ถือว่าต้องรอกันนานเอาเรื่องเลยสำหรับแฟนๆ ของสปอร์ตเทจ เพราะกว่าที่เกียจะจัดการปรับปรุง และส่งรุ่นปรับโฉม หรือไมเนอร์เชนจ์ลงสู่ตลาดได้ ต้องรอกันนานกว่า 3 ปีักันเลยทีเดียว โดยสปอร์ตใหม่ แบบปรับโฉม นอกจากจะมีหน้าตาที่สดใหม่ขึ้นแล้ว ยังมาพร้อมกับเครื่องยนต์สุดทันสมัย ที่ประหยัดขึ้น และเร้าใจขึ้น
สปอร์ตเทจถือเป็นเอสยูวีไซส์คอมแพ็กต์ที่อยู่คู่กับเกียมาตั้งแต่ยุคทศวรรษที่ 1990 และรุ่นที่ขายอยู่ในปัจจุบันถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ซึ่งถูกวางขายในปี 2011 พร้อมกับความเปลี่ยนแปลง ครั้งใหญ่ เพราะเป็นเอสยูวีพี่น้องกับเพื่อนร่วมเครืออย่างฮุนได ทูซอน และตัวรถได้รับการออกแบบ โดยยอดฝีมืออย่างปีเตอร์ ชเรเยอร์
ในแง่ของหน้าตาสามารถสัมผัสกับกับความต่างด้วยชุดกระจังหน้าและกันชนหน้าใหม่ เช่นเดียวกับ ด้านท้ายมีการปรับปรุงในส่วนของรายละเอียดภายในของโคมไฟ และล้อแม็กลายใหม่ ที่แตกต่างไปตามรุ่นย่อยในการทำตลาด
สำหรับห้องโดยสารยงคงแนวทางการออกแบบจากรุ่นดั้งเดิม แต่เพิ่มสัมผัสที่สดใหม่ขึ้นด้วยวัสดุ ที่ใช้ในการตกแต่ง ซึ่งมีการเปลี่ยนไปเพื่อตอบสนองทั้งในด้านสัมสผัสที่หรูหรา และความสะดวกสบาย โดยเบาะนั่งแถวหลังสามารถเลือกพับได้ในอัตราส่วน 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายจากเดิมในระดับ 564 ลิตรมาเป็น 1,353 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังลงทั้งหมด
ทางเลือกของเครื่องยนต์ในรุ่นนี้ สำหรับตลาดยุโรปจะมีเบนซินแค่แบบเดียวเป็น Di หรือ Direct Injection Gdi จากตระกูล Gamma ซึ่งเป็นแบบ 4 สูบ ที่มีความจุ 1,600 ซีซี จ่ายน้ำมันเข้าสู่ห้อง เผาไหม้โดยตรง พร้อมเทอร์โบ ได้รับการปรับปรุงให้มีกำลังเพิ่มขึ้นจากเดิม โดยเฉพาะในแง่ของแรงบิดสูงสุด ที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้านี้ 7% สำหรับในช่วงรอบต่ำ และ 12% ในรอบสูง ประหยัดน้ำมันขึ้น 10%
กำลังสูงสุดที่ได้อยู่ที่ 133 แรงม้า ที่ 6,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 16.8 กก.-ม. ที่ 4,850 รอบ/นาที ใช้เวลา 10.7 วินาทีสำหรับอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง และมีความเร็วสูงสุด 178 กิโลเมตร/ชั่วโมง
อีก 2 ทางเลือกเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลในรหัส U2 บล็อก 1,700 ซีซี ที่มีกำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 26.5 กก.-ม. ที่ 1,250-2,750 รอบ/นาที ส่วนอีกบล็อกเป็นรหัส R ที่มีความจุ 2,000 ซีซี 134 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 32.6 กก.-ม. ที่ 1,800 รอบ/นาที
ถ้าแค่นี้ยังไม่พอต่อความเร้าใจ ในรุ่น 2,000 ซีซียังมีอีกทางเลือกด้วยกำลังสูงสุดที่ถูกขยับขึ้นมาเป็น 181 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 39 กก.-ม. สำหรับเกียร์ธรรมดา และจะเพิ่มเป็น 39.9 กก.-ม. สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ
นอกจากนั้น สปอร์ตเทจรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี ISG ซึ่งจะมีการดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อ จอดอยู่กับที่เพื่อช่วยในเรื่องความประหยัดน้ำมัน โดยจะติดตั้งในรุ่น 1,600 และ 1,700 ซีซี