แอ็กซอลตา โค้ทติ้ง ซิสเต็มส์ (Axalta Coating Systems) ผู้นำระบบสีพ่นรถยนต์อันดับหนึ่งของโลก เปิดบ้านใหม่ รีแบรนด์ผลิตภัณฑ์ สีพ่นรถยนต์ดูปองท์ (DuPont) เป็น “โครแมกซ์ (Cromax®)” พร้อมเผยทิศทางธุรกิจปี 2557 ที่เน้นนวัตกรรมที่จะช่วยเพิ่มมาตรฐาน และขีดความสามารถของศูนย์บริการพ่นซ่อมสีรถยนต์ ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องค้นหาสูตรสี และปรับแต่งเฉดสี (Acquire II) เพื่องานพ่นซ่อมสีรถยนต์ แบบเต็มครบวงจร อีกทั้งเปิดศูนย์ผสมสีโครแมกซ์® คัลเลอร์ เซ็นเตอร์ (Cromax® Color Center) เพื่อเดินหน้าขยายช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีพ่นซ่อมรถยนต์ให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค
นายสิทธิศักดิ์ อนันตประยูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ็กซอลตา โค้ทติ้ง ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมของตลาดสีพ่นซ่อมรถยนต์ในปีที่ผ่านมาว่า “ยังมีแนวโน้มเติบโต โดยมีมูลค่าตลาดกว่า 4,000 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณรถยนต์สะสมที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ยอดการเข้าบริการศูนย์ซ่อมมาตรฐานเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งการที่ตลาดรถยนต์ไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ธุรกิจที่เชื่อมโยงก็ได้รับปัจจัยสนับสนุนให้เติบโตเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะนโยบายคืนภาษีให้กับผู้ซื้อรถยนต์คันแรกของภาครัฐที่จบลงไป ส่งผลให้ยอดรถยนต์จดทะเบียนสะสมเพิ่มจำนวนมากขึ้น
ทั้งนี้ หลังจากได้แยกการดำเนินงานจากบริษัทแม่ ภายใต้ชื่อแบรนด์เดิม "ดูปองท์ รีฟินิช" เป็น "แอ็กซอลตา" ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2556 ทำให้การดำเนินธุรกิจมีความคล่องตัวและมีเอกภาพมากขึ้น ช่วยลดขั้นตอนการบริหารจัดการต่าง ๆ
“ล่าสุด บริษัทฯ ได้ทำการรีแบรนด์ผลิตภัณฑ์สีพ่นซ่อมรถยนต์ภายใต้ชื่อใหม่ Cromax® ซึ่งเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับมาอย่างยาวนานในตลาดโลก เนื่องจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์โครแมกซ์จะเน้นในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เพราะได้รับการออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้ง่าย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูง โดยได้รวบรวมเอาแบรนด์ผลิตภัณฑ์คุณภาพเยี่ยมภายใต้แบรนด์ ดูปองท์ รีฟินิช เดิม ได้แก่ Centari®, Cromax® Pro, DuPontTM Refinish® มานำเสนอลูกค้า พร้อมโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุมมากที่สุด” นายสิทธิศักดิ์ กล่าว
ด้าน นายมนตรี ค้ำโพธิ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท แอ็กซอลตา โค้ทติ้ง ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นอกจากเราจะมีแบรนด์ผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับโลกแบบครบวงจรให้บริการกับลูกค้าแล้ว เรายังได้พัฒนานวัตกรรมต่างๆ อาทิ เครื่องมือค้นหาสูตรสี และปรับแต่งเฉดสี Acquire II ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่สำหรับงานซ่อมสีที่ช่วยให้ค้นหาสูตรสีได้แม่นยำ ใช้งานง่าย ได้งานเร็ว โดยสามารถระบุสีได้รวดเร็วและเชื่อถือได้ เป็นเครื่องมือค้นหาสูตรสีและปรับแต่งเฉดสีด้วยระบบคอมพิวเตอร์แบบพกพา มีความสามารถในการอ่านค่าและแสดงเฉดสีที่แท้จริงของรถ และสามารถ่ายโอนข้อมูลการอ่านค่าสีเข้าในระบบฐานข้อมูลสูตรสีของ Axalta Coating Systems ได้มากกว่า 500,000 สูตร จากการผสมผสานที่ลงตัวดังกล่าวจะช่วยให้การค้นหาสูตรสีและปรับแต่งเฉดสีมีประสิทธิภาพ น่าเชื่อถือและประหยัดเวลาได้มาก นอกจากนี้ยังสามารถใช้วัดค่าความเหมือนของสีรถกับชิ้นงานที่พ่นซ่อมได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ความรวดเร็วในการทำงาน เพื่อรองรับระบบงานพ่นซ่อมสีรถยนต์ด่วน (Quick Repair Systems) เช่น ผลิตภัณฑ์เคลียร์ทับหน้า G3-8800S ซึ่งจะช่วยให้ศูนย์พ่นซ่อมสีรถยนต์ สามารถส่งมอบงานซ่อมรถยนต์ให้ลูกค้าได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
“แผนธุรกิจจากนี้ไปเราจะเร่งขยายช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีพ่นซ่อมรถยนต์ พร้อมทั้งสนับสนุนอู่ซ่อมสีรถยนต์ให้ปรับเปลี่ยนมาเป็นศูนย์บริการซ่อมสีรถยนต์มาตรฐานสูง ให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มองว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการเติบโตไปยังตลาดต่างประเทศ อาทิ พม่า กัมพูชาและมีแผนขยายตลาดไปยังประเทศลาวในปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะขยายกลุ่มลูกค้าไปยังศูนย์ซ่อมรถยนต์ ระดับกลาง และเล็กมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่มุ่งเน้นตลาดระดับพรีเมียมเป็นหลัก โดยคาดว่าจะแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มสินค้าสีรองพื้น จากปัจจุบันที่ได้เริ่มทำตลาดมาระยะหนึ่งแล้วในกลุ่มสินค้าแลกเกอร์ เพื่อเป็นทางเลือกแก่ลูกค้าให้มีสินค้าที่หลากหลายระดับราคา เนื่องจากกลุ่มลูกค้าระดับบน และระดับกลางมีสัดส่วนมากกว่า 50%
และเมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัทฯ ได้มีการเปิดศูนย์ผสมสี “โครแมกซ์® คัลเลอร์ เซ็นเตอร์” จังหวัดอุดรธานี ซึ่งถือได้ว่าเป็นศูนย์ผสมสีรถยนต์มาตรฐานภายใต้แบรนด์ “โครแมกซ์® ” แห่งแรกในประเทศไทย เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถัง ในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์สีพ่นรถยนต์คุณภาพสูงจากโครแมกซ์® แบบเต็มระบบ ครบวงจร ทั้งสีโป๊ว สีพื้น แล็กเกอร์ ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพงานซ่อม
“คาดว่าในปีนี้ยอดขายสีพ่นซ่อมรถยนต์น่าจะเติบโตประมาณ 10% สูงกว่าการเติบโตของตลาดรวมที่คาดว่าจะเติบโตราว 3-5% จากการขยายตัวในกลุ่มของศูนย์บริการซ่อมสีรถยนต์ ซึ่งการเติบโตของบริษัทนั้นมาจากนโยบายการสนับสนุนลูกค้า และคู่ค้า ทั้งด้านการบริการหลังการขาย การจัดฝึกอบรมทักษะช่าง เพื่อให้ความรู้ตั้งแต่ทักษะการผสมสีจนถึงการลงพื้นที่ฝึกการทำงานจริง เพื่อให้ได้รับประสิทธิภาพสูงสุดจากการใช้งานผลิตภัณฑ์ รวมถึงมีการนำเข้าเทคโนโลยีค้นหาสูตรสีมาใช้ พร้อมทั้งมีฐานข้อมูลสูตรสีส่วนกลางมากกว่า 500,000 สูตร ซึ่งจะมีการอัพเดทข้อมูลสูตรสีใหม่ ทุก ๆ 6 เดือนแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง” นายมนตรี กล่าวทิ้งท้าย