นับถอยหลังเหลืออีกเพียงเดือนกว่าๆ หรือภายใน 31 มีนาคม 2557 นี้เท่านั้น จะถึงกำหนดเส้นตายยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนโครงการอีโคคาร์ระยะที่ 2 (Phase2) เพื่อเริ่มผลิตไม่เกินปี 2562 แม้ขณะนี้ค่ายรถยังสงวนท่าที ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธเข้าร่วม แต่แน่ๆ ต้องมีค่ายที่ผลักดันอีโคคาร์ เฟส2 ซึ่งว่ากันว่าเป็นฟอร์ดแล้ว หนึ่งในนั้นยังมี “มาสด้า” ที่จะว่าไปแอบมีความพร้อมมากกว่าใคร เพราะจ่อนำรถที่มีผลิตและคนไทยรู้จักดี มาเสียบในโครงการอีโคคาร์ และพร้อมเปิดตัวภายในไม่เกิน 1 ปีจากนี้ไป...
ทั้งนี้กลยุทธ์ของมาสด้าที่จะเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ เฟส2 ไม่ใช่เป็นรายแรกที่ดำเนินการเช่นนี้ เพราะยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” ได้นำร่องทำมาแล้ว จากการนำ “โตโยต้า ยาริส” มาเสียบโครงการอีโคคาร์ เพราะตามเงื่อนไขกำหนดเพียงต้องเป็นรถที่ไม่เคยผลิตในไทยมาก่อน ซึ่งไม่ได้ห้ามเรื่องชื่อรุ่น ดังนั้นเมื่อมีการปรับเปลี่ยนโมเดล หรือโฉมใหม่ จึงถือเป็นโมเดลที่ไม่เคยผลิตมาก่อน พร้อมกับปรับเครื่องยนต์และคุณสมบัติต่างๆ ให้สามารถเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ได้
มาสด้าจึงใช้แนวทางเดียวกัน ด้วยการนำรถรุ่นที่ผลิตและทำตลาดอยู่แล้ว... “มาสด้า2” มาเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ เฟส2 เพียงแต่จะเป็นรุ่นโมเดลใหม่ และจะว่าไปแทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรุ่นเดิมเลย เพราะได้มีการนำเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ (SKYACTIV) ทั้งคัน เช่นเดียวกับมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 และมาสด้า3 ใหม่ มาใช้กับมาสด้า2 โฉมใหม่ ที่จะเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ เฟส2
ในส่วนของเรื่องขุมพลังเครื่องยนต์ ซึ่งมาสด้า2 รุ่นปัจจุบันวางเครื่องขนาด 1.5 ลิตร แต่ตามเงื่อนไขโครงการอีโคคาร์ เฟส2 ต้องเป็นเครื่องยนต์เบนซินไม่เกิน 1300 ซีซี (1.3 ลิตร) หรือเครื่องยนต์ดีเซลไม่เกิน 1500 ซีซี(1.5 ลิตร – โดยอีโคคาร์ เฟส1 ไม่เกิน 1400 ซีซี) แต่เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาเช่นกัน เพราะในญี่ปุ่นมาสด้าได้วางเครื่องยนต์เบนซิน สกายแอคทีฟ-จี (SKYACTIV-G) ขนาด 1298 ซีซี หรือ SKYACTIV-G 1.3 ในมาสด้า เดมิโอ(Mazda Demio) ซึ่งเป็นชื่อเรียกของมาสด้า2 ในตลาดญี่ปุ่นอยู่แล้ว
โดยเครื่องยนต์เบนซินฉีดตรง(Direct-Injection Engine) SKYACTIV-G 1.3 (เวอร์ชั่นในญี่ปุ่น) มีกำลัง 84 แรงม้า ที่ 5,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 112 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมระบบการทำงาน i-Stop ดังนั้นเครื่องยนต์สกายเอคทีฟที่ขึ้นชื่อเรื่องความแรง ด้วยมีอัตราส่วนกำลังอัดสูงสุด 14.0 : 1 เมื่อผสานกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างตัวถังและช่วงล่าง ที่เบาแต่มีความแข็งแกร่ง ทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำเพียง 30 กิโลเมตร/ลิตร (ตามมาตรฐานการทดสอบ JC08)
เหตุนี้ในส่วนของเครื่องยนต์ SKYACTIV-G 1.3 ที่ได้ชื่อเรื่องประหยัดและลดมลพิษแล้ว จึงไม่เป็นปัญหาต่อการนำมาติดตั้งในโมเดลใหม่ เทคโนโลยีสกายแอคทีฟทั้งคัน เพื่อเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์แต่อย่างใด โดยมาสด้า2 โฉมใหม่ ปัจจุบันยังไม่มีการเปิดตัวในตลาดโลก แต่ตามรายงานของสื่อต่างประเทศ จะมีหน้าตาใกล้เคียงกับมาสด้า3 และ6 โฉมใหม่ ที่ได้รับอิทธิพลการออกแบบตามแนวคิด KODO Design
ตามรายงานข่าวจะมีการเผยโฉมคันต้นแบบ ในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2014 ต้นเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ และคาดว่าประมาณกลางปีน่าจะเปิดตัวขายเป็นทางการในตลาดโลก ถ้าหากเป็นเช่นนั้นคงไม่เกิน 1 ปีจากนี้ไป น่าจะเปิดตัวในทำตลาดไทย และมีรายงานข่าวว่าจะทำตลาดรถเครื่องยนต์ดีเซล (SKYACTIV-D) ด้วย โดยการวางตำแหน่งมาสด้า2 เวอร์ชันอีโคคาร์ จะสูงกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ หรือเป็นพรีเมียมอีโคคาร์ เนื่องจากนำเทคโนโลยีสกายแอคทีฟมาใช้ ทำให้ต้นทุนค่อนข้างสูง จึงจำเป็นต้องเคาะราคาสูงกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ แม้จะได้รับสิทธิ์ประโยชน์ทางภาษีต่างๆ จากการเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ก็ตาม
ในส่วนของการเตรียมพร้อมโรงงานประกอบ ปัจจุบันเริ่มมีการปรับเปลี่ยนไลน์ผลิต ที่โรงงานออโต อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย หรือ AAT เพื่อรองรับการขึ้นไลน์ผลิตเทคโนโลยีสกายแอคทีฟทั้งคัน และยังต้องลงทุนตามเงื่อนไขของอีโคคาร์มูลค่าไม่ต่ำกว่า 6,500 ล้านบาท(เฉพาะรายใหม่) โดยคาดว่ามาสด้า มอเตอร์ น่าจะประกาศลงทุนในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะพบกับมาสด้า2 เวอร์ชันอีโคคาร์ เตรียมพบกับ “มาสด้า3” โฉมใหม่ เทคโนโลสกายเอคทีฟทั้งคันโมเดลที่ 2 ต่อจากเอสยูวี “มาสด้า ซีเอ็กซ์-5” โดยกำหนดเปิดตัวสู่ตลาดไทยอย่างเป็นทางการ ช่วงกลางเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ โดยรูปลักษณ์แทบไม่แตกต่างจากที่เห็นในต่างประเทศ ซึ่งการออกแบบมาในแนวคิด KODO Design เช่นเดียวกับรถรุ่นใหม่อื่นๆ ของมาสด้านั่นเอง
ส่วนขุมพลังให้เลือกในไทย จะเริ่มทำตลาดเพียงรุ่นเดียว SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ไดเรกอินเจกชัน พร้อมระบบวาล์วไอดี-ไอเสียแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 155 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แต่ตามรายงานข่าวเวอร์ชันในไทยจะปรับเป็น 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 196 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที และในไทยจี๊ดจ๊าดกว่าที่ 210 นิว-ตันเมตร ขณะที่ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ CVT 6 สปีด
แม้จะวางเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร แต่การวางตำแหน่งสินค้าของมาสด้า3 ใหม่ จะอยู่ในกลุ่มเก๋งคอมแพ็กต์คู่แข่งขนาด 1.8 ลิตร ทำให้มาสด้า3 ใหม่ โดดเด่นกว่าในเรื่องของสมรรถนะและการประหยัดน้ำมัน เช่นเดียวกับสนนราคาที่จะเริ่มประมาณกว่า 8 แสนบาท ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้เคาะราคาได้น่าสนใจ มาจากเครื่องยนต์สามารถรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ทำให้ได้รับส่งเสริมทางภาษีจากรัฐบาล
นอกจากนี้ยังมีอีกรุ่น “มาสด้า6” เก๋งขนาดกลาง หรือกลุ่มซี/ดี-คาร์ ซึ่งชัดเจนว่ามาสด้าต้องการจะทำตลาดในไทยและอาเซียน โดยขณะนี้กำลังศึกษาเพื่อขึ้นไลน์ผลิตในภูมิภาคนี้ และมีโอกาสจะประกอบในไทยเช่นกัน แต่ต้องดูการปรับเปลี่ยนไลน์ผลิตในโรงงาน AAT ซึ่งกำหนดทำตลาดอย่างเร็วอย่างเร็ว น่าจะเป็นช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า ในส่วนของขุมกำลังจะเป็นบล็อกเดียวกับที่ติดตั้งในมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ทั้งเครื่องยนต์สกายเอคทีฟเบนซิน 2.0, 2.5 ลิตร และดีเซล 2.2 ลิตร
หากดูจากแนวทางเดิมๆ ของมาสด้าในไทยที่ผ่านมา การเตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ จากนี้ไป นับเป็นการปรับทิศทางใหม่ ด้วยการเร่งเปิดตัวรถในไทย ให้เร็วขึ้นใกล้เคียงกับต่างประเทศ และมุ่งตอบสนองลูกค้า ให้มีโอกาสเป็นเจ้าของได้ง่าย แต่ถ้าใครไม่อยากรอ หรือสนใจโมเดลใหม่แล้ว รุ่นปัจจุบันนับว่าน่าสนใจเช่นกัน เพราะมีรายการลด-แลก-แจก-แถมเพียบ!...
ทั้งนี้กลยุทธ์ของมาสด้าที่จะเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ เฟส2 ไม่ใช่เป็นรายแรกที่ดำเนินการเช่นนี้ เพราะยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” ได้นำร่องทำมาแล้ว จากการนำ “โตโยต้า ยาริส” มาเสียบโครงการอีโคคาร์ เพราะตามเงื่อนไขกำหนดเพียงต้องเป็นรถที่ไม่เคยผลิตในไทยมาก่อน ซึ่งไม่ได้ห้ามเรื่องชื่อรุ่น ดังนั้นเมื่อมีการปรับเปลี่ยนโมเดล หรือโฉมใหม่ จึงถือเป็นโมเดลที่ไม่เคยผลิตมาก่อน พร้อมกับปรับเครื่องยนต์และคุณสมบัติต่างๆ ให้สามารถเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ได้
มาสด้าจึงใช้แนวทางเดียวกัน ด้วยการนำรถรุ่นที่ผลิตและทำตลาดอยู่แล้ว... “มาสด้า2” มาเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ เฟส2 เพียงแต่จะเป็นรุ่นโมเดลใหม่ และจะว่าไปแทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรุ่นเดิมเลย เพราะได้มีการนำเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ (SKYACTIV) ทั้งคัน เช่นเดียวกับมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 และมาสด้า3 ใหม่ มาใช้กับมาสด้า2 โฉมใหม่ ที่จะเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ เฟส2
ในส่วนของเรื่องขุมพลังเครื่องยนต์ ซึ่งมาสด้า2 รุ่นปัจจุบันวางเครื่องขนาด 1.5 ลิตร แต่ตามเงื่อนไขโครงการอีโคคาร์ เฟส2 ต้องเป็นเครื่องยนต์เบนซินไม่เกิน 1300 ซีซี (1.3 ลิตร) หรือเครื่องยนต์ดีเซลไม่เกิน 1500 ซีซี(1.5 ลิตร – โดยอีโคคาร์ เฟส1 ไม่เกิน 1400 ซีซี) แต่เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาเช่นกัน เพราะในญี่ปุ่นมาสด้าได้วางเครื่องยนต์เบนซิน สกายแอคทีฟ-จี (SKYACTIV-G) ขนาด 1298 ซีซี หรือ SKYACTIV-G 1.3 ในมาสด้า เดมิโอ(Mazda Demio) ซึ่งเป็นชื่อเรียกของมาสด้า2 ในตลาดญี่ปุ่นอยู่แล้ว
โดยเครื่องยนต์เบนซินฉีดตรง(Direct-Injection Engine) SKYACTIV-G 1.3 (เวอร์ชั่นในญี่ปุ่น) มีกำลัง 84 แรงม้า ที่ 5,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 112 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมระบบการทำงาน i-Stop ดังนั้นเครื่องยนต์สกายเอคทีฟที่ขึ้นชื่อเรื่องความแรง ด้วยมีอัตราส่วนกำลังอัดสูงสุด 14.0 : 1 เมื่อผสานกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างตัวถังและช่วงล่าง ที่เบาแต่มีความแข็งแกร่ง ทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำเพียง 30 กิโลเมตร/ลิตร (ตามมาตรฐานการทดสอบ JC08)
เหตุนี้ในส่วนของเครื่องยนต์ SKYACTIV-G 1.3 ที่ได้ชื่อเรื่องประหยัดและลดมลพิษแล้ว จึงไม่เป็นปัญหาต่อการนำมาติดตั้งในโมเดลใหม่ เทคโนโลยีสกายแอคทีฟทั้งคัน เพื่อเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์แต่อย่างใด โดยมาสด้า2 โฉมใหม่ ปัจจุบันยังไม่มีการเปิดตัวในตลาดโลก แต่ตามรายงานของสื่อต่างประเทศ จะมีหน้าตาใกล้เคียงกับมาสด้า3 และ6 โฉมใหม่ ที่ได้รับอิทธิพลการออกแบบตามแนวคิด KODO Design
ตามรายงานข่าวจะมีการเผยโฉมคันต้นแบบ ในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2014 ต้นเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ และคาดว่าประมาณกลางปีน่าจะเปิดตัวขายเป็นทางการในตลาดโลก ถ้าหากเป็นเช่นนั้นคงไม่เกิน 1 ปีจากนี้ไป น่าจะเปิดตัวในทำตลาดไทย และมีรายงานข่าวว่าจะทำตลาดรถเครื่องยนต์ดีเซล (SKYACTIV-D) ด้วย โดยการวางตำแหน่งมาสด้า2 เวอร์ชันอีโคคาร์ จะสูงกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ หรือเป็นพรีเมียมอีโคคาร์ เนื่องจากนำเทคโนโลยีสกายแอคทีฟมาใช้ ทำให้ต้นทุนค่อนข้างสูง จึงจำเป็นต้องเคาะราคาสูงกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ แม้จะได้รับสิทธิ์ประโยชน์ทางภาษีต่างๆ จากการเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ก็ตาม
ในส่วนของการเตรียมพร้อมโรงงานประกอบ ปัจจุบันเริ่มมีการปรับเปลี่ยนไลน์ผลิต ที่โรงงานออโต อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย หรือ AAT เพื่อรองรับการขึ้นไลน์ผลิตเทคโนโลยีสกายแอคทีฟทั้งคัน และยังต้องลงทุนตามเงื่อนไขของอีโคคาร์มูลค่าไม่ต่ำกว่า 6,500 ล้านบาท(เฉพาะรายใหม่) โดยคาดว่ามาสด้า มอเตอร์ น่าจะประกาศลงทุนในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะพบกับมาสด้า2 เวอร์ชันอีโคคาร์ เตรียมพบกับ “มาสด้า3” โฉมใหม่ เทคโนโลสกายเอคทีฟทั้งคันโมเดลที่ 2 ต่อจากเอสยูวี “มาสด้า ซีเอ็กซ์-5” โดยกำหนดเปิดตัวสู่ตลาดไทยอย่างเป็นทางการ ช่วงกลางเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ โดยรูปลักษณ์แทบไม่แตกต่างจากที่เห็นในต่างประเทศ ซึ่งการออกแบบมาในแนวคิด KODO Design เช่นเดียวกับรถรุ่นใหม่อื่นๆ ของมาสด้านั่นเอง
ส่วนขุมพลังให้เลือกในไทย จะเริ่มทำตลาดเพียงรุ่นเดียว SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ไดเรกอินเจกชัน พร้อมระบบวาล์วไอดี-ไอเสียแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 155 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แต่ตามรายงานข่าวเวอร์ชันในไทยจะปรับเป็น 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 196 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที และในไทยจี๊ดจ๊าดกว่าที่ 210 นิว-ตันเมตร ขณะที่ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ CVT 6 สปีด
แม้จะวางเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร แต่การวางตำแหน่งสินค้าของมาสด้า3 ใหม่ จะอยู่ในกลุ่มเก๋งคอมแพ็กต์คู่แข่งขนาด 1.8 ลิตร ทำให้มาสด้า3 ใหม่ โดดเด่นกว่าในเรื่องของสมรรถนะและการประหยัดน้ำมัน เช่นเดียวกับสนนราคาที่จะเริ่มประมาณกว่า 8 แสนบาท ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้เคาะราคาได้น่าสนใจ มาจากเครื่องยนต์สามารถรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ทำให้ได้รับส่งเสริมทางภาษีจากรัฐบาล
นอกจากนี้ยังมีอีกรุ่น “มาสด้า6” เก๋งขนาดกลาง หรือกลุ่มซี/ดี-คาร์ ซึ่งชัดเจนว่ามาสด้าต้องการจะทำตลาดในไทยและอาเซียน โดยขณะนี้กำลังศึกษาเพื่อขึ้นไลน์ผลิตในภูมิภาคนี้ และมีโอกาสจะประกอบในไทยเช่นกัน แต่ต้องดูการปรับเปลี่ยนไลน์ผลิตในโรงงาน AAT ซึ่งกำหนดทำตลาดอย่างเร็วอย่างเร็ว น่าจะเป็นช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า ในส่วนของขุมกำลังจะเป็นบล็อกเดียวกับที่ติดตั้งในมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ทั้งเครื่องยนต์สกายเอคทีฟเบนซิน 2.0, 2.5 ลิตร และดีเซล 2.2 ลิตร
หากดูจากแนวทางเดิมๆ ของมาสด้าในไทยที่ผ่านมา การเตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ จากนี้ไป นับเป็นการปรับทิศทางใหม่ ด้วยการเร่งเปิดตัวรถในไทย ให้เร็วขึ้นใกล้เคียงกับต่างประเทศ และมุ่งตอบสนองลูกค้า ให้มีโอกาสเป็นเจ้าของได้ง่าย แต่ถ้าใครไม่อยากรอ หรือสนใจโมเดลใหม่แล้ว รุ่นปัจจุบันนับว่าน่าสนใจเช่นกัน เพราะมีรายการลด-แลก-แจก-แถมเพียบ!...