ข่าวในประเทศ - “สแกนเนีย” บุกตลาดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในไทย จับมือ ซี แอนด์ อาร์ เทคโนโลยี เดินหน้าชิงเค้กตลาดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในไทย จับกลุ่มลูกค้าหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
เจมส์ อาร์มสตรอง กรรมการผู้จัดการ สแกนเนีย ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวถึงตลาดเครื่องยนต์อุตสาหกรรมอาเซียนขณะนี้ว่า มีแนวโน้มความต้องการและการเติบโตอยู่ในระดับสูง จากการเร่งพัฒนาศักยภาพของทั้งภาครัฐและเอกชนในแต่ละประเทศเพื่อมุ่งสู่การแข่งขันในตลาดระดับสากล โดยมีตัวผลักดันสำคัญคือ การร่วมเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่ สแกนเนีย จะเดินหน้าทำตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องยนต์อุตสาหกรรมอาเซียนให้มากขึ้น หลังจากที่สแกนเนียประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าในทุกประเทศที่ได้สัมผัสกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีเครื่องยนต์สแกนเนีย ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 100 ปี
ปัจจุบัน สแกนเนีย มีวิศวกรประจำในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ถึง 3,000 คน และใช้วิศวกร 1 ใน 3 หรือ 1,000 คน เพื่อร่วมกันออกแบบพัฒนาเครื่องยนต์ภายใต้แนวคิด เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ Scania Ecolution เพื่อให้ได้เครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูง ทนทาน มีความสะดวกในการใช้งาน สะดวกในการติดตั้งและการซ่อมบำรุง ทั้งยังประหยัดเชื้อเพลิงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย จากความทุ่มเทดังกล่าวทำให้ปัจจุบัน สแกนเนีย มียอดจำหน่ายเครื่องยนต์ทั่วโลกสูงถึง 85,000 เครื่อง/ต่อปี (รวมเครื่องยนต์รถบรรทุกและรถบัส) สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องยนต์อุตสาหกรรมของ สแกนเนีย นั้น แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเครื่องยนต์ที่ใช้ในเครื่องจักรอุสาหกรรม (Industrial) กลุ่มเครื่องยนต์เรือ (Marine) และกลุ่มเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Power generation & Gensets) ซึ่งในตลาดอาเซียนนั้นกลุ่มเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตมากที่สุด
ภูริวัทน์ รักอินทร์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวถึงการจับมือกับ ซี แอนด์ อาร์ เทคโนโลยี เพื่อร่วมเป็นพันธมิตรในการบุกตลาดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในประเทศไทยว่า นับเป็นโอกาสอันดีอย่างยิ่งสำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ เพราะ สแกนเนีย มีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับอยู่มากมาย โดยมองว่าตลาดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าของไทยเป็นตลาดที่กำลังเติบโตและมีความต้องการสูงมาก การจับมือกับ ซี แอนด์ อาร์ เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทผู้จัดจำหน่าย มีประสบการณ์เชี่ยวชาญด้านการดูแลบำรุงรักษาเครื่องกำเนิดไฟฟ้า จะช่วยให้กลุ่มลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าสแกนเนีย และเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจลูกค้ามากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า Scania Gentsets ที่จะนำเข้ามาทำตลาดจะเป็นรุ่นที่ให้ความถี่กระแสไฟฟ้าที่ 50 เฮิรตซ์ (Power output 50 Hz: 250-550 kVA PRP, 275-600 kVA ESP) และรุ่นที่ให้ความถี่กระแสไฟฟ้าที่ 60 เฮิรตซ์ (Power output 60 Hz: 275-600 kVA PRP, 300-600 kVA ESP) ซึ่งให้กำลังไฟสูงเหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าทั้งที่เป็นหน่วยงานราชการ โรงแรม คอนโดมิเนียม โรงงานอุสาหกรรม โรงพยาบาล ผู้ให้บริการสำรองข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (Data Center) ธนาคารพาณิชย์ บริษัทโทรคมนาคม อุตสาหกรรมก่อสร้าง รวมไปถึงอุตสาหกรรมเหมืองแร่ จะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์เครื่องกำเนิดไฟฟ้านั้นมีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายล้วนแต่เป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูงและมีความพร้อมในการลงทุน ประกอบกับสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากการมีการจัดตั้งรัฐบาล และ คาดว่ารัฐบาลจะเร่งเดินหน้าโครงการต่างๆ ที่ส่งผลกับการฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรมอย่างเร่งด่วน โดยจะส่งผลดีมาสู่การจับจ่ายของภาคประชาชนและการลงทุนของภาคเอกชนด้วย
