ข่าวในประเทศ - ค่าย “นิสสัน” รุกหนัก! เดินหน้าส่งรถใหม่เขย่าตลาดไทย ประกาศเปิดตัว “นิสสัน เอ็กซ์-เทรล” โฉมใหม่ 18 พ.ย.นี้ และเปลี่ยนมาประกอบในไทย วางเครื่องยนต์ 2.0 และ 2.5 ลิตร พร้อมเพิ่มทางเลือกเปิดตัวรุ่นตกแต่งพิเศษ “จู๊ค” และรุ่น “มาร์ช” ที่ปรับราคาเพิ่ม 9,000 บาท
ประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและการขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า นิสสันเตรียมรุกตลาดต่อเนื่อง หลังจากเพิ่งเปิดตัวปิกอัพรุ่นเอ็นพี300 นาวารา ไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยในวันที่ 18 พศจิกายนนี้จะเปิดตัว “นิสสัน เอ็กซ-เทรล” (Nissan X-Trail)โฉมใหม่สู่ตลาดไทย เพื่อมาทำตลาดแทนรุ่นปัจจุบัน
“เอ็กซ์-เทรล ใหม่ ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคในญี่ปุ่นดีมาก มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งในรถประเภทครอสโอเวอร์ ด้วยสมรรถนะ รูปลักษณ์ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ติดตั้งมาให้ และเชื่อว่าในตลาดไทยจะได้รับการตอบรับเช่นกัน โดยเฉพาะรุ่นใหม่นี้ได้มีการขึ้นไลน์ประกอบในไทย จากรุ่นปัจจุบันที่นำเข้าจากอินโดนีเซีย มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 รุ่น ขนาด 2.0 และ 2.5 ลิตร”
นอกนิสสัน เอ็กซ์-เทรล ใหม่ ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน จะมีการแนะนำรถยนต์รุ่นตกแต่งพิเศษของนิสสัน มาร์ช ลิมิเต็ด เอดิชั่น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนกระจังหน้าแบบประเทศญี่ปุ่น มีให้เลือก 3 สี พิเศษ เขียว ดำ และขาว โดยมีจำหน่ายจำนวนจำกัดเพียง 600 คัน และปรับราคาเพิ่มขึ้น 9,000 บาท
ในส่วนของนิสสัน จู๊ค จะมีการแนะนำรุ่นชาโคล เกรย์ เอดิชั่น ซึ่งได้ปรับภายในห้องโดยสาร จากสีแดงเป็นสีเทาและเงิน สำหรับลูกค้าที่ไม่ชอบห้องโดยสารเดิม รวมถึงมีการติดตั้งชุดแต่งและสติกเกอร์เพิ่มเติม โดยจู๊ครุ่นพิเศษนี้จะไม่มีการปรับราคาแต่อย่างใด
ประพัฒน์เปิดเผยว่า ผลจากการรุกตลาดด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ประกอบกับการเพิ่งเปิดตัวปิกอัพเอ็นพี 300 นาวารา จึงคาดว่าในปีงบประมาณ 2557 (เมษายน 2557 - มีนาคม 2558) นิสสันจะสามารถครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 9% ของตลาดรถยนต์ในประเทศไทย หรือดีกว่าปีที่ผ่านที่ทำได้เกือบ 7% แม้ภาพรวมตลาดทั้งหมดปีนี้จะลดลงอย่างมาก หรือมียอดขายตลอดทั้งปีไม่เกิน 9 แสนคัน หรือตกลงมากกว่า 30% แต่ในส่วนของนิสสันคาดว่าจะลดลงเพียงกว่า 20% ซึ่งถือว่าดีกว่าตลาด
สำหรับโครงการอีโคคาร์ เฟสสอง ที่ทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ได้อนุมัติโครงการลงทุนของนิสสัน เป็นมูลค่าเพิ่มอีก 6,860 ล้านบาท เพื่อการผลิตรถยนต์เพิ่มอีกปีละ 1.23 แสนคันเป็นที่เรียบร้อย และคาดว่าจะใช้เวลาอีก 2-3 ปี ก่อนที่จะเดินหน้าโครงการดังกล่าว