ดูจะไม่ฉลาดเอาเสียเลยกับการขี่บิ๊กไบค์ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงเดือนเมษายน ยิ่งต้องขี่ไปทดสอบสมรรถนะและฟันฝ่าการจราจรที่ติดขัดในตัวเมืองด้วยแล้วละก็ แค่คิดก็เหงื่อไหลย้อยเปียกไปทั้งตัวแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากแลกกับโอกาสที่จะได้สัมผัสอสูรสีแดงรุ่นล่าสุดจากแดนมักโรนี ราคาค่าตัวทะลุหลักล้านบาท ใครเล่าจะปฏิเสธได้ลง แม้รู้ว่าต้องขี่แบบอาบเหงื่อต่างน้ำก็ตาม...
หลังเสร็จสิ้นการเปิดตัวพร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่งานมอเตอร์โชว์ 2014 ค่ายรถจักรยานยนต์จากอิตาลี “ดูคาติ” แจ้งว่าพร้อมปล่อยโมเดลใหม่รุ่นมอนสเตอร์ 1200 (Monster 1200) และมอนสเตอร์ 1200 เอส (Monster 1200S) ให้สื่อมวลชนได้ทดสอบสมรรถนะกันแล้ว โดย “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” ไม่รอช้า นัดหมายยืมเจ้าอสูรกล้ามโตมาลิ้มลองสัมผัสแรก ผ่านรูปแบบการขี่ใช้งานจริงในเมืองทันที
สำหรับความโดดเด่นของมอนสเตอร์ 1200 เป็นโมเดลนำเข้าจากอิตาลีทั้งคันและยังไม่มีแผนประกอบในเมืองไทย มาพร้อมการพัฒนาเครื่องยนต์ด้วยเทคโนโลยีล่าสุด Testastretta 11° แบบ L-Twin 2สูบ ขนาด 1198 ซีซี. (บล็อกเดียวกับรุ่น Multistrada 1200) ใช้ระบบ Double Spark plug หรือสองหัวเทียนต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังสูงสุด 135 แรงม้า ที่ 8,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 118 นิวตัน-เมตร ที่ 7,250 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด โดยมีลูกเล่น Riding Mode สามารถเลือกการใช้งานได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Sport, Touring และ Urban สนนราคา 899,000 บาท
ขณะที่โฉมอัพเกรดความแรงหรือมอนสเตอร์ 1200 เอส ซึ่งเป็นคันที่ยืมมาทดลองขี่ เพิ่มความเร้าใจเป็น 145 แรงม้า แรงบิด 124.5 นิวตัน-เมตร พร้อมประสิทธิภาพของระบบเบรกหน้า Brembo รุ่น M50 (รุ่นเดียวกับที่ติดตั้งอยู่ในโมเดลซูเปอร์สปอร์ต 1199 Panigale S) และระบบกันสะเทือน Ohlins สามารถปรับระดับค่าการใช้งานได้เต็มรูปแบบทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ตรงบังโคลนหน้า การ์ดครอบปลายท่อไอเสียสีดำ และลายล้อแม็กซ์ตัว Y แบบ 3 ก้าน สนนราคา 1,099,000 บาท
ด้านรูปร่างหน้าตานอกเหนือจากอุปกรณ์ดังกล่าวที่แตกต่างกัน โดยรวมยังคงเอกลักษณ์เส้นสายเฟรมถัก เน้นการโชว์มัดกล้ามของเครื่องยนต์ ตำแหน่งเรือนวัดความเร็วแบบดิจิตอลวางเหนือดวงไฟขนาดใหญ่ แฮนด์บังคับด้านซ้ายมีสวิตซ์ปรับเลือกโหมดการขี่และสถานะข้อมูลที่ต้องการทราบ ด้านขวามีเพียงปุ่มควบคุมการสตาร์ทและดับเครื่องยนต์ ส่วนท่อไอเสียดีไซน์เลื้อยคดเคี้ยวออกฝั่งขวาด้านเดียว ทำให้หากมองตัวรถด้านข้างฝั่งซ้ายจะดูแปลกตาไปบ้างพอสมควร
สำหรับท่านั่งมาในสไตล์เน็กเก็ตแอบเอาใจคนรักสปอร์ต โดยช่วงขาท่อนล่างจะเยื้องไปด้านหลังเล็กน้อย ขณะที่ช่วงแขนการจับแฮนด์บังคับไม่ต้องยืดออกไปด้านหน้ามากนัก และองศาแฮนด์โค้งงอเข้าหาตัวผู้ขี่ด้วย ทำให้ช่วงลำตัวตั้งตรงขึ้น นั่งสบายขึ้นเมื่อเทียบกับเอกลักษณ์ท่านั่งของรถในตระกูลมอนสเตอร์
