รถยนต์ภายใต้โครงการอีโคคาร์เฟสแรก ค่ายที่เข้าร่วมผลิตรถลงสู่ตลาดครบทุกรายแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นรัฐบาลไม่ยอมหยุดนิ่ง เดินหน้าผลักดันโครงการอีโคคาร์เฟส 2 ต่อทันที โดยกำหนดเปิดรับรายเก่าและใหม่ เพื่อขอรับส่งเสริมการลงทุนภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้ แม้ปัจจุบันจะยังไม่มีรายใดยื่นเข้าร่วม จนกว่าจะถึงวันสุดท้าย แต่เป็นที่ร่ำลือกันในวงการ แรงจูงใจที่ทำให้เกิดอีโคคาร์ ระยะที่ 2 มาจากการผลักดันของ “ฟอร์ด” ซึ่งล่าสุดได้มีการเผยโฉมต้นแบบรถขนาดเล็กโกลบอลโมเดล และว่ากันว่านี่แหละ... ว่าที่อีโคคาร์ของฟอร์ด ขณะที่รายเดิม “ซูซูกิ” ขยับเปิดตัวอีโคคาร์โมเดล2 เช่นกัน
โดยฟอร์ด มอเตอร์ ได้มีการแนะนำรถต้นแบบรุ่นใหม่ล่าสุด “ฟอร์ด ฟิโก” (Ford Figo Concept) เก๋งขนาดเล็กระดับบี-เซกเมนท์ เพื่อเผยโฉมอย่างเป็นทางการ ในงานออโต เอ็กซ์โป 2014 ในเมืองนิวเดลี ประเทศอินเดีย ที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฟอร์ดจะใช้เวทีนี้เปิดตัวรถโมเดลใหม่ๆ โดยเฉพาะรถระดับโกลบอลโมเดล หรือรถตามนโยบาย One Ford อย่างล่าสุดเป็นรถยนต์เอนกประสงค์เพื่อคนเมือง “ฟอร์ด เอคโค สปอร์ต” เป็นต้น
จากทิศทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าวของฟอร์ด จึงชัดเจนว่าเก๋งรุ่นฟิโกที่จะเปิดตัวในงานออโต เอ็กซ์โป 2014 จะทำตลาดในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงไทยที่เป็นฐานการผลิตอีกแห่งของฟอร์ด และเชื่อว่ารถรุ่นนี้จะถูกผลักดันให้เข้าสู่โครงการอีโคคาร์ เฟส2 เช่นเดียวกับรถแฮทช์แบ็ก “ฟอร์ด คา” (Ford Ka) โฉมใหม่ ที่ใช้พื้นฐานตัวถังร่วมกัน และล่าสุด(4ก.พ.) ฟอร์ดได้เผยโฉมตัวถังซีดานของต้นแบบรุ่นคา (หรือฟิโกซีดาน) ในบราซิล หลังจากเปิดตัวในอินเดียเพียงแค่วันเดียว แต่จะมีตัวถังที่ยาวกว่า หรือมากกว่า 4 เมตร ซึ่งน่าจะใช้ตัวถังนี้ในการทำตลาดระดับโลกส่วนใหญ่ และหน้าตาเหมือนกับต้นแบบรุ่นแฮทช์แบ็ก รวมถึงในรายละเอียดบางอย่าง
“ฟอร์ด ฟิโก/คา” แม้จะถูกวางให้เป็นเก๋งระดับบี-คาร์ แต่จะเล็กกว่าฟอร์ด เฟียสต้า โดยรุ่นฟิโกในอินเดียมีความยาวตัวถังไม่เกิน 4 เมตร(รุ่นคาซีดานตัวถังยาวกว่าเล็กน้อย) หรือใกล้เคียงกับอีโคคาร์ “ฮอนด้า บริโอ อเมซ” ถึงอย่างนั้นฟอร์ดยืนยันว่า มันไม่ได้มีผลต่อความเป็นรถพรีเมียม หรือมีเทคโนโลยีอันเฉลียวฉลาดแต่อย่างใด รวมถึงคุณภาพและความประณีตของรถเกินลูกค้าคาดหวังเสียอีก
นั่นหมายความว่า ฟอร์ด ฟิโก นอกจากตอบสนองครบถ้วน ตามความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และต้นทุนในการเป็นเจ้าของที่ต่ำ ทั้งในเรื่องราคาและค่าบำรุงรักษาตลอดอายุการใช้งานต่ำ แต่มากกว่านั่นลูกค้ายังได้รับเพิ่มจากฟอร์ดอีก ทั้งในเรื่องของการออกแบบสดใหม่ คุณภาพระดับโลก ห้องโดยสารที่กว้างขวาง เทคโนโลยีล้ำสมัย และความปลอดภัยที่เหนือกว่า
แน่นอนการออกแบบ ซึ่งฟอร์ดสะท้อนให้เห็นความเรียบหรู ไม่ใช่การออกแบบตามแฟชั่นเหมือนกับรถขนาดเล็กอื่นๆ ที่นิยมกันในปัจจุบัน แต่จะว่าไปจริงๆ รูปลักษณ์ของฟิโก แทบจะถอดมาจาก “ฟอร์ด คา” (หรือฟิโก แฮทช์แบ็ก ในตลาดอินเดีย) เก๋งแฮทช์แบ็กขนาดเล็ก ที่เพิ่งเผยโฉมคันต้นแบบไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นรถที่ใช้พื้นฐานเดียวกัน อาจจะปรับเปลี่ยนชัดเจนเพียงส่วนของด้านท้าย ที่ออกแบบให้เป็นรถในแบบเก๋งซีดานแทน
