ประกาศเสียงดังฟังชัดในงานเปิดตัว “แอคคอร์ด ไฮบริด” (1 ก.ค.)ว่าปีนี้ฮอนด้าจะทำยอดขายเหนือกว่าโตโยต้าในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดกลาง (ดี-เซกเมนต์) ด้วยทีเด็ดกับการเสริมทัพรุ่นไฮบริด เมื่อรวมกับตัวเลขการขายรุ่นเครื่องยนต์เบนซินแล้ว แอคคอร์ดจะชนะคัมรี่อย่างแน่นอน
สำหรับตลาดรถยนต์ไฮบริดหรือรถยนต์ลูกผสมระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าในบ้านเรา ยอดขายต่อปีอยู่ระดับหมื่นกว่าคันครับ ซึ่งการเข้ามาของแอคคอร์ด ไฮบริด น่าจะสร้างกระแสและขยายฐานลูกค้าในกลุ่มนี้ได้ ส่วนจะชนะหรือแพ้ในด้านยอดขายคงต้องไปวัดกันปลายปี และน่าจะเป็นผลด้านจิตวิทยาต่อผู้บริโภค เพราะสามารถนำมาใช้ในการโฆษณาได้ (เหมือนตอนนี้ที่โตโยต้าพยายามย้ำโฆษณาว่า ตนเองเป็นผู้นำรถไฮบริดตัวจริง) แต่ถ้าวัดกันที่สมรรถนะของระบบไฮบริด รวมถึงออปชันความคุ้มค่า “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” พอจะบอกได้ทันที หลังจากไปร่วมทริปทดสอบเมื่อปลายเดือนที่แล้ว
เริ่มทำความรู้จักกับระบบไฮบริดกันก่อนครับ เดิมฮอนด้ามีรถยนต์ไฮบริดทำตลาดอยู่แล้ว ในรุ่น “แจ๊ซ” และ “ซีวิค” แต่นั่นเป็น “ไมด์ ไฮบริด” (Mild Hybrid) ที่ใช้เครื่องยนต์ทำงานเป็นหลักและใช้มอเตอร์ช่วยเสริมการทำงาน ซึ่งฮอนด้าเรียกว่าไฮบริดแบบ Integrated Motor Assist -IMA (ไฮบริดแบบคู่ขนานหรือ“พาราเรล”)
แต่สำหรับระบบไฮบริดใหม่ที่ใช้ใน “ฮอนด้า แฮคคอร์ด” พัฒนาล้ำหน้ากว่านั้นมาก โดยเป็นแบบ “ฟูล ไฮบริด” (Full Hybrid) ที่ฮอนด้าเรียกว่า Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) (ไฮบริดแบบอนุกรมหรือ“ซีรีส์”)
โดยระบบการทำงานนั้นต่างกับโตโยต้าพอสมควร แม้จะมีหนึ่งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวเหมือนกัน แต่โตโยต้าที่เป็นไฮบริดแบบซีรีส์ผสมพาราเรล เครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าจะผสานการทำงานกันตลอด หรืออาจจะรวมสองพลังงานแล้วค่อยจัดการกำลังผ่านชุด Planetaryเกียร์ลงสู่ล้อ
ขณะที่ไฮบริด i-MMDของฮอนด้า เครื่องยนต์แทบไม่มีบทบาทในการขับเคลื่อนรถโดยตรง แต่จะส่งกำลังผ่านไปยัง มอเตอร์ที่เป็นเจเนอเรเตอร์ เพื่อปั่นเป็นกระแสไฟฟ้าแล้วแยกส่งไปให้มอเตอร์ตัวขับเคลื่อนหนึ่งทาง และกลับไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่อีกหนึ่งทาง
ดังนั้นในโหมดไฮบริด มอเตอร์ตัวขับเคลื่อนจะได้ไฟฟ้ามาจากแบตเตอรี่โดยตรง และจากมอเตอร์เจเนอเรเตอร์คอยช่วยเสริมแรงในจังหวะเร่งแซงหรือการขับขี่ในย่านความเร็วกลางๆ ทั้งนี้มอเตอร์ไฟฟ้าตัวขับเคลื่อนจะส่งกำลังผ่านเฟืองและลงที่เพลาขับโดยตรง และไม่มีชุดเกียร์ CVT ที่เป็นโครงสร้างแบบพูเล่-สายพาน มาถ่ายทอดกำลังให้เสียเวลา(แม้ในโบร์ชัวแอคคอร์ด ไฮบริด บอกว่าใช้เกียร์ E-CVT)
...สรุปง่ายๆคือ มอเตอร์เจเนอเรเตอร์จะไม่ยุ่งกับการขับเคลื่อน ขณะที่มอเตอร์อีกหนึ่งตัวจะทำหน้าที่ขับเคลื่อนรถเป็นหลัก ขณะเดียวกันหากเกิดการชะลอหรือการเบรก ยังจะทำหน้าที่เป็นเจเนอเรเตอร์ด้วย เพื่อนำพลังงานจลน์ที่เสียไปกลับมาเก็บเป็นพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่
อย่างไรก็ตามยังมีโหมดที่เครื่องยนต์ทำงานขับเคลื่อนและไม่ผ่านมอเตอร์ไฟฟ้า โดยกำลังจะผ่านชุดล็อกอัพคลัทช์เพื่อส่งแรงลงสู่เพลาขับโดยตรง เช่นเดียวกับโหมด EV ที่มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานลำพัง(รับไฟฟ้าตรงมาจากแบตเตอรี่) ซึ่งการทำงานสลับในแต่ละโหมดจะถูกควบคุมด้วย PCU (Power Control Unit) เพื่อตอบสนองการขับขี่ให้ดีที่สุดพร้อมกับการประหยัดพลังงานสูงสุด
ดังนั้นเมื่อระบบไฮบริดของ ฮอนด้า แอคคอร์ด ทำงานแบบนี้ ประสิทธิผลของกำลังหรือเรี่ยวแรงของรถก็ดูได้จากกำลังของมอเตอร์ตัวขับเคลื่อนได้เลยที่ 169 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 307 นิวตัน-เมตร พร้อมจัดเต็มตั้งแต่รอบศูนย์
ส่วนเครื่องยนต์แบบAtkinson Cycle แคมชาร์ฟคู่ พร้อมระบบวาล์วแปรผัน i-VTEC ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุด 165 นิวตัน-เมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที เปรียบเสมือนเป็นพี่เลี้ยงเสริมแรงและบริหารจัดการพลังงานในแบตเตอรี่เสียมากกว่า
การขับขี่จริง “แอคคอร์ด ไฮบริด” ออกตัวกระฉับกระเฉงด้วยโหมด EV ผ่านไปสักพักก็จะเข้าสู่โหมดไฮบริด (แต่มอเตอร์ก็ยังเป็นตัวขับเคลื่อนอยู่ดี) เรี่ยวแรงรวมๆโอเค คนละอารมณ์กับแอคคอร์ดรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 และ 2.4 ลิตร จริงๆก็เหมือนขับรถไฟฟ้านั้นละครับ บางช่วงบี้คันเร่งแรงๆ หวังเพิ่มความเร็วได้ยินทั้งเสียงเครื่องยนต์และเสียงหวีดของมอเตอร์ไฟฟ้า ผสานเป็นวงกลมกลืนกันดี
ช่วงต้นดี อัตราเร่งแซงทันใจ แต่คงไม่ถึงกับมุทะลุดุดันถ้าเทียบกับแอคคอร์ดรุ่นเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ขณะเดียวกันถ้าวัดกับ “โตโยต้า คัมรี่ ไฮบริด” ที่ใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตรกับมอเตอร์ไฟฟ้ารายนี้ยังให้การตอบสนองแบบเนียนต่อเนื่องมากกว่า
ส่วนโหมด EV ขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนเราสามารถเลือกใช้ได้ด้วยการกดปุ่มใกล้ๆคันเกียร์ สามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร บนความเร็ว 30-40 กม./ชม. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับไฟฟ้าในแบตเตอรี่ และน้ำหนักเท้าในการเลี้ยงคันเร่ง
ด้านแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน ความจุไฟฟ้า 1.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง วางด้านหลังของเบาะหลังและกินพื้นที่ในห้องเก็บสัมภาระไปเล็กน้อย พร้อมมีช่องดึงแอร์ภายในห้องโดยสารเข้าไประบายอากาศ โดยพาดเป็นแนวตั้งอยู่ข้างๆเบาะนั่งระหว่างขอบประตู ส่วนราคาแบตเตอรี่หากต้องเปลี่ยนจริงๆฮอนด้าแจ้งว่า ลูกละกว่า 8 หมื่นบาทเท่านั้น (ฮอนด้ารับประกันแบตเตอรี่นาน 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี)
ทั้งนี้เพื่อลดน้ำหนักและจัดการกับพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังที่ถูกกินไปจากแบตเตอรี่ ฮอนด้าตัดสินใจไม่ใส่ยางอะไหล่มาในแอคคอร์ด ไฮบริด แต่จะใช้ชุดซ่อมยาง Tyre Fix มาทดแทน ซึ่งห้องเก็บสัมภาระใต้ฝากระโปรงหลังยังคงพื้นที่ได้ถึง 415 ลิตร
การนั่งเป็นผู้โดยสารหลัง กว้างขวางและนุ่มสบายมากๆ รองรับแรงสะเทือนจากพื้นถนนได้ดี ซึ่งช่วงล่างนั้นปรับให้ต่างจากรุ่นเครื่องยนต์ปกติ สะท้อนได้ถึงการทรงตัวที่หนุ่มและหนึบ ส่วนหนึ่งเพราะน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น และการปรับโช้กอัพใหม่ รวมถึงใช้เหล็กกันโคลงที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวกว่ารุ่นเครื่องยนต์ปกติ ขณะเดียวกันแอคคอร์ด ไฮบริด ยังเปลี่ยนซับเฟรมด้านหน้าเป็นแบบอลูมิเนียม ต่างจากรุ่นเครื่องยนต์ปกติที่เป็นเหล็ก (น่าจะหวังเรื่องการลดน้ำหนัก)
แม้การทรงตัวจะดูแน่น แต่แอคคอร์ด ไฮบริด ยังเซ็ทน้ำหนักของพวงมาลัยไฟฟ้ามาค่อนข้างเบา ซึ่งการสั่งงานซ้าย-ขวาแม่นจริง ทว่าเจอน้ำหนักพวงมาลัยแบบนี้ก็มีหวิวหัวใจเมื่อขับความเร็วสูงละครับ
ด้านเบรกเป็นแบบเซอร์โวเบรกไฟฟ้า อารมณ์สัมผัสใกล้เคียงกับเบรกรถทั่วไป(ใช้หม้อลม) และยังให้การชะลอไปจนถึงจุดหยุดนิ่งมั่นใจมากที่สุด เพราะระบบไฟฟ้าจะหน่วงดึงไว้ระดับหนึ่ง จากการต้องชาร์จไฟเข้ามอเตอร์ในขณะที่ลดความเร็วหรือเบรกอีกด้วย
ส่วนอัตราบริโภคน้ำมันกับการทดสอบระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร ผ่านทั้งฝนตกหนัก รถติดไฟแดง ลุยน้ำท่วม สภาพการจราจรไม่เอื้ออำนวย คงจะวัดผลลำบาก แต่ฮอนด้าเคลมว่า แอคคอร์ด ไฮบริดประหยัดน้ำมันกว่าคู่แข่งแน่ๆด้วยตัวเลขระดับ23.6 กม./ลิตร