ทั้งนี้ ความสูงเบาะสามารถปรับสูง-ต่ำได้สองระดับ คือ 810 มม. และ 785 มม. ซึ่งผู้เขียนเลือกปรับใช้แบบแรกตามค่ามาตรฐานจากโรงงาน เพราะความสูงระดับนี้นักบิดไซส์เอเชียเอาอยู่ ขายันถึงพื้นขณะรถจอดนิ่งได้สบาย
ขณะเดียวกันการแสดงรายละเอียดต่างๆ ของตัวรถบนหน้าจอดิจิตอล ก่อนขี่กำลังจะชมว่าทำได้ดีมาก เนื่องจากสถานะต่างๆ แสดงออกมาได้ชัดเจนและอ่านค่าง่ายที่สุดตั้งแต่เคยสัมผัสสองล้อจากดูคาติ แต่เมื่อรถวิ่งอยู่กลางแจ้งปรากฎว่า แสงแดดส่องกระทบจนแทบไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย นอกจากต้องหยุดในร่มเงาหรือจอดรถเพ่งมองกันอย่างจริงจัง
ส่วนการควบคุมเน็กเก็ตไบค์ไซส์ยักษ์ น้ำหนักรวมของเหลวทั้งคัน 209 กิโลกรัม ไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด การใช้งานในเมืองมุดหนีรถติดได้คล่องตัว ถ้ายังพอมีช่องว่างให้ใช้ความเร็วได้บ้างก็ไร้กังวล นอกจากจะติดแน่นขนาดต้องใช้เท้าช่วยเข็นเลี้ยว ด้วยระยะเทรลที่ค่อนข้างกว้าง ก่อนเข็นเดินหน้าต้องขยับถอยหลังตั้งหลักกันให้ดีก่อน
สำหรับสมรรถนะความแรงไร้ข้อกังขา ใช้ขี่ในเมืองระยะทางรวมประมาณ 75 กิโลเมตร แค่โหมด Urban ที่ปลดปล่อยพลังออกมาน้อยที่สุดก็เหลือเฟือและดูจะอึดอัดเกินไปด้วยซ้ำ เมื่อต้องฝ่าสภาพการจราจรที่หนาแน่น เพราะการตอบสนองของคันเร่งไฟฟ้ามารวดเร็วทันใจ มือใหม่การควบคุมต้องระวังเป็นพิเศษ และเมื่อวิ่งบนถนนรอบนอกจึงลองปรับใช้แบบ Sport ดูบ้าง ยิ่งสัมผัสได้ถึงพลังความแรงที่แทบจะรู้สึกว่าเหมือนกำลังขี่รถอีกคันเลยทีเดียว โดยอัตราบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยใช้ในเมืองทำได้ประมาณ 15 กิโลเมตรต่อลิตร
ด้านการทำหน้าที่ของระบบเบรก ABS และตัวช่วยอย่างระบบ Traction Control สามารถปรับค่าการตอบสนองได้อย่างละเอียด โดยเบรกหน้าใช้งานได้มั่นใจมาก แต่เบรกหลังรู้สึกรถทดสอบคันนี้จะมีปัญหา เพราะต้องกดแรงและลึกมากจึงจะสามารถชะลอความเร็วได้ ส่วนระบบช่วงล่างรับแรงสะเทือนได้นุ่มนวล ไม่ว่าจะขี่ชิลๆ หรือซิ่งเต็มแรงก็สามารถปรับได้ตามต้องการ
มาถึงจุดที่หลายคนกังวล สำหรับไอความร้อนที่ระบายออกมาจากเครื่องยนต์จะมีมากน้อยเพียงใด คงต้องบอกว่าโชคร้ายหน่อยกับการนำมาลองขี่ในช่วงนี้ เพราะเหมือนยิ่งไปกระตุ้นต่อมรับความรู้สึกให้ไวยิ่งขึ้น รวมทั้งด้วยการออกแบบคอท่อไอเสียเลื้อยออกฝั่งขวาใกล้ขาคนขี่มากเกินไป แม้จะมีการ์ดมากั้นระหว่างขากางเกงกับคอท่อแล้วก็ตาม แต่ไอระเหยมันส่งผ่านมาทางอากาศ หากจอดติดไฟแดงมากกว่า 2 นาที แนะนำควรกดสวิตซ์ดับเครื่องไปจะดีกว่า
มอนสเตอร์ 1200 เอส รุ่นนี้คันเดียวจบใช้ซิ่งขี่หล่อชอบแรงตอบโจทย์ได้แน่ แต่ก่อนซื้ออาจต้องตัดสินใจนานหน่อย เพราะค่าตัวถือว่าสูงมาก ตัวเลือกระดับหลักล้านบาทเฉพาะของดูคาติเองสามารถซื้อได้ทุกรุ่น ยังไม่นับรวมจากคู่แข่งแบรนด์อื่น ซึ่งสามารถเป็นเจ้าของด้วยงบไม่เกินนี้เช่นกัน
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring
