อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในไทย กำลังจะกลายเป็นฐานการผลิตระดับโลกเช่นเดียวกับรถยนต์ เมื่อค่ายยักษ์ใหญ่ได้ประกาศใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตโกลบอล โมเดล เพื่อทำตลาดในไทยและส่งออกทั่วโลก ซึ่งในปีนี้จะมี 2 ค่ายใหญ่ “ซูซูกิ” และ “ยามาฮ่า” ประกาศเปิดตัวรถรุ่นใหม่ระดับโลก หลังจาก “ฮอนด้า” ได้นำร่องลุยไปแล้ว แต่ที่น่าสนใจเห็นจะเป็นค่ายยามาฮ่า เพราะเตรียมฉีกแนวตลาดทั่วไป สร้างเทรนด์ใหม่ให้กับวงการตลาดรถจักรยานยนต์...
“ยามาฮ่ามีแผนเพิ่มความหลากหลายให้กับตัวสินค้า พร้อมลงทุน 3,000 ล้านบาท ปรับไลน์การผลิตรองรับรถจักรยานยนต์ 12 รุ่น ที่เตรียมเปิดตัวภายใน 3 นับจากปีนี้ไป ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นโกลบอลโมเดล ที่ซีอีโอของยามาฮ่า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่นเคยประกาศเมื่อปีที่แล้ว ว่าจะใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต เพื่อทำตลาดในไทยและส่งออกไปทั่วโลก โดยมีแผนเปิดตัวอย่างเป็นทางการเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้”
นั่นเป็นคำกล่าวของ “ประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์” รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด กล่าวให้สัมภาษณ์ในการแถลงนโยบายของยามาฮ่าประจำปี 2014 นอกจากการเปิดตัวแคมเปญใหม่ “Revs Your Heart เร่งชีวิต ให้เร้าใจ” เพื่อรุกทำตลาดต่อเนื่อง 3 ปี (ปี 2014 - 2016) พร้อมวางเป้าหมายเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 25%
แต่ดูเหมือนยามาฮ่าจะฉีกแนวกว่าค่ายรถคู่แข่งเสียอีก เพราะมีรายงานข่าวรถจักรยานยนต์โกลบอลโมเดลของยามาฮ่า ที่จะใช้ไทยเป็นฐานการผลิตส่งออกและทำตลาด จะเป็นรถจักรยานยนต์แบบ 3 ล้อ เพื่อเป็นผู้สร้างเทรนด์ตลาด และหวังประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกับที่เคยเป็นผู้นำรถออโตเมติกมาสู่ตลาดไทย ในรุ่นยามาฮ่า ฟีโน่มาแล้ว จนทำให้รถออโตเมติกกลายเป็นอีกตลาดใหญ่ในไทยปัจจุบัน
โดยรถจักรยานยนต์แบบ 3 ล้อ เริ่มนำร่องปล่อยกระแสออกมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา เพราะได้มีการนำคันต้นแบบมาโชว์ในงาน EICMA 2013 ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เวทีแสดงรถจักรยานยนต์รายการใหญ่ระดับโลก ซึ่งค่ายรถจักรยานยนต์จากทั่วโลก ได้นำรถโมเดลใหม่ออกมาโชว์กันอย่างคึกคัก และเป็นเวทีเดียวกับค่ายคู่แข่งฮอนด้าได้โชว์บิ๊กไบค์โมเดลใหม่ ก่อนนำมาเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการในเวลาต่อมา
“TRICITY” คือชื่อรถจักรยานยนต์ต้นแบบ 3 ล้อของยามาฮ่า ที่ได้มีการนำมาโชว์ในงาน EICMA 2013 และต่อด้วยงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2013 ปลายปีที่ผ่านมา ก่อนจะขึ้นไลน์ผลิตและทำตลาดอย่างเป็นทางการครั้งแรก คาดว่าจะเป็นในประเทศไทยช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ หรือในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2014 ซึ่งขณะนี้โรงงานไทยยามาฮ่า มอเตอร์ ได้เตรียมขึ้นไลน์ผลิตปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ หลังจากเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ได้ทดลองประกอบประมาณ 200 คัน
