ข่าวในประเทศ - ค่ายรถยนต์ “ซูซูกิ” มั่นใจประเทศไทยกำลังเดินสู่การแก้ปัญหา ไร้ความรุนแรง ยืนยันจัดงานเปิดตัวเก๋งเล็กรุ่นใหม่ “เซเลริโอ”ตามกำหนดเดิม 29 พ.ค.นี้ ด้านผู้จัดงาน”มอเตอร์เอ็กซ์โป” ชี้สถานการณ์เริ่มผ่อนคลาย ไม่ต้องกลัวค่ายรถยนต์ย้ายหนี เชื่อปลายปีกำลังซื้อฟื้น
นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การทำรัฐประหารไม่มีเหตุการณ์รุนแรง บริษัทยังมองสถานการณ์เป็นบวกเพราะทิศทางของการแก้ปัญหาเริ่มมีความชัดเจน ขณะเดียวกันการทยอยจ่ายเงินจำนำข้าวที่ค้างให้ชาวนากว่า 4 แสนล้านบาท นับเป็นข่าวดี เพราะจะมีกระแสเงินสดเข้ามา ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
“แม้สถานการณ์บ้านเมืองกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลง แต่บริษัทยังเดินหน้าตามแผนเดิม ด้วยการจัดงานเปิดตัว "ซูซูกิ เซเลริโอ" อย่างเป็นทางการในวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ ซึ่งจะเป็นอีโคคาร์รุ่นใหม่ที่เน้นเจาะกลุ่มนักศึกษาและผู้เริ่มต้นการทำงาน รวมถึงคนที่อยากมีรถคันแรกแต่ไม่อยากมีภาระด้านการเงินมากจนเกินไป”
สำหรับซูซูกิ เซเลริโอ นับเป็นอีโคคาร์รุ่นที่สองของซูซูกิต่อจาก “สวิฟท์” มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.0 ลิตร 68 แรงม้า มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา และอัตโนมัติ CVT แบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย กับราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย พร้อมค่าดูแลรักษาตามระยะทางที่ต่ำ ซึ่งหลังการเปิดตัวบริษัทเตรียมจัดกิจจกรมให้ลูกค้าที่สนใจได้ทดลองขับอย่างใกล้ชิด โดยตั้งเป้าหมายการขาย 1,000 คันต่อเดือน ขณะที่ยอดขายรวมทุกรุ่นของรถยนต์ซูซูกิในปีนี้น่าจะทำได้ถึง 50,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 45,200 คัน ส่วนตลาดรวมคาดว่าจะลดลงมาอยู่ประมาณ 900,000 คัน
นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน มหกรรมยานยนต์ หรือ “มอเตอร์เอ็กซ์โป” เปิดเผยว่า สถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้เริ่มเห็นทางออก หรือมีความชัดเจนในการแก้ปัญหามากขึ้น แม้ประเทศไทยอาจจะต้องตกอยู่ภายใต้ระบบนี้ไปอีกสักระยะหนึ่งก็ตาม และถ้าสถานการณ์ราบเรียบไปเรื่อยๆ อุตสาหกรรมยานยนต์ก็ยังเดินหน้าต่อไปได้
“วิกฤตการเมืองกำลังได้รับการแก้ไข สถานการณ์ดูผ่อนคลายมากขึ้น ขณะที่การบริหารประเทศสามารถดำเนินได้ต่อไป และไม่ต้องไปวิตกว่าค่ายรถยนต์ใหญ่ๆ จะถอนการลงทุน อย่าง โตโยต้า หรือ นิสสัน ที่ลงทุนขยายและย้ายฐานการผลิตมาที่ไทยเยอะแล้ว คงไม่หนีไปไหน แต่ที่มีโอกาสกระทบจริงๆน่าจะเป็นการลงทุนใหม่ๆ ของบรรดาผู้ผลิตชิ้นส่วน ที่อาจจะเลือกไปประเทศอื่น”
อย่างไรก็ตามยังเชื่อมั่นว่าประเทศไทยยังเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ของภูมิภาค ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐ พร้อมด้วยระบบสาธารณูปโภคที่ดี และฝีมือแรงงานยังได้เปรียบทุกชาติในอาเซียน พร้อมกำลังการผลิตเกิน 2 ล้านคันต่อปี และจะสูงขึ้นเรื่อยๆ จากการเติบโตของยอดส่งออก
“สถานการณ์ ณ ปัจจุบัน มีความคล้ายกับช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง แตกต่างกันตรงความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เกิดกับกลุ่มชนชั้นกลางลงมาถึงกลุ่มชนชั้นล่าง อาทิ จำนวนคนตกงานเพิ่มขึ้น นักศึกษาจบใหม่หางานยากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามตลาดส่งออกของประเทศยังอยู่ในระดับที่ดี และหากสถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น มีความเชื่อมั่นว่าตลาดรถยนต์ในประเทศในช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้นตามลำดับ”