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring
เจมส์ อาร์มสตรอง กรรมการผู้จัดการ สแกนเนีย ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวถึงตลาดเครื่องยนต์อุตสาหกรรมอาเซียนขณะนี้ว่า มีแนวโน้มความต้องการและการเติบโตอยู่ในระดับสูง จากการเร่งพัฒนาศักยภาพของทั้งภาครัฐและเอกชนในแต่ละประเทศเพื่อมุ่งสู่การแข่งขันในตลาดระดับสากล โดยมีตัวผลักดันสำคัญคือ การร่วมเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่ สแกนเนีย จะเดินหน้าทำตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องยนต์อุตสาหกรรมอาเซียนให้มากขึ้น หลังจากที่สแกนเนียประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าในทุกประเทศที่ได้สัมผัสกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีเครื่องยนต์สแกนเนีย ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 100 ปี
ปัจจุบัน สแกนเนีย มีวิศวกรประจำในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ถึง 3,000 คน และใช้วิศวกร 1 ใน 3 หรือ 1,000 คน เพื่อร่วมกันออกแบบพัฒนาเครื่องยนต์ภายใต้แนวคิด เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ Scania Ecolution เพื่อให้ได้เครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูง ทนทาน มีความสะดวกในการใช้งาน สะดวกในการติดตั้งและการซ่อมบำรุง ทั้งยังประหยัดเชื้อเพลิงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย จากความทุ่มเทดังกล่าวทำให้ปัจจุบัน สแกนเนีย มียอดจำหน่ายเครื่องยนต์ทั่วโลกสูงถึง 85,000 เครื่อง/ต่อปี (รวมเครื่องยนต์รถบรรทุกและรถบัส) สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องยนต์อุตสาหกรรมของ สแกนเนีย นั้น แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเครื่องยนต์ที่ใช้ในเครื่องจักรอุสาหกรรม (Industrial) กลุ่มเครื่องยนต์เรือ (Marine) และกลุ่มเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Power generation & Gensets) ซึ่งในตลาดอาเซียนนั้นกลุ่มเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตมากที่สุด
ภูริวัทน์ รักอินทร์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวถึงการจับมือกับ ซี แอนด์ อาร์ เทคโนโลยี เพื่อร่วมเป็นพันธมิตรในการบุกตลาดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในประเทศไทยว่า นับเป็นโอกาสอันดีอย่างยิ่งสำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ เพราะ สแกนเนีย มีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับอยู่มากมาย โดยมองว่าตลาดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าของไทยเป็นตลาดที่กำลังเติบโตและมีความต้องการสูงมาก การจับมือกับ ซี แอนด์ อาร์ เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทผู้จัดจำหน่าย มีประสบการณ์เชี่ยวชาญด้านการดูแลบำรุงรักษาเครื่องกำเนิดไฟฟ้า จะช่วยให้กลุ่มลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าสแกนเนีย และเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจลูกค้ามากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า Scania Gentsets ที่จะนำเข้ามาทำตลาดจะเป็นรุ่นที่ให้ความถี่กระแสไฟฟ้าที่ 50 เฮิรตซ์ (Power output 50 Hz: 250-550 kVA PRP, 275-600 kVA ESP) และรุ่นที่ให้ความถี่กระแสไฟฟ้าที่ 60 เฮิรตซ์ (Power output 60 Hz: 275-600 kVA PRP, 300-600 kVA ESP) ซึ่งให้กำลังไฟสูงเหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าทั้งที่เป็นหน่วยงานราชการ โรงแรม คอนโดมิเนียม โรงงานอุสาหกรรม โรงพยาบาล ผู้ให้บริการสำรองข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (Data Center) ธนาคารพาณิชย์ บริษัทโทรคมนาคม อุตสาหกรรมก่อสร้าง รวมไปถึงอุตสาหกรรมเหมืองแร่ จะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์เครื่องกำเนิดไฟฟ้านั้นมีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายล้วนแต่เป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูงและมีความพร้อมในการลงทุน ประกอบกับสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากการมีการจัดตั้งรัฐบาล และ คาดว่ารัฐบาลจะเร่งเดินหน้าโครงการต่างๆ ที่ส่งผลกับการฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรมอย่างเร่งด่วน โดยจะส่งผลดีมาสู่การจับจ่ายของภาคประชาชนและการลงทุนของภาคเอกชนด้วย
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring