ทยอยปล่อยทีเด็ดออกมาต่อเนื่อง สำหรับค่าย “มาสด้า” ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะรถยนต์ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เริ่มตั้งแต่ครอสโอเวอร์ “มาสด้า ซีเอ็กซ์-5” เมื่อปลายปีที่แล้ว ตามมาด้วยช่วงต้นปีม้าคะนองศึกกับเก๋งคอมแพ็กต์ “มาสด้า3” โฉมใหม่ และยังคงเดินหน้ากดโมทบุกตลาดไทยไม่ยั้ง ชนิดมีให้เลือกตอบสนองค่อนข้างหลากไลฟ์สไตล์ทีเดียว…
“ในสภาวะตลาดรถยนต์ชะลอตัวเช่นนี้ การมีผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นทั้งในเรื่องของรูปลักษณ์ สมรรถนะ และเทคโนโลยี จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการผลักดันยอดขาย เช่นเดียวกับมาสด้าที่ประสบความสำเร็จกับรถยนต์ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ (SKYACTIVE Technology) ซึ่งในไทยไม่ว่าจะเป็นมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 หรือรุ่นล่าสุดมาสด้า3 ได้รับการตอบรับดีมากจนยอดขายและส่วนแบ่งการตลาดของรถในเซกเม้นท์ดังกล่าวขยายตัวกันหมด”
เป็นคำกล่าวของ “สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี” รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์(ประเทศไทย) จำกัด และระบุต่อว่า แต่ยังมีรถบางรุ่นที่ยังไม่ได้ใช้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ อย่างปิกอัพมาสด้า บีที-50 ที่ร่วมพัฒนากับฟอร์ดและเปิดตัวมาเกือบ 2 ปีแล้ว รวมถึงซับคอมแพ็กต์มาสด้า2 ที่ป็นช่วงปลายโมเดล ประกอบกับปีนี้กลุ่มเก๋งเล็กที่เป็นตลาดใหญ่ในไทยค่อนข้างตกลงมาก จึงไปดึงภาพรวมยอดขายรถมาสด้าปีนี้ลดลง โดยตั้งเป้ายอดขายเบื้องต้นไว้เพียง 4.2 หมื่นคัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 5.3 หมื่นคัน
“เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าต่อเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เราจึงเตรียมแนะนำ มาสด้า2 โฉมใหม่สู่ตลาดไทยช่วงปลายปีนี้ ซึ่งเป็นรถยนต์ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟทั้งคัน เช่นเดียวกับรุ่นซีเอ็กซ์-5 และมาสด้า3 โดยขณะนี้ได้มีการปรับไลน์ผลิตที่โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ เพื่อรองรับการผลิตในไทยไว้แล้ว และจะเริ่มสื่อสารให้ผู้บริโภครับรู้ในช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไป พร้อมกับจะมีการพรี-ออร์เดอร์ก่อนเปิดตัวสู่ตลาดเป็นทางการอย่างเร็วในสิ้นปีนี้ และมั่นใจว่าการแนะนำมาสด้า2 สกายแอคทีฟสู่ตลาด จะช่วยผลักดันให้มาสด้าติดอันดับ 1 ใน 3 ของตลาดเก๋งได้”
สำหรับโฉมใหม่มาสด้า 2 สกายแอคทีฟ ได้มีการเผยโฉมอย่างเป็นทางการในประเทศญี่ปุ่น หรือเรียกรุ่น “เดมิโอ” (Demio) เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นแห่งแรกที่วางจำหน่ายในช่วงปลายปีนี้ ตามมาด้วยตลาดออสเตรเลีย(นำเข้าจากญี่ปุ่น) และประเทศไทยเป็นลำดับที่ 3 โดยรุ่น 2 เป็นโมเดลที่ 4 ต่อจากมาสด้า ซีเอ็กซ์-5, มาสด้า6 และมาสด้า3 ที่ถูกสร้างบนพื้นฐานเทคโนโลยีสกายแอคทีฟทั้งคัน ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างตัวถัง, แชสซีส์, ระบบส่งกำลัง และเครื่องยนต์
มาสด้า2 โฉมใหม่ นอกจากถูกออกแบบภายใต้แนวทาง KODO Design จึงไม่แปลกที่จะมีรูปลักษณ์หน้าตาคล้ายกับมาสด้า3 ภายในห้องโดยสารยังมากับเทคโนโลยีทันสมัย Mazda Connect และระบบความปลอดภัยสุดล้ำ i-ACTIVSENSE ที่ช่วยเหลือผู้ขับขี่และตอบสนองในสภาวะอันตรายข้างหน้าได้
ขุมพลังของมาสด้า2 สกายแอคทีฟ จะมีให้เลือกกับบล็อกใหม่เครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV D 1.5 ลิตร ที่ให้สมรรถนะการขับขี่เทียบเท่ากับเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร แต่ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูง และยังมีเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV G ขนาด 1.5 และ 1.3 ลิตรทำตลาด ซึ่งในไทยชัดเจนว่าทางญี่ปุ่นยังไม่ส่งเครื่องดีเซลให้ทำตลาด ส่วนเครื่องยนต์เบนซินกำลังรอสรุป เนื่องจากต้องพิจารณาในเรื่องอัตรสิ้นเปลือง และการปล่อยมลพิษ เพราะจะมีผลต่อการเสียภาษีสรรพสามิตตามโครงสร้างใหม่ และการจัดวางกลยุทธ์เทียบกับคู่แข่งในตลาด
นอกจากมาสด้า2 รถยนต์ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟอีกตัวที่จะทำตลาดในไทยเร็วๆ นี้ จะเป็นสปอร์ตโรดสเตอร์อันโด่งดัง “มาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5” (Mazda MX-5) โฉมใหม่ ซึ่งจะเผยโฉมในตลาดโลกช่วงต้นเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ และทางมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เตรียมจะพาลูกค้าไปร่วมฉลองงานยิ่งใหญ่ 25 ปีของมาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 ในต่างประเทศด้วย จากนั้นจึงจะมีการเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการช่วงปลายปีนี้ใกล้เคียงกับญี่ปุ่น
มาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 โฉมใหม่ หรือเจนเนอเรชันที่ 4 ยังไม่มีการเผยโฉมให้เห็นอย่างเป็นทางการ นอกจากภาพหลุดและภาพกราฟฟิกของสื่อสำนักต่างๆ ข้อมูลและภาพทางการจากมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน มีเพียงการเปิดเผยแชสซีส์ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟของเอ็มเอ็กซ์-5 ใหม่ ซึ่งเน้นจุดศูนย์ถ่วงต่ำและตำแหน่งเครื่องยนต์อยู่ใกล้ศูนย์กลางของตัวรถ และอีกจุดเด่นของแชสซีส์สกายแอคทีฟตัวนี้ อยู่ที่น้ำหนักเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนจะเบาลงมากกว่า 100 กก. พร้อมกับขุมกำลังมากกว่าเดิมด้วย
“กำหนดเปิดตัวมาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 ใหม่ในไทย น่าจะเป็นในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2014 ซึ่งจากสมรรถนะ เทคโนโลยี และการออกแบบ เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคทั่วโลก รวมถึงลูกค้าในไทยเหมือนรุ่นที่ผ่านๆ มาแน่นอน ส่วนรถยนต์เทคโนโลยีสกายแอคทีฟรุ่นอื่นๆ หากจะมีและน่าสนใจ คงจะเป็นเอสยูวีขนาดเล็กที่ใช้พื้นฐานของมาสด้า2 แต่ปัจจุบันยังไม่มีรายละเอียดจากบริษัทแม่แต่อย่างใด ขณะที่รถอเนกประสงค์แบบพีพีวียังไม่ได้รับการอนุมัติจากบริษัทแม่ ส่วนมาสด้า6 หากดูปริมาณตลาดปัจจุบันยังไม่เหมาะสม เพราะจะเป็นภาระในการแบกสต็อกรถของดีลเลอร์เกินจำเป็น” สุรีทิพย์กล่าวและว่า
ในส่วนของปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร จะยังไม่มีการเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เพราะรุ่นปัจจุบันเป็นการพัฒนาร่วมกับฟอร์ด มอเตอร์ จนกว่าจะเปลี่ยนเจนเนอเรชันใหม่ที่เป็นการพัฒนาของมาสด้าโดยตรง แต่เพื่อกระตุ้นตลาดและแข่งขันกับคู่แข่งที่มีการเปิดตัวปิกอัพรุ่นใหม่ ช่วงเดือนกันยายนนี้จะแนะนำรุ่นย่อยใหม่สู่ตลาด เพื่อเป็นอีกทางเลือกเพิ่มให้กับผู้บริโภค
สำหรับมาสด้า บีที-50 โปร รุ่นย่อยใหม่เรียกว่า Eclipse เป็นรุ่นท็อปของปิกอัพขับเคลือน 2 ล้อยกสูง ด้วยการตกแต่งรอบคันตามแนวทางของ Mazda BT-50 PRO THILLING Concept ซึ่งมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ได้นำมาจัดแสดงก่อนหน้านี้ และคาดว่าจะได้รับการตอบรับอย่างสูงเช่นเดียวกับตัวแต่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค
นับเป็นการกดปุ่มโมทบุกตลาดต่อเนื่องของค่ายมาสด้า ภายใต้การนำทัพด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ซึ่งสร้างชื่อเสียงและความสำเร็จให้กับมาสด้าในทั่วโลกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และไทยจะเป็นอีกดัชนีชี้วัดถึงความแรงของเทคโนโลยีดังกล่าวหรือไม่? มาติดตามกันยาวๆ…