นายขวัญชัย กล่าวว่า กำลังซื้อและบรรยากาศเอื้อต่อการขายจะกลับมาคึกคักช่วงปลายปี สอดรับกับงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2014 ซึ่งถึงวันนี้มีค่ายรถชั้นนำยืนยันเข้าร่วมงานเกิน 70% หรือประมาณ 20 ราย จากทั้งหมดกว่า 30 ราย โดยการเปิดจองพื้นที่อย่างเป็นทางการจะเริ่มในวันพุธที่ 11 มิถุนายนนี้
“จากการพูดคุยกับบรรดาค่ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง ต่างให้การตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยศักยภาพและความสามารถในการบริหารงานมหกรรมยานยนต์ที่ผ่านมากว่า 30 ปี ในสถานการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา อาทิเช่น การปิดสนามบินสุวรรณภูมิ สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ และการชุมนุมในช่วงปลายปี แล้วระหว่างการจัดงานสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ พิสูจน์ได้จากยอดจองรถยนต์ภายในงาน จำนวนผู้เข้าชม และเงินสะพัดได้เป็นอย่างดี”
ทั้งนี้ช่วงเวลาของการจัดงานมหกรรมยานยนต์ นับเป็นช่วงที่ดีที่สุดของการขายในแต่ละปี และแน่นอนผู้ประกอบการต่างๆ มีความคาดหวัง ส่งกลยุทธ์และโปรโมชั่นแรงๆ เข้างานเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจง่ายขึ้น เพื่อให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมียอดจองรถภายในงาน 50,000 คัน เงินสะพัด ไม่ต่ำกว่า 60,000 ล้านบาท และผู้เข้าชมงานกว่า 1.5 ล้านคน โดยการจัดงานจะเริ่มวันที่ 29 พฤศจิกายน -10 ธันวาคมนี้ ที่ อาคารชาลเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring
นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การทำรัฐประหารไม่มีเหตุการณ์รุนแรง บริษัทยังมองสถานการณ์เป็นบวกเพราะทิศทางของการแก้ปัญหาเริ่มมีความชัดเจน ขณะเดียวกันการทยอยจ่ายเงินจำนำข้าวที่ค้างให้ชาวนากว่า 4 แสนล้านบาท นับเป็นข่าวดี เพราะจะมีกระแสเงินสดเข้ามา ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
“แม้สถานการณ์บ้านเมืองกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลง แต่บริษัทยังเดินหน้าตามแผนเดิม ด้วยการจัดงานเปิดตัว "ซูซูกิ เซเลริโอ" อย่างเป็นทางการในวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ ซึ่งจะเป็นอีโคคาร์รุ่นใหม่ที่เน้นเจาะกลุ่มนักศึกษาและผู้เริ่มต้นการทำงาน รวมถึงคนที่อยากมีรถคันแรกแต่ไม่อยากมีภาระด้านการเงินมากจนเกินไป”
สำหรับซูซูกิ เซเลริโอ นับเป็นอีโคคาร์รุ่นที่สองของซูซูกิต่อจาก “สวิฟท์” มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.0 ลิตร 68 แรงม้า มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา และอัตโนมัติ CVT แบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย กับราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย พร้อมค่าดูแลรักษาตามระยะทางที่ต่ำ ซึ่งหลังการเปิดตัวบริษัทเตรียมจัดกิจจกรมให้ลูกค้าที่สนใจได้ทดลองขับอย่างใกล้ชิด โดยตั้งเป้าหมายการขาย 1,000 คันต่อเดือน ขณะที่ยอดขายรวมทุกรุ่นของรถยนต์ซูซูกิในปีนี้น่าจะทำได้ถึง 50,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 45,200 คัน ส่วนตลาดรวมคาดว่าจะลดลงมาอยู่ประมาณ 900,000 คัน
นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน มหกรรมยานยนต์ หรือ “มอเตอร์เอ็กซ์โป” เปิดเผยว่า สถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้เริ่มเห็นทางออก หรือมีความชัดเจนในการแก้ปัญหามากขึ้น แม้ประเทศไทยอาจจะต้องตกอยู่ภายใต้ระบบนี้ไปอีกสักระยะหนึ่งก็ตาม และถ้าสถานการณ์ราบเรียบไปเรื่อยๆ อุตสาหกรรมยานยนต์ก็ยังเดินหน้าต่อไปได้
“วิกฤตการเมืองกำลังได้รับการแก้ไข สถานการณ์ดูผ่อนคลายมากขึ้น ขณะที่การบริหารประเทศสามารถดำเนินได้ต่อไป และไม่ต้องไปวิตกว่าค่ายรถยนต์ใหญ่ๆ จะถอนการลงทุน อย่าง โตโยต้า หรือ นิสสัน ที่ลงทุนขยายและย้ายฐานการผลิตมาที่ไทยเยอะแล้ว คงไม่หนีไปไหน แต่ที่มีโอกาสกระทบจริงๆน่าจะเป็นการลงทุนใหม่ๆ ของบรรดาผู้ผลิตชิ้นส่วน ที่อาจจะเลือกไปประเทศอื่น”
อย่างไรก็ตามยังเชื่อมั่นว่าประเทศไทยยังเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ของภูมิภาค ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐ พร้อมด้วยระบบสาธารณูปโภคที่ดี และฝีมือแรงงานยังได้เปรียบทุกชาติในอาเซียน พร้อมกำลังการผลิตเกิน 2 ล้านคันต่อปี และจะสูงขึ้นเรื่อยๆ จากการเติบโตของยอดส่งออก
“สถานการณ์ ณ ปัจจุบัน มีความคล้ายกับช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง แตกต่างกันตรงความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เกิดกับกลุ่มชนชั้นกลางลงมาถึงกลุ่มชนชั้นล่าง อาทิ จำนวนคนตกงานเพิ่มขึ้น นักศึกษาจบใหม่หางานยากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามตลาดส่งออกของประเทศยังอยู่ในระดับที่ดี และหากสถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น มีความเชื่อมั่นว่าตลาดรถยนต์ในประเทศในช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้นตามลำดับ”
นายขวัญชัย กล่าวว่า กำลังซื้อและบรรยากาศเอื้อต่อการขายจะกลับมาคึกคักช่วงปลายปี สอดรับกับงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2014 ซึ่งถึงวันนี้มีค่ายรถชั้นนำยืนยันเข้าร่วมงานเกิน 70% หรือประมาณ 20 ราย จากทั้งหมดกว่า 30 ราย โดยการเปิดจองพื้นที่อย่างเป็นทางการจะเริ่มในวันพุธที่ 11 มิถุนายนนี้
“จากการพูดคุยกับบรรดาค่ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง ต่างให้การตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยศักยภาพและความสามารถในการบริหารงานมหกรรมยานยนต์ที่ผ่านมากว่า 30 ปี ในสถานการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา อาทิเช่น การปิดสนามบินสุวรรณภูมิ สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ และการชุมนุมในช่วงปลายปี แล้วระหว่างการจัดงานสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ พิสูจน์ได้จากยอดจองรถยนต์ภายในงาน จำนวนผู้เข้าชม และเงินสะพัดได้เป็นอย่างดี”
ทั้งนี้ช่วงเวลาของการจัดงานมหกรรมยานยนต์ นับเป็นช่วงที่ดีที่สุดของการขายในแต่ละปี และแน่นอนผู้ประกอบการต่างๆ มีความคาดหวัง ส่งกลยุทธ์และโปรโมชั่นแรงๆ เข้างานเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจง่ายขึ้น เพื่อให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมียอดจองรถภายในงาน 50,000 คัน เงินสะพัด ไม่ต่ำกว่า 60,000 ล้านบาท และผู้เข้าชมงานกว่า 1.5 ล้านคน โดยการจัดงานจะเริ่มวันที่ 29 พฤศจิกายน -10 ธันวาคมนี้ ที่ อาคารชาลเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring