผลิตและทำตลาดในไทย เพื่อชนกับคู่แข่งในตลาดปัจจุบัน “ฟอร์ด เอคโคสปอร์ต” (Ford Ecosport) ที่พัฒนามาจากรุ่นเฟียสต้า หรือ “นิสสัน จู๊ค” รวมถึงรุ่นใหม่อย่าง อย่าง “ฮอนด้า เอชอาร์-วี” (Honda HR-V) ที่จะเปิดตัวในไทยวันที่ 17 พศจิกายนนี้ ซึ่งเป็นรถที่พัฒนาจากโครงสร้างพื้นตัวถังของ “ฮอนด้า แจ๊ซ”
ในส่วนของอีโคคาร์ “มาสด้า2 สกายแอคทีฟ” จะเริ่มเปิดไลน์การผลิตที่โรงานเอเอทีอย่างเป็นทางการ วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤจิกายนนี้ โดยในไทยจะเผยโฉมสู่สาธารณชนที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2014 และจะเป็นการเปิดตัวรุ่นซีดาน หรือ 4 ประตู ของมาสด้า2 สกายแอคทีฟครั้งแรกในโลก แต่การวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จะมีขึ้นในเดือนมกราคมปีหน้า ด้วยการมีให้เลือกทั้งรุ่นซีดานและแฮทช์แบ็ก ซึ่งเบื้องต้นทำตลาดกับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล Skyactiv D 1.5 ลิตร 105 แรงม้า ทั้งนี้มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย วางเป้าหมายการขายมาสด้า2 สกายแอคทีฟ ไว้ที่เดือนละ 2,000 คัน
สำหรับราคาจำหน่ายจะยังไม่เปิดเผย จนกว่าจะวางขายเป็นทางการ ซึ่งจากการเปิดเผยของผู้บริหารมาสด้าราคาจะไม่ต่ำเหมือนกับอีโคคาร์ เพราะด้วยมาตรฐานของโครงการอีโคคาร์ เฟส 2 ที่สูงกว่าเฟสแรก ทำให้ส่งผลต่อต้นทุนโดยตรง ประกอบกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และยังเป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่ปกติจะมีราคาสูงกว่าเบนซินอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม… หญิงแกร่งแห่งค่ายมาสด้า “สุรีทิพย์” บอกว่า “มาสด้า2 สกายแอคทีฟ” อาจจะไม่ต่ำอย่างอีโคคาร์เฟสแรก แต่ยืนยันมีเซอร์ไพรส์แน่นอน?!!