ส่วนรายละเอียดทางเทคนิค ฟอร์ด มอเตอร์ ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา เช่นเดียวกับกำหนดวางขายอย่างเป็นทางการ แต่จากรายงานข่าวของสื่อมวลชนต่างๆ คาดว่าจะทำตลาดกับเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร 91 แรงม้า ส่วนเครื่องยนต์เบนซิน จะเป็นบล็อก 1.2 ลิตร และอีโคบูสต์ 1.0 ลิตร โดยกำหนดเปิดตัวทำตลาดน่าจะเริ่มในปี 2015 เป็นต้นไป
สำหรับในไทยอย่างเร็วน่าจะปลายปี 2015 หรือไม่เกินภายในปี 2016 และจะมีให้เลือกทั้งตัวถังแบบซีดานและแฮทช์แบ็ก แต่จะเรียกชื่อรุ่น “ฟอร์ด ฟิโก” เหมือนกัน หรือเรียก “ฟอร์ด คา” เหมือนในยุโรป/ละตินอเมริกา และแน่นอนเครื่องยนต์ที่ทำตลาด หากเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ ตัวหลักคงต้องเป็นเบนซิน 1.2 ลิตร ส่วนเครื่องยนต์อีโคบูสต์ คงยากที่จะทำราคาสู้กับคู่แข่งได้ ยกเว้นจะมาเป็นอีกตัวเลือกเท่านั้น
แต่หากใครที่อดใจรอไม่ไหว เตรียมพบกับอีโคคาร์โมเดลที่ 2 จากค่าย “ซูซูกิ” ซึ่งได้มีการเผยโฉมคันต้นแบบ “ซูซูกิ เอ-วินด์” (Suzuki A-Wind) ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2013 ที่ประเทศไทยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และล่าสุดเตรียมจะเปิดตัวขายคันจริง บนเวทีเดียวกับต้นแบบของ “ฟอร์ด ฟิโก” ในงานออโต เอ็กซ์โป 2014 ประเทศอินเดีย และหลังจากนั้นน่าจะเปิดตัวในไทย ช่วงงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2014 ปลายเดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป
อีโคคาร์โมเดลที่ 2 ของซูซูกิ แน่นอนจะไม่ใช้ชื่อเอ-วินด์เหมือนคันต้นแบบ รวมถึงชื่อ “อัลโต” (Alto – เวอร์ชั่นตลาดโลก แต่ไม่ใช่รุ่นอัลโตที่ขายในอินเดีย) ที่จะเข้ามาทำตลาดแทน โดยในอินเดียสรุปใช้ชื่อรุ่นว่า “ซูซูกิ เซเลริโอ” (Suzuki Celerio) โดยมีมิติตัวถังยาว 3,600 มม. กว้าง 1,600 มม. สูง 1,560 มม. และฐานล้อยาว 2,425 มม.
ขณะที่รูปลักษณ์ภายนอกมีการปรับเปลี่ยนจากรุ่นต้นแบบพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นกรอบไฟหน้า กระจังหน้า และกันชน รายละเอียดไฟท้ายและกันชนท้าย ขณะที่ภายในเหมือนกับคันต้นแบบ แต่เปลี่ยนโทนสีเป็นเทา-ดำแทนความสดใส อุปกรณ์ภายในเวอร์ชันของอินเดียเป็นแบบธรรมดาๆ ซึ่งในไทยคงจะต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยกว่าใหม่
ขุมกำลังของเซลิโอวางเครื่องยนต์บล็อก K10B ขนาด 1.0 ลิตร 68 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 90 นิวตัน-เมตร ที่ 3,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และ AMT (Automated Manual Transmission) หรือ Auto Gear Shift อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำสุด 23.1 กม./ลิตร
ในไทยน่าจะใช้ชื่อ “ซูซูกิ เซเลริโอ” เช่นเดียวกัน เพื่อวางตำแหน่งสินค้าต่ำกว่าอีคาร์รุ่นแรก “ซูซูกิ สวิฟท์” และในปีถัดไปยังจะมีอีโคคาร์รุ่นที่ 3 ของซูซูกิออกสู่ตลาด โดยเป็นเวอร์ชั่นซีดานทำตลาดคู่กับสวิฟท์ และนั่นคงต้องเจอคู่แข่งอีโคคาร์น้องใหม่ “ฟอร์ด ฟิโก/คา” มาท้าชนอีกโมเดล...
โดยฟอร์ด มอเตอร์ ได้มีการแนะนำรถต้นแบบรุ่นใหม่ล่าสุด “ฟอร์ด ฟิโก” (Ford Figo Concept) เก๋งขนาดเล็กระดับบี-เซกเมนท์ เพื่อเผยโฉมอย่างเป็นทางการ ในงานออโต เอ็กซ์โป 2014 ในเมืองนิวเดลี ประเทศอินเดีย ที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฟอร์ดจะใช้เวทีนี้เปิดตัวรถโมเดลใหม่ๆ โดยเฉพาะรถระดับโกลบอลโมเดล หรือรถตามนโยบาย One Ford อย่างล่าสุดเป็นรถยนต์เอนกประสงค์เพื่อคนเมือง “ฟอร์ด เอคโค สปอร์ต” เป็นต้น
จากทิศทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าวของฟอร์ด จึงชัดเจนว่าเก๋งรุ่นฟิโกที่จะเปิดตัวในงานออโต เอ็กซ์โป 2014 จะทำตลาดในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงไทยที่เป็นฐานการผลิตอีกแห่งของฟอร์ด และเชื่อว่ารถรุ่นนี้จะถูกผลักดันให้เข้าสู่โครงการอีโคคาร์ เฟส2 เช่นเดียวกับรถแฮทช์แบ็ก “ฟอร์ด คา” (Ford Ka) โฉมใหม่ ที่ใช้พื้นฐานตัวถังร่วมกัน และล่าสุด(4ก.พ.) ฟอร์ดได้เผยโฉมตัวถังซีดานของต้นแบบรุ่นคา (หรือฟิโกซีดาน) ในบราซิล หลังจากเปิดตัวในอินเดียเพียงแค่วันเดียว แต่จะมีตัวถังที่ยาวกว่า หรือมากกว่า 4 เมตร ซึ่งน่าจะใช้ตัวถังนี้ในการทำตลาดระดับโลกส่วนใหญ่ และหน้าตาเหมือนกับต้นแบบรุ่นแฮทช์แบ็ก รวมถึงในรายละเอียดบางอย่าง
“ฟอร์ด ฟิโก/คา” แม้จะถูกวางให้เป็นเก๋งระดับบี-คาร์ แต่จะเล็กกว่าฟอร์ด เฟียสต้า โดยรุ่นฟิโกในอินเดียมีความยาวตัวถังไม่เกิน 4 เมตร(รุ่นคาซีดานตัวถังยาวกว่าเล็กน้อย) หรือใกล้เคียงกับอีโคคาร์ “ฮอนด้า บริโอ อเมซ” ถึงอย่างนั้นฟอร์ดยืนยันว่า มันไม่ได้มีผลต่อความเป็นรถพรีเมียม หรือมีเทคโนโลยีอันเฉลียวฉลาดแต่อย่างใด รวมถึงคุณภาพและความประณีตของรถเกินลูกค้าคาดหวังเสียอีก
นั่นหมายความว่า ฟอร์ด ฟิโก นอกจากตอบสนองครบถ้วน ตามความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และต้นทุนในการเป็นเจ้าของที่ต่ำ ทั้งในเรื่องราคาและค่าบำรุงรักษาตลอดอายุการใช้งานต่ำ แต่มากกว่านั่นลูกค้ายังได้รับเพิ่มจากฟอร์ดอีก ทั้งในเรื่องของการออกแบบสดใหม่ คุณภาพระดับโลก ห้องโดยสารที่กว้างขวาง เทคโนโลยีล้ำสมัย และความปลอดภัยที่เหนือกว่า
แน่นอนการออกแบบ ซึ่งฟอร์ดสะท้อนให้เห็นความเรียบหรู ไม่ใช่การออกแบบตามแฟชั่นเหมือนกับรถขนาดเล็กอื่นๆ ที่นิยมกันในปัจจุบัน แต่จะว่าไปจริงๆ รูปลักษณ์ของฟิโก แทบจะถอดมาจาก “ฟอร์ด คา” (หรือฟิโก แฮทช์แบ็ก ในตลาดอินเดีย) เก๋งแฮทช์แบ็กขนาดเล็ก ที่เพิ่งเผยโฉมคันต้นแบบไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นรถที่ใช้พื้นฐานเดียวกัน อาจจะปรับเปลี่ยนชัดเจนเพียงส่วนของด้านท้าย ที่ออกแบบให้เป็นรถในแบบเก๋งซีดานแทน
ส่วนรายละเอียดทางเทคนิค ฟอร์ด มอเตอร์ ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา เช่นเดียวกับกำหนดวางขายอย่างเป็นทางการ แต่จากรายงานข่าวของสื่อมวลชนต่างๆ คาดว่าจะทำตลาดกับเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร 91 แรงม้า ส่วนเครื่องยนต์เบนซิน จะเป็นบล็อก 1.2 ลิตร และอีโคบูสต์ 1.0 ลิตร โดยกำหนดเปิดตัวทำตลาดน่าจะเริ่มในปี 2015 เป็นต้นไป
