สำหรับปี 2556 เป็นปีของค่ายรถหรู “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ที่ต้องจารึกสถิติยอดขาย 10,114 คัน สูงสุดนับตั้งแต่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เข้ามาดำเนินกิจการในไทย และตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถพรีเมียม ซึ่งนั่นทำให้ปีม้าคะนองศึก2557นี้ นับเป็นปีที่ท้าทายจึงต้องงัดกลยุทธ์ต่างๆ ออกมา โดยเฉพาะการยกทัพรถใหม่หลากหลายรุ่นบุกตลาดไทย เพื่อรักษายอดขายระดับหมื่นคันเอาไว้ให้ได้!...
“ในปี 2557 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย มีนโยบายการทำการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยจะทำการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ ในระยะเวลาใกล้เคียงกันกับบริษัทแม่ในเยอรมนี เพื่อให้คนไทยได้ยลโฉมพร้อมกันกับตลาดต่างประเทศ และเพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ พร้อมกับสามารถตอบสนองทุกความต้องการ และทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า”
นั่นเป็นคำกล่าวของ ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด และให้รายละเอียดต่อว่า... “สำหรับปีนี้บริษัทฯ ยังคงเน้นเจาะกลุ่มยังเจเนอเรชั่น หรือคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะเป็นรถยนต์มีดีไซน์สปอร์ต ปราดเปรียว เร้าใจ และทันสมัย พร้อมกับมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างเช่น BlueTEC HYBRID ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เรายังคงให้ความสำคัญกับการทำ Digital Marketing ผ่าน Social Network ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram และ Youtube อย่างต่อเนื่อง”
จากคำกล่าวของเกรเว่ แฟนพันธุ์แท้หรือลูกค้าค่ายรถตราดาว จะได้พบกับรถหลากหลายรุ่นตามที่กล่าวมา ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2014 ช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้แน่นอน เพราะอย่างน้อยจะมีการเปิดตัวรถใหม่ไม่ต่ำกว่า 4 รุ่น ให้เลือกตามความชื่นชอบ และแน่นอนไฮไลต์ย่อมต้องเป็น “เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส” (C-Class)โฉมใหม่ รถยนต์ตัวธงที่สร้างยอดขายเป็นกอบเป็นกำ ให้กับเมอร์เซเดส-เบนซ์ในไทยและทั่วโลกมาโดยตลอด
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส โฉมใหม่ เป็นเจนเนอเรชันที่ 4 เพิ่งแนะนำสู่ตลาดโลก เมื่อกลางเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ด้วยรูปลักษณ์ที่ได้รับอิทธิพลมาจากพี่ใหญ่ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส” โฉมใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านั้นไม่นาน โครงสร้างตัวถังออกแบบใหม่หมด ด้วยการใช้นวัตกรรมลดน้ำหนักและเพิ่มความแข็งแกร่ง เพื่อให้การควบคุมดีขึ้น รวมถึงลดการสั่นสะเทือนและเสียงรบกวน
ซี-คลาส ใหม่ นอกจากความหรูของภายในและอุปกรณ์ทันสมัยแล้ว ยังมากับระบบแสดงข้อมูลแบบ HUD หรือ Head-Up Display ด้วยการฉายข้อมูลแสดงบนกระจกหน้าด้านล่าง ทำให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนน โดยแสดงข้อมูลความเร็วรถ ระบบนำทาง และข้อมความจากระบบ Distronic Plus
ขุมพลังเบื้องต้นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส ใหม่ มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซล C220 BlueTEC 170 แรงม้า และเบนซิน C180 ขนาด 1,600 ซีซี 156 แรงม้า และ C200 ขนาด 2,000 ซีซี 184 แรงม้า ระบบส่งกำลังมีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 7G TRONIC PLUS ซึ่งทั้งสองเครื่องยนต์มาพร้อมกับระบบ ECO Strat/Stop โดยทุกรุ่นประหยัดน้ำมันกว่ารุ่นเดิมประมาณ 20% และรุ่นที่จะนำเข้า(CBU หรือนำเข้าทั้งคันจากต่างประเทศ) มาทำตลาดในไทย คาดว่าจะเป็นรุ่น C180 ราคาน่าจะมีระดับ 2.5 ล้านบาท ก่อนที่จะขึ้นไลน์ประกอบในไทยช่วงครึ่งปีหลัง
ส่วนอีกรุ่นไฮไลต์ที่มุ่งจับคนรุ่นใหม่ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอ” (GLA-Class) เป็นการต่อยอดจาก เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นเอ-คลาส(A-Class) และซีแอลเอ(CLA) เพราะเป็นรถที่พัฒนาจากฐานตัวถังของรุ่นเอ-คลาส เช่นเดียวกับรุ่นซีแอลเอ เพียงแต่จีแอลเอเป็นรถในแบบอเนกประสงค์เอสยูวี หรือครอสโอเวอร์ จึงไม่แปลกที่รูปลักษณ์จะยึดเส้นสายมาจากรุ่นเอ-คลาสพอสมควร แต่ก็โดดเด่นกว่าเอสยูวีทั่วไป ด้วยการออกแบบให้โฉบเฉี่ยวสปอร์ตชัดเจน ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน(cd) เพียง 0.29 โดยมีคู่แข่งสำคัญอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์1(x1), ออดี้ คิว3(Q3) และวอลโว่ วี40 ครอส คันทรี(V40 Cross Country)
จีแอลเอ-คลาส เผยโฉมครั้งแรกในงานแฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2013 ช่วงปลายปีที่ผ่านมา เริ่มผลิตและวางจำหน่ายในเยอรมนีเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ส่วนตลาดต่างประเทศจะเริ่มเปิดตัวเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งเบื้องต้นทำตลาดด้วยรุ่น GLA 200 เครื่องยนต์เบนซิน 1,600 ซีซี เทอร์โบ 156 แรงม้า และรุ่น GLA250 ขนาด 2,000 ซีซี เทอร์โบ 211 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC โดยล่าสุดได้เพิ่มทางเลือกกับรุ่น GLA45 AMG 4MATIC 360 แรงม้า ขณะที่รุ่น GLA200 CDI วางเครื่องยนต์ดีเซล 2,200 ลิตร 136 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตัน-เมตร และ GLA 220 CDI เป็นบล็อกเดียวกันแต่รีดแรงม้าเพิ่มเป็น 170 แรงม้า พร้อมแรงบิด 350 นิวตัน-เมตร โดยในไทยคาดว่าจะนำเข้า (CBU) มาทำตลาด เป็นตัวเล็กรุ่น GLA200 เพื่อทำราคาให้อยู่ในระดับไม่เกิน 2.5 ล้านบาท
ส่วนผู้ที่ชื่นชอบรถอเนกประสงค์แบบลุยสมบุกสมบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เตรียมนำเข้าออฟโรด “จี-คลาส” (G-Class) มาทำตลาดพร้อมกับรุ่นจีแอลเอ ซึ่งนั่นจะทำให้ในไทยมีรถประเภทนี้ให้เลือกถึง 4 รุ่น จากที่ก่อนหน้านี้เพิ่งนำเข้าเอสยูวีรุ่นใหญ่ “จีแอล-คลาส” (GL350 BlueTEC) มาทำตลาดเมื่อปลายปีที่ผ่านมา จากเดิมจะมีเพียงรุ่น “เอ็ม-คลาส” (M-Class) โดยรุ่นจี-คลาสเป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งพันธุ์แท้ อยู่ในสายผลิตมายาวนานตั้งแต่ปี 1979 ปัจจุบันมีตัวเลือกเป็นรุ่น G350 BlueTEC เครื่องยนต์ดีเซล 3000 ซีซี 211 แรงม้า และรุ่น G500 เบนซิน วี 8 สูบ 5500 ซีซี 388 แรงม้าซึ่งล่าสุดได้เพิ่มรุ่น G63 AMG 544 แรงม้า และ G65 AMG 612 แรงม้า แต่ในไทยน่าจะนำเข้ารุ่น G350 BlueTEC มาขาย
อย่างไรก็ตาม หากต้องการความหรูหราระดับท็อปคลาส เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้เตรียมแนะนำรุ่น "เอส-คลาส" (S-Class) กับทางเลือกเครื่องยนต์ใหม่ ในรุ่น S300 Hybrid หลังจากเพิ่งเปิดตัวรุ่น S400 Hybrid นำร่องมาบุกตลาดประเดิมกับเปิดตัวโฉมใหม่ไปเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
หากดูจากไลน์ผลิตตัวใหม่ ที่เข้ามาเสริมทัพของค่ายตราดาว “เมอร์เซเดส-เบนซ์” โดยเฉพาะรุ่นธงอย่าง “ซี-คลาส” และ “จีแอลเอ-คลาส” การรักษาความเป็นผู้นำตลาด และตัวเลขยอดขายระดับหมื่นคัน จึงไม่น่าจะเป็นการยากนัก ยิ่งในช่วงครึ่งปีหลังที่จะมีรุ่นประกอบในไทย (CKD) ของซี-คลาสและเอส-คลาส แนะนำสู่ตลาดเป็นต้นไป...