ยามาฮ่า TRICITY เป็นรถสกู๊ตเตอร์ที่ฉีกแนวทั่วไป จากการมีล้อด้านหน้า 2 ล้อ และเมื่อบวกกับหลังอีก 1 ล้อ จึงเป็นรถสกู๊ตเตอร์แบบ 3 ล้อ โดยรูปลักษณ์การออกแบบมีความโฉบเฉี่ยว มุ่งเน้นการใช้งานในเมือง ซึ่งเห็นได้จากชื่อที่มาจากการผสมของคำว่า TRI ที่หมายถึง 3 หรือ TRICYCLE รถ 3 ล้อ และ CITY หรือเมืองนั่นเอง
สำหรับยามาฮ่า TRICITY คันจริงที่จะเปิดตัวทำตลาด ยังไม่ชัดเจนว่าจะใช้ชื่อรุ่น TRICITY หรือจะเปลี่ยนชื่อใหม่ โดยขุมพลังขับเคลื่อนจะวางเครื่องยนต์ขนาด 125 ซีซี 4 จังหวะ และมีระบบเอียงล้ออัตโนมัติ เพื่อความคล่องแคล่วให้กับตัวรถและการขับขี่ ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์แบบออโตเมติก ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่เปิดเผยออกมา
รถจักรยานยนต์โกลบอลโมเดลคันนี้ คาดว่าจะเปิดตัวทำตลาดในไทย เคาะราคาประมาณ 1 แสนบาท และหลังจากเปิดตัวทำตลาดในไทยระยะหนึ่ง จะมีการผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศในกลุ่มยุโรปและเอเชีย นับเป็นรถโกลบอลโมเดลรุ่นแรก ตามแผน 3 ปี (2014-2016) ของยามาฮ่าในไทย โดยหวังจะเป็นผู้นำเทรนด์ตลาดรถจักรยานยนต์แบบ 3 ล้อ และผู้บริโภคจะให้การยอมรับเช่นเดียวกับ ยามาฮ่า ฟีโน่ ที่ได้สร้างการยอมรับในรถจักรยานยนต์เกียร์ออโตเมติกมาแล้ว
ในส่วนของรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือบิ๊กไบค์ ที่กำลังมาแรงในตลาดไทย ยามาฮ่าเป็นค่ายที่ให้ความสำคัญกับตลาดมานาน เพียงแต่ช่วงหลังถูกคู่แข่งชิงขึ้นไลน์ประกอบ และตีกินยอดขายไปจำนวนมาก โดยประพันธ์ระบุว่ายังไม่มีแผนผลิตในประเทศไทย แต่จะทำตลาดด้วยการนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ที่ปัจจุบันมีวางจำหน่ายอยู่ 5 รุ่น และจะเพิ่มเป็น 7 รุ่นในปีนี้ ขณะเดียวกันด้วยข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย - ญี่ปุ่น หรือ JTEPA ภาษีนำเข้าจะเป็น 0%ในปี 2016 ส่งผลให้ราคาลดลงมาอีกระดับหนึ่ง จึงคิดว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะผลิตบิ๊กไบค์ในประเทศไทย
ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า บิ๊กไบค์รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในไทยเร็วๆ นี้ เป็นรุ่น “เอฟแซด-09” (FZ-09) เน็กเก็ตไบค์ล่าสุด เครื่องยนต์ Crossplane 4 จังหวะ 3 สูบเรียง ขนาด 847 ซีซี.โดดเด่นด้วยน้ำหนักตัวรถเพียง 188 กก. หลังจากเมื่อปลายปีได้นำรุ่น “โบลท์ อาร์” (BOLT R) ราคา 465,000 บาท เข้ามาทำตลาดและถือเป็นโมเดลใหม่ปี 2014 ในการบุกตลาดไทย
นี่คือการขยับตัวของค่าย “ยามาฮ่า” ในไทย แม้จะช้ากว่าผู้นำตลาด แต่ไม่ถือว่าช้าเกินไป ส่วนจะปลุกกระแสและยอดขายให้กับยามาฮ่าได้หรือไม่? ต้องติดตามกันต่อไป
