ถึงเวลาปรับโฉมเพิ่มความสดใหม่ให้กับ “ฟอร์ด โฟกัส” เพื่อรับมือกับคู่แข่งในตลาดแล้ว โดยฟอร์ดเผยภาพของโฟกัส รุ่นไมเนอร์เชนจ์ออกมา ด้วยการขยับแนวรุกใหม่เน้นไปที่ตัวถังแฮทช์แบ็กและแวกอน ขณะที่รุ่นซีดาน ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่คาดว่าคงจะมีการเปิดตัวในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน เพราะฟอร์ดไม่ได้เน้นรุ่น 4 ประตูในตลาดยุโรปมากเท่ากับ 2 ตัวถังข้างต้น
การเปิดตัวของโฟกัส ไมเนอร์เชนจ์จะมีขึ้นอย่างเป็นทางการในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ ต้นเดือนมีนาคมนี้ โดยความเปลี่ยนแปลงที่สามารถสัมผัสได้ตั้งแต่ด้านหน้า ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของกระจังหน้าและกันชนหน้าใหม่ ด้วยรูปทรงที่ออกแบบให้ทั้งสองส่วนมีความกลมกลืนจนดูเป็นชิ้นเดียวกัน และเพิ่มความสปอร์ตด้วยลายซี่แนวนอนแบบถี่ๆ เหมือนกับที่เคยสัมผัสกันไปแล้วกับเฟียสตารุ่นปรับโฉม ส่วนด้านท้ายจะเป็นไฟท้ายที่ได้รับการปรับปรุงรายละเอียดภายในใหม่ เพิ่มความสวยและสะดุดตาขึ้น
ในแง่ของเครื่องยนต์ ที่มีการเปิดเผยในตอนนี้จะเป็นสเป็กยุโรป ซึ่งฟอร์ดเผยว่าเครื่องยนต์ดีเซลจะได้รับการปรับปรุงให้มีการกินน้ำมันน้อยลงจากบล็อกเดิม 19% ขณะที่รุ่นเบนซินจะกินน้อยลง 17% อีกทั้งยังมีการเพิ่มทางเลือกใหม่กับเครื่องยนต์เบนซิน EcoBoost แบบ 1,500 ซีซี ที่มีกำลังให้เลือก 2 ระดับคือ 150 และ 180 แรงม้าทำตลาดเคียงคู่กับบล็อก 1,000 ซีซีที่มี 2 กำลังขับเคลทื่อน 100 และ 125 แรงม้า ส่วนรุ่นเทอร์โบดีเซล 1,500 ซีซี บล็อกใหม่ TDCi มีกำลัง 95 และ 120 แรงม้า จะจับคู่กับเกียร์ธรรมดา ส่วนการจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ Powershift จะเปิดตัวตามหลังในปีหน้า
นอกจากนั้นในแง่ของความทันสมัยด้วยเทคโนโลยีการขับเคลื่อนยังมีมากขึ้น ทั้งระบบ SYNC เวอร์ชั่น 2 ที่จะเปิดตัวเป็นครั้งแรกในยุโรป หลังจากที่ฟอร์ดนำออกวางขายเป็นครั้งแรกในตลาดสหรัฐอเมริกา ตามด้วยระบบ ESP ที่ได้รับการปรับโปรแกรมการทำงานใหม่, ระบบ CTA หรือ Cross Traffic Alert แจ้งเตือนผู้ขับขี่ที่ถอยหลังเข้าสู่ที่จอดแล้วดันมีคนเดินตัดผ่านทางด้านหลัง โดยระบบจะทำงานด้วยการส่งคลื่นตรวจจับในระยะ 10 เมตร และระบบ ACS หรือ Active City Stop ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยจะทำงานด้วยการช่วยเบรกกรณีที่มีการตัดหน้าแล้วคนขับเบรกไม่ทัน โดยจะทำงานเวลาขับด้วยความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งรุ่นเดิมทำที่ความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ในยุโรปเปิดเผยความเคลื่อนไหวออกมาแล้ว ในบ้านเราคาดว่าน่าจะมีการปรับโฉมตามหลังอีกมานานนับจากนี้ ส่วนจะมาครบแบบนี้หรือไม่ต้องรอติดตามดูกันต่อไป