รวบรัดตัดความ...ตัวท็อป “คัมรี่ ไฮบริด” ราคา 1.879 ล้านบาท ขณะที่ “แอคคอร์ด ไฮบริด” 1.899 ล้านบาท แพงกว่ากัน 2 หมื่นบาท หากดูที่ออปชันและสิ่งที่ได้รับ ฮอนด้าโดดเด่นกว่าทั้ง ระบบเตือนการชนด้านหน้าด้วยเรดาห์พร้อมระบบช่วยเบรก ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ระบบเสียงเตือนคนภายนอกรถขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า
ขณะที่ระบบไฮบริด i-MMD ภายใต้เทคโนโลยี “เอิร์ธดรีม” ดูจะเป็นความยั่งยืนของรถประหยัดพลังงาน ด้วยเครื่องยนต์ขนาดเล็กมาเสริมการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้าอันทรงพลัง บวกกับแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออนที่ชื่อชั้นเหนือ นิเกิลเมทัลไฮดรายของโตโยต้า แต่กระนั้นสมรรถนะการขับขี่รวมๆคัมรี่ ไฮบริด ยังตอบสนองตามเท้าดีกว่า(ใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร) ช่วงล่างนุ่ม นั่งหลังสบายพอๆกัน แต่ถ้าดูจากการทำงานของระบบไฮบริด แอคคอร์ดน่าจะประหยัดจริงทั้งการใช้งานในเมือง-นอกเมือง
...หากวัดกันปอนด์ต่อปอนด์ เตรียมขึ้นชกที่เวทีมวยราชดำเนินหรือสังเวียน MGM Grand ลาสเวกัส ชั่วโมงนี้เลือกอยู่ข้าง “แอคคอร์ด ไฮบริด” ได้เลย
หมายเหตุ...ผู้อ่านท่านใดสนใจเที่ยวชม ซื้อรถในงาน "Big Motor Sale " สามารถรับบัตรฟรีท่านละ 4 ใบได้ที บ้านพระอาทิตย์ เวลาทำการ 8.00น.-18.00น. งานจะเริ่มในวันที่ 16-24 สิงหาคม 2557 ศูนย์นิทรรศการ ไบเทค บางนา เบอร์โทร 02-6294488
คลิปแสดงการทำงานของระบบไฮบริด i-MMD
สำหรับตลาดรถยนต์ไฮบริดหรือรถยนต์ลูกผสมระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าในบ้านเรา ยอดขายต่อปีอยู่ระดับหมื่นกว่าคันครับ ซึ่งการเข้ามาของแอคคอร์ด ไฮบริด น่าจะสร้างกระแสและขยายฐานลูกค้าในกลุ่มนี้ได้ ส่วนจะชนะหรือแพ้ในด้านยอดขายคงต้องไปวัดกันปลายปี และน่าจะเป็นผลด้านจิตวิทยาต่อผู้บริโภค เพราะสามารถนำมาใช้ในการโฆษณาได้ (เหมือนตอนนี้ที่โตโยต้าพยายามย้ำโฆษณาว่า ตนเองเป็นผู้นำรถไฮบริดตัวจริง) แต่ถ้าวัดกันที่สมรรถนะของระบบไฮบริด รวมถึงออปชันความคุ้มค่า “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” พอจะบอกได้ทันที หลังจากไปร่วมทริปทดสอบเมื่อปลายเดือนที่แล้ว
เริ่มทำความรู้จักกับระบบไฮบริดกันก่อนครับ เดิมฮอนด้ามีรถยนต์ไฮบริดทำตลาดอยู่แล้ว ในรุ่น “แจ๊ซ” และ “ซีวิค” แต่นั่นเป็น “ไมด์ ไฮบริด” (Mild Hybrid) ที่ใช้เครื่องยนต์ทำงานเป็นหลักและใช้มอเตอร์ช่วยเสริมการทำงาน ซึ่งฮอนด้าเรียกว่าไฮบริดแบบ Integrated Motor Assist -IMA (ไฮบริดแบบคู่ขนานหรือ“พาราเรล”)
แต่สำหรับระบบไฮบริดใหม่ที่ใช้ใน “ฮอนด้า แฮคคอร์ด” พัฒนาล้ำหน้ากว่านั้นมาก โดยเป็นแบบ “ฟูล ไฮบริด” (Full Hybrid) ที่ฮอนด้าเรียกว่า Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) (ไฮบริดแบบอนุกรมหรือ“ซีรีส์”)
โดยระบบการทำงานนั้นต่างกับโตโยต้าพอสมควร แม้จะมีหนึ่งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวเหมือนกัน แต่โตโยต้าที่เป็นไฮบริดแบบซีรีส์ผสมพาราเรล เครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าจะผสานการทำงานกันตลอด หรืออาจจะรวมสองพลังงานแล้วค่อยจัดการกำลังผ่านชุด Planetaryเกียร์ลงสู่ล้อ
ขณะที่ไฮบริด i-MMDของฮอนด้า เครื่องยนต์แทบไม่มีบทบาทในการขับเคลื่อนรถโดยตรง แต่จะส่งกำลังผ่านไปยัง มอเตอร์ที่เป็นเจเนอเรเตอร์ เพื่อปั่นเป็นกระแสไฟฟ้าแล้วแยกส่งไปให้มอเตอร์ตัวขับเคลื่อนหนึ่งทาง และกลับไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่อีกหนึ่งทาง
ดังนั้นในโหมดไฮบริด มอเตอร์ตัวขับเคลื่อนจะได้ไฟฟ้ามาจากแบตเตอรี่โดยตรง และจากมอเตอร์เจเนอเรเตอร์คอยช่วยเสริมแรงในจังหวะเร่งแซงหรือการขับขี่ในย่านความเร็วกลางๆ ทั้งนี้มอเตอร์ไฟฟ้าตัวขับเคลื่อนจะส่งกำลังผ่านเฟืองและลงที่เพลาขับโดยตรง และไม่มีชุดเกียร์ CVT ที่เป็นโครงสร้างแบบพูเล่-สายพาน มาถ่ายทอดกำลังให้เสียเวลา(แม้ในโบร์ชัวแอคคอร์ด ไฮบริด บอกว่าใช้เกียร์ E-CVT)
...สรุปง่ายๆคือ มอเตอร์เจเนอเรเตอร์จะไม่ยุ่งกับการขับเคลื่อน ขณะที่มอเตอร์อีกหนึ่งตัวจะทำหน้าที่ขับเคลื่อนรถเป็นหลัก ขณะเดียวกันหากเกิดการชะลอหรือการเบรก ยังจะทำหน้าที่เป็นเจเนอเรเตอร์ด้วย เพื่อนำพลังงานจลน์ที่เสียไปกลับมาเก็บเป็นพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่
อย่างไรก็ตามยังมีโหมดที่เครื่องยนต์ทำงานขับเคลื่อนและไม่ผ่านมอเตอร์ไฟฟ้า โดยกำลังจะผ่านชุดล็อกอัพคลัทช์เพื่อส่งแรงลงสู่เพลาขับโดยตรง เช่นเดียวกับโหมด EV ที่มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานลำพัง(รับไฟฟ้าตรงมาจากแบตเตอรี่) ซึ่งการทำงานสลับในแต่ละโหมดจะถูกควบคุมด้วย PCU (Power Control Unit) เพื่อตอบสนองการขับขี่ให้ดีที่สุดพร้อมกับการประหยัดพลังงานสูงสุด
ดังนั้นเมื่อระบบไฮบริดของ ฮอนด้า แอคคอร์ด ทำงานแบบนี้ ประสิทธิผลของกำลังหรือเรี่ยวแรงของรถก็ดูได้จากกำลังของมอเตอร์ตัวขับเคลื่อนได้เลยที่ 169 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 307 นิวตัน-เมตร พร้อมจัดเต็มตั้งแต่รอบศูนย์
ส่วนเครื่องยนต์แบบAtkinson Cycle แคมชาร์ฟคู่ พร้อมระบบวาล์วแปรผัน i-VTEC ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุด 165 นิวตัน-เมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที เปรียบเสมือนเป็นพี่เลี้ยงเสริมแรงและบริหารจัดการพลังงานในแบตเตอรี่เสียมากกว่า
การขับขี่จริง “แอคคอร์ด ไฮบริด” ออกตัวกระฉับกระเฉงด้วยโหมด EV ผ่านไปสักพักก็จะเข้าสู่โหมดไฮบริด (แต่มอเตอร์ก็ยังเป็นตัวขับเคลื่อนอยู่ดี) เรี่ยวแรงรวมๆโอเค คนละอารมณ์กับแอคคอร์ดรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 และ 2.4 ลิตร จริงๆก็เหมือนขับรถไฟฟ้านั้นละครับ บางช่วงบี้คันเร่งแรงๆ หวังเพิ่มความเร็วได้ยินทั้งเสียงเครื่องยนต์และเสียงหวีดของมอเตอร์ไฟฟ้า ผสานเป็นวงกลมกลืนกันดี
ช่วงต้นดี อัตราเร่งแซงทันใจ แต่คงไม่ถึงกับมุทะลุดุดันถ้าเทียบกับแอคคอร์ดรุ่นเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ขณะเดียวกันถ้าวัดกับ “โตโยต้า คัมรี่ ไฮบริด” ที่ใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตรกับมอเตอร์ไฟฟ้ารายนี้ยังให้การตอบสนองแบบเนียนต่อเนื่องมากกว่า
ส่วนโหมด EV ขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนเราสามารถเลือกใช้ได้ด้วยการกดปุ่มใกล้ๆคันเกียร์ สามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร บนความเร็ว 30-40 กม./ชม. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับไฟฟ้าในแบตเตอรี่ และน้ำหนักเท้าในการเลี้ยงคันเร่ง
ด้านแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน ความจุไฟฟ้า 1.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง วางด้านหลังของเบาะหลังและกินพื้นที่ในห้องเก็บสัมภาระไปเล็กน้อย พร้อมมีช่องดึงแอร์ภายในห้องโดยสารเข้าไประบายอากาศ โดยพาดเป็นแนวตั้งอยู่ข้างๆเบาะนั่งระหว่างขอบประตู ส่วนราคาแบตเตอรี่หากต้องเปลี่ยนจริงๆฮอนด้าแจ้งว่า ลูกละกว่า 8 หมื่นบาทเท่านั้น (ฮอนด้ารับประกันแบตเตอรี่นาน 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี)
ทั้งนี้เพื่อลดน้ำหนักและจัดการกับพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังที่ถูกกินไปจากแบตเตอรี่ ฮอนด้าตัดสินใจไม่ใส่ยางอะไหล่มาในแอคคอร์ด ไฮบริด แต่จะใช้ชุดซ่อมยาง Tyre Fix มาทดแทน ซึ่งห้องเก็บสัมภาระใต้ฝากระโปรงหลังยังคงพื้นที่ได้ถึง 415 ลิตร
การนั่งเป็นผู้โดยสารหลัง กว้างขวางและนุ่มสบายมากๆ รองรับแรงสะเทือนจากพื้นถนนได้ดี ซึ่งช่วงล่างนั้นปรับให้ต่างจากรุ่นเครื่องยนต์ปกติ สะท้อนได้ถึงการทรงตัวที่หนุ่มและหนึบ ส่วนหนึ่งเพราะน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น และการปรับโช้กอัพใหม่ รวมถึงใช้เหล็กกันโคลงที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวกว่ารุ่นเครื่องยนต์ปกติ ขณะเดียวกันแอคคอร์ด ไฮบริด ยังเปลี่ยนซับเฟรมด้านหน้าเป็นแบบอลูมิเนียม ต่างจากรุ่นเครื่องยนต์ปกติที่เป็นเหล็ก (น่าจะหวังเรื่องการลดน้ำหนัก)