“ในปี 2557 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย มีนโยบายการทำการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยจะทำการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ ในระยะเวลาใกล้เคียงกันกับบริษัทแม่ในเยอรมนี เพื่อให้คนไทยได้ยลโฉมพร้อมกันกับตลาดต่างประเทศ และเพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ พร้อมกับสามารถตอบสนองทุกความต้องการ และทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า”
นั่นเป็นคำกล่าวของ ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด และให้รายละเอียดต่อว่า... “สำหรับปีนี้บริษัทฯ ยังคงเน้นเจาะกลุ่มยังเจเนอเรชั่น หรือคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะเป็นรถยนต์มีดีไซน์สปอร์ต ปราดเปรียว เร้าใจ และทันสมัย พร้อมกับมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างเช่น BlueTEC HYBRID ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เรายังคงให้ความสำคัญกับการทำ Digital Marketing ผ่าน Social Network ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram และ Youtube อย่างต่อเนื่อง”
จากคำกล่าวของเกรเว่ แฟนพันธุ์แท้หรือลูกค้าค่ายรถตราดาว จะได้พบกับรถหลากหลายรุ่นตามที่กล่าวมา ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2014 ช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้แน่นอน เพราะอย่างน้อยจะมีการเปิดตัวรถใหม่ไม่ต่ำกว่า 4 รุ่น ให้เลือกตามความชื่นชอบ และแน่นอนไฮไลต์ย่อมต้องเป็น “เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส” (C-Class)โฉมใหม่ รถยนต์ตัวธงที่สร้างยอดขายเป็นกอบเป็นกำ ให้กับเมอร์เซเดส-เบนซ์ในไทยและทั่วโลกมาโดยตลอด
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส โฉมใหม่ เป็นเจนเนอเรชันที่ 4 เพิ่งแนะนำสู่ตลาดโลก เมื่อกลางเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ด้วยรูปลักษณ์ที่ได้รับอิทธิพลมาจากพี่ใหญ่ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส” โฉมใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านั้นไม่นาน โครงสร้างตัวถังออกแบบใหม่หมด ด้วยการใช้นวัตกรรมลดน้ำหนักและเพิ่มความแข็งแกร่ง เพื่อให้การควบคุมดีขึ้น รวมถึงลดการสั่นสะเทือนและเสียงรบกวน
ซี-คลาส ใหม่ นอกจากความหรูของภายในและอุปกรณ์ทันสมัยแล้ว ยังมากับระบบแสดงข้อมูลแบบ HUD หรือ Head-Up Display ด้วยการฉายข้อมูลแสดงบนกระจกหน้าด้านล่าง ทำให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนน โดยแสดงข้อมูลความเร็วรถ ระบบนำทาง และข้อมความจากระบบ Distronic Plus
ขุมพลังเบื้องต้นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส ใหม่ มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซล C220 BlueTEC 170 แรงม้า และเบนซิน C180 ขนาด 1,600 ซีซี 156 แรงม้า และ C200 ขนาด 2,000 ซีซี 184 แรงม้า ระบบส่งกำลังมีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 7G TRONIC PLUS ซึ่งทั้งสองเครื่องยนต์มาพร้อมกับระบบ ECO Strat/Stop โดยทุกรุ่นประหยัดน้ำมันกว่ารุ่นเดิมประมาณ 20% และรุ่นที่จะนำเข้า(CBU หรือนำเข้าทั้งคันจากต่างประเทศ) มาทำตลาดในไทย คาดว่าจะเป็นรุ่น C180 ราคาน่าจะมีระดับ 2.5 ล้านบาท ก่อนที่จะขึ้นไลน์ประกอบในไทยช่วงครึ่งปีหลัง
