ข่าวต่างประเทศ - แม้จะมีควันดำออกมาให้เห็นทางปลายท่ออยู่เสมอ แต่เครื่องยนต์ดีเซลยุคใหม่ๆ ที่ถูกพัฒนาออกสู่ตลาด มีการปล่อยก๊าซพิษออกสู่อากาศน้อยกว่าเครื่องยนต์ถึง 21% อันเป็นผลมาจากเทคโนโลยีดีเซลที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเดินหน้าอย่างรวดเร็ว
SMMT หรือ Society of Motor Manufacturers and Traders แห่งประเทศอังกฤษ ได้เปิดเผยผลวิจัย ที่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีของเครื่องยนต์ดีเซล ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีความสะอาดของค่า มลพิษในไอเสียน้อยกว่าเครื่องยนต์ดีเซลที่ผลิตออกมาขายในปี 2003 ถึง 21%
โดยวิจัยชิ้นนี้ได้ชี้ให้เห็นถึงพัฒนาการที่ดีขึ้น เป็นผลมาจากการที่ผู้ผลิตเครื่องยนต์ใส่ใจในเรื่องการปรับปรุงเทคโนโลยีทั้งระบบรางหัวฉีดคอมมอนเรลที่มีความแม่นยำในการส่งน้ำมัน, ระบบ Auto Start-Stop ที่ถูกนำมาใช้กับเครื่องยนต์เซล, หัวฉีดที่สามารถทำให้น้ำมันเป็นละอองฝอยที่ละเอียด, กล่อง ECU ที่มีความฉลาดและทันสมัย รวมถึงระบบกรองอนุภาคไอเสีย ฯลฯ
Peter Fouquet ประธานของ Bosch ในอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์และระบบสำหรับใช้ใน เครื่องยนต์ดีเซลรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลกกล่าวว่า ‘ผู้ใช้รถยนต์ในปัจจุบันจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากเครื่องยนต์ ดีเซลยุคใหม่ ที่มีความทันสมัยและความสะอาดมากกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และในปัจจุบัน ตลาดรถยนต์ดีเซลใน ยุโรปมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแนวทางการพัฒนาขุมพลังประเภทนี้ ของผู้ผลิตรถยนต์ก็ยังอยู่ที่การแข่งขันในการพัฒนาเทคโนโลยีดีเซลให้มีความล้ำหน้ามากขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันแล้ว ยังช่วยลดมลพิษในไอเสีย ส่งผลต่อต้นทุนในการเดินทางที่ลดลง’
สำหรับก้าวย่างต่อไปของเครื่องยนต์ดีเซลคือ การจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อเป็นทางเลือกในแบบดีเซล-ไฮบริด ซึ่ง Bosch มั่นใจว่าจะสามารถทำให้ตัวรถมีความประหยัดน้ำมันต่ำกว่าที่มาตรฐานของยุโรปกำหนดเอาไว้ถึง 40% และมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเพียง 85 กรัม/กิโลเมตรเท่านั้น
SMMT หรือ Society of Motor Manufacturers and Traders แห่งประเทศอังกฤษ ได้เปิดเผยผลวิจัย ที่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีของเครื่องยนต์ดีเซล ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีความสะอาดของค่า มลพิษในไอเสียน้อยกว่าเครื่องยนต์ดีเซลที่ผลิตออกมาขายในปี 2003 ถึง 21%
โดยวิจัยชิ้นนี้ได้ชี้ให้เห็นถึงพัฒนาการที่ดีขึ้น เป็นผลมาจากการที่ผู้ผลิตเครื่องยนต์ใส่ใจในเรื่องการปรับปรุงเทคโนโลยีทั้งระบบรางหัวฉีดคอมมอนเรลที่มีความแม่นยำในการส่งน้ำมัน, ระบบ Auto Start-Stop ที่ถูกนำมาใช้กับเครื่องยนต์เซล, หัวฉีดที่สามารถทำให้น้ำมันเป็นละอองฝอยที่ละเอียด, กล่อง ECU ที่มีความฉลาดและทันสมัย รวมถึงระบบกรองอนุภาคไอเสีย ฯลฯ
Peter Fouquet ประธานของ Bosch ในอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์และระบบสำหรับใช้ใน เครื่องยนต์ดีเซลรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลกกล่าวว่า ‘ผู้ใช้รถยนต์ในปัจจุบันจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากเครื่องยนต์ ดีเซลยุคใหม่ ที่มีความทันสมัยและความสะอาดมากกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และในปัจจุบัน ตลาดรถยนต์ดีเซลใน ยุโรปมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแนวทางการพัฒนาขุมพลังประเภทนี้ ของผู้ผลิตรถยนต์ก็ยังอยู่ที่การแข่งขันในการพัฒนาเทคโนโลยีดีเซลให้มีความล้ำหน้ามากขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันแล้ว ยังช่วยลดมลพิษในไอเสีย ส่งผลต่อต้นทุนในการเดินทางที่ลดลง’
สำหรับก้าวย่างต่อไปของเครื่องยนต์ดีเซลคือ การจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อเป็นทางเลือกในแบบดีเซล-ไฮบริด ซึ่ง Bosch มั่นใจว่าจะสามารถทำให้ตัวรถมีความประหยัดน้ำมันต่ำกว่าที่มาตรฐานของยุโรปกำหนดเอาไว้ถึง 40% และมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเพียง 85 กรัม/กิโลเมตรเท่านั้น