แม้การทรงตัวจะดูแน่น แต่แอคคอร์ด ไฮบริด ยังเซ็ทน้ำหนักของพวงมาลัยไฟฟ้ามาค่อนข้างเบา ซึ่งการสั่งงานซ้าย-ขวาแม่นจริง ทว่าเจอน้ำหนักพวงมาลัยแบบนี้ก็มีหวิวหัวใจเมื่อขับความเร็วสูงละครับ
ด้านเบรกเป็นแบบเซอร์โวเบรกไฟฟ้า อารมณ์สัมผัสใกล้เคียงกับเบรกรถทั่วไป(ใช้หม้อลม) และยังให้การชะลอไปจนถึงจุดหยุดนิ่งมั่นใจมากที่สุด เพราะระบบไฟฟ้าจะหน่วงดึงไว้ระดับหนึ่ง จากการต้องชาร์จไฟเข้ามอเตอร์ในขณะที่ลดความเร็วหรือเบรกอีกด้วย
ส่วนอัตราบริโภคน้ำมันกับการทดสอบระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร ผ่านทั้งฝนตกหนัก รถติดไฟแดง ลุยน้ำท่วม สภาพการจราจรไม่เอื้ออำนวย คงจะวัดผลลำบาก แต่ฮอนด้าเคลมว่า แอคคอร์ด ไฮบริดประหยัดน้ำมันกว่าคู่แข่งแน่ๆด้วยตัวเลขระดับ23.6 กม./ลิตร
รวบรัดตัดความ...ตัวท็อป “คัมรี่ ไฮบริด” ราคา 1.879 ล้านบาท ขณะที่ “แอคคอร์ด ไฮบริด” 1.899 ล้านบาท แพงกว่ากัน 2 หมื่นบาท หากดูที่ออปชันและสิ่งที่ได้รับ ฮอนด้าโดดเด่นกว่าทั้ง ระบบเตือนการชนด้านหน้าด้วยเรดาห์พร้อมระบบช่วยเบรก ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ระบบเสียงเตือนคนภายนอกรถขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า
ขณะที่ระบบไฮบริด i-MMD ภายใต้เทคโนโลยี “เอิร์ธดรีม” ดูจะเป็นความยั่งยืนของรถประหยัดพลังงาน ด้วยเครื่องยนต์ขนาดเล็กมาเสริมการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้าอันทรงพลัง บวกกับแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออนที่ชื่อชั้นเหนือ นิเกิลเมทัลไฮดรายของโตโยต้า แต่กระนั้นสมรรถนะการขับขี่รวมๆคัมรี่ ไฮบริด ยังตอบสนองตามเท้าดีกว่า(ใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร) ช่วงล่างนุ่ม นั่งหลังสบายพอๆกัน แต่ถ้าดูจากการทำงานของระบบไฮบริด แอคคอร์ดน่าจะประหยัดจริงทั้งการใช้งานในเมือง-นอกเมือง
...หากวัดกันปอนด์ต่อปอนด์ เตรียมขึ้นชกที่เวทีมวยราชดำเนินหรือสังเวียน MGM Grand ลาสเวกัส ชั่วโมงนี้เลือกอยู่ข้าง “แอคคอร์ด ไฮบริด” ได้เลย
หมายเหตุ...ผู้อ่านท่านใดสนใจเที่ยวชม ซื้อรถในงาน "Big Motor Sale " สามารถรับบัตรฟรีท่านละ 4 ใบได้ที บ้านพระอาทิตย์ เวลาทำการ 8.00น.-18.00น. งานจะเริ่มในวันที่ 16-24 สิงหาคม 2557 ศูนย์นิทรรศการ ไบเทค บางนา เบอร์โทร 02-6294488
คลิปแสดงการทำงานของระบบไฮบริด i-MMD