ส่วนอีกรุ่นไฮไลต์ที่มุ่งจับคนรุ่นใหม่ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอ” (GLA-Class) เป็นการต่อยอดจาก เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นเอ-คลาส(A-Class) และซีแอลเอ(CLA) เพราะเป็นรถที่พัฒนาจากฐานตัวถังของรุ่นเอ-คลาส เช่นเดียวกับรุ่นซีแอลเอ เพียงแต่จีแอลเอเป็นรถในแบบอเนกประสงค์เอสยูวี หรือครอสโอเวอร์ จึงไม่แปลกที่รูปลักษณ์จะยึดเส้นสายมาจากรุ่นเอ-คลาสพอสมควร แต่ก็โดดเด่นกว่าเอสยูวีทั่วไป ด้วยการออกแบบให้โฉบเฉี่ยวสปอร์ตชัดเจน ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน(cd) เพียง 0.29 โดยมีคู่แข่งสำคัญอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์1(x1), ออดี้ คิว3(Q3) และวอลโว่ วี40 ครอส คันทรี(V40 Cross Country)
จีแอลเอ-คลาส เผยโฉมครั้งแรกในงานแฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2013 ช่วงปลายปีที่ผ่านมา เริ่มผลิตและวางจำหน่ายในเยอรมนีเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ส่วนตลาดต่างประเทศจะเริ่มเปิดตัวเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งเบื้องต้นทำตลาดด้วยรุ่น GLA 200 เครื่องยนต์เบนซิน 1,600 ซีซี เทอร์โบ 156 แรงม้า และรุ่น GLA250 ขนาด 2,000 ซีซี เทอร์โบ 211 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC โดยล่าสุดได้เพิ่มทางเลือกกับรุ่น GLA45 AMG 4MATIC 360 แรงม้า ขณะที่รุ่น GLA200 CDI วางเครื่องยนต์ดีเซล 2,200 ลิตร 136 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตัน-เมตร และ GLA 220 CDI เป็นบล็อกเดียวกันแต่รีดแรงม้าเพิ่มเป็น 170 แรงม้า พร้อมแรงบิด 350 นิวตัน-เมตร โดยในไทยคาดว่าจะนำเข้า (CBU) มาทำตลาด เป็นตัวเล็กรุ่น GLA200 เพื่อทำราคาให้อยู่ในระดับไม่เกิน 2.5 ล้านบาท
ส่วนผู้ที่ชื่นชอบรถอเนกประสงค์แบบลุยสมบุกสมบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เตรียมนำเข้าออฟโรด “จี-คลาส” (G-Class) มาทำตลาดพร้อมกับรุ่นจีแอลเอ ซึ่งนั่นจะทำให้ในไทยมีรถประเภทนี้ให้เลือกถึง 4 รุ่น จากที่ก่อนหน้านี้เพิ่งนำเข้าเอสยูวีรุ่นใหญ่ “จีแอล-คลาส” (GL350 BlueTEC) มาทำตลาดเมื่อปลายปีที่ผ่านมา จากเดิมจะมีเพียงรุ่น “เอ็ม-คลาส” (M-Class) โดยรุ่นจี-คลาสเป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งพันธุ์แท้ อยู่ในสายผลิตมายาวนานตั้งแต่ปี 1979 ปัจจุบันมีตัวเลือกเป็นรุ่น G350 BlueTEC เครื่องยนต์ดีเซล 3000 ซีซี 211 แรงม้า และรุ่น G500 เบนซิน วี 8 สูบ 5500 ซีซี 388 แรงม้าซึ่งล่าสุดได้เพิ่มรุ่น G63 AMG 544 แรงม้า และ G65 AMG 612 แรงม้า แต่ในไทยน่าจะนำเข้ารุ่น G350 BlueTEC มาขาย
อย่างไรก็ตาม หากต้องการความหรูหราระดับท็อปคลาส เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้เตรียมแนะนำรุ่น "เอส-คลาส" (S-Class) กับทางเลือกเครื่องยนต์ใหม่ ในรุ่น S300 Hybrid หลังจากเพิ่งเปิดตัวรุ่น S400 Hybrid นำร่องมาบุกตลาดประเดิมกับเปิดตัวโฉมใหม่ไปเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
หากดูจากไลน์ผลิตตัวใหม่ ที่เข้ามาเสริมทัพของค่ายตราดาว “เมอร์เซเดส-เบนซ์” โดยเฉพาะรุ่นธงอย่าง “ซี-คลาส” และ “จีแอลเอ-คลาส” การรักษาความเป็นผู้นำตลาด และตัวเลขยอดขายระดับหมื่นคัน จึงไม่น่าจะเป็นการยากนัก ยิ่งในช่วงครึ่งปีหลังที่จะมีรุ่นประกอบในไทย (CKD) ของซี-คลาสและเอส-คลาส แนะนำสู่ตลาดเป็นต้นไป...