สำหรับในไทยอย่างเร็วน่าจะปลายปี 2015 หรือไม่เกินภายในปี 2016 และจะมีให้เลือกทั้งตัวถังแบบซีดานและแฮทช์แบ็ก แต่จะเรียกชื่อรุ่น “ฟอร์ด ฟิโก” เหมือนกัน หรือเรียก “ฟอร์ด คา” เหมือนในยุโรป/ละตินอเมริกา และแน่นอนเครื่องยนต์ที่ทำตลาด หากเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ ตัวหลักคงต้องเป็นเบนซิน 1.2 ลิตร ส่วนเครื่องยนต์อีโคบูสต์ คงยากที่จะทำราคาสู้กับคู่แข่งได้ ยกเว้นจะมาเป็นอีกตัวเลือกเท่านั้น
แต่หากใครที่อดใจรอไม่ไหว เตรียมพบกับอีโคคาร์โมเดลที่ 2 จากค่าย “ซูซูกิ” ซึ่งได้มีการเผยโฉมคันต้นแบบ “ซูซูกิ เอ-วินด์” (Suzuki A-Wind) ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2013 ที่ประเทศไทยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และล่าสุดเตรียมจะเปิดตัวขายคันจริง บนเวทีเดียวกับต้นแบบของ “ฟอร์ด ฟิโก” ในงานออโต เอ็กซ์โป 2014 ประเทศอินเดีย และหลังจากนั้นน่าจะเปิดตัวในไทย ช่วงงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2014 ปลายเดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป
อีโคคาร์โมเดลที่ 2 ของซูซูกิ แน่นอนจะไม่ใช้ชื่อเอ-วินด์เหมือนคันต้นแบบ รวมถึงชื่อ “อัลโต” (Alto – เวอร์ชั่นตลาดโลก แต่ไม่ใช่รุ่นอัลโตที่ขายในอินเดีย) ที่จะเข้ามาทำตลาดแทน โดยในอินเดียสรุปใช้ชื่อรุ่นว่า “ซูซูกิ เซเลริโอ” (Suzuki Celerio) โดยมีมิติตัวถังยาว 3,600 มม. กว้าง 1,600 มม. สูง 1,560 มม. และฐานล้อยาว 2,425 มม.
ขณะที่รูปลักษณ์ภายนอกมีการปรับเปลี่ยนจากรุ่นต้นแบบพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นกรอบไฟหน้า กระจังหน้า และกันชน รายละเอียดไฟท้ายและกันชนท้าย ขณะที่ภายในเหมือนกับคันต้นแบบ แต่เปลี่ยนโทนสีเป็นเทา-ดำแทนความสดใส อุปกรณ์ภายในเวอร์ชันของอินเดียเป็นแบบธรรมดาๆ ซึ่งในไทยคงจะต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยกว่าใหม่
ขุมกำลังของเซลิโอวางเครื่องยนต์บล็อก K10B ขนาด 1.0 ลิตร 68 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 90 นิวตัน-เมตร ที่ 3,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และ AMT (Automated Manual Transmission) หรือ Auto Gear Shift อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำสุด 23.1 กม./ลิตร
ในไทยน่าจะใช้ชื่อ “ซูซูกิ เซเลริโอ” เช่นเดียวกัน เพื่อวางตำแหน่งสินค้าต่ำกว่าอีคาร์รุ่นแรก “ซูซูกิ สวิฟท์” และในปีถัดไปยังจะมีอีโคคาร์รุ่นที่ 3 ของซูซูกิออกสู่ตลาด โดยเป็นเวอร์ชั่นซีดานทำตลาดคู่กับสวิฟท์ และนั่นคงต้องเจอคู่แข่งอีโคคาร์น้องใหม่ “ฟอร์ด ฟิโก/คา” มาท้าชนอีกโมเดล...