ข่าวต่างประเทศ - ปอร์เช่อัพเกรด “คาเยนน์” รุ่น 6 สูบใหม่ ด้วยการออกรุ่นพิเศษ “แพลทินัม อิดิชั่น” ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ติดตั้งมาตรฐานให้กับรถอย่างครบครัน ทั้งภายนอกและภายใน พร้อมกับผลิตในจำนวนจำกัดเพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้กับรถมากขึ้น
ทั้งนี้ปอร์เช่ได้มีการอัพเกรดคาเยนน์ รุ่น 6 สูบใหม่ ด้วยการผลิตรุ่นพิเศษขึ้นมานั่นคือรุ่นแพลทินัม อิดิชั่น (Platinum Edition) โดยรุ่นคาเยนน์ (Cayenne) และคาเยนน์ ดีเซล (Cayenne Diesel) ในรูปแบบแพลทินัม อิดิชั่นนี้ ได้รับการเสริมทัพด้วยการติดตั้งอุปกรณ์พิเศษคุณภาพสูงอย่างครบครันในรูปแบบอุปกรณ์มาตรฐาน รูปลักษณ์ภายนอกมีความโดดเด่นและสะดุดโดยการตกแต่งด้วยสีเงินแพลทินัม (Platinum Silver Metallic) ในขณะที่ห้องโดยสารได้รับการตกแต่งให้มีความหรูหราและมีความเป็นเอกลักษณ์ด้วยการใช้สีแบบทูโทน สำหรับปอร์เช่รุ่นพิเศษนี้ผลิตในจำนวนจำกัดเพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้กับรถมากขึ้น
ในการเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานให้มากขึ้นครั้งนี้ ปอร์เช่ได้ทำการออกแบบโดยเน้นให้รถมีความสะดวก สบายและปลอดภัย อาทิเช่น คาเยนน์ แพลทินัม อิดิชั่น (Cayenne Platinum Edition) จะมาพร้อมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S 8 สปีด, ไฟหน้าแบบไบซีนอล, พวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้า (Power Steering Plus) รวมถึงติดตั้งระบบช่วยจอดหรือ Park Assist system ทั้งด้านหน้าและด้านหลังมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับรถ ไม่เพียงเท่านี้รถรุ่นพิเศษคันนี้ยังได้รับการติดกระจกแบบ automatic anti-dazzle interior mirrors เพื่อขจัดสิ่งที่พรางตาเพื่อการมองเห็นการจราจรทางด้านหลังรถได้อย่างชัดเจนอีกด้วย และยังมีกระจกส่วนตัวหรือ privacy glazing ที่ได้รับการติดตั้งมาเพื่อป้องกันสิ่งรบกวนจากภายนอกที่มีต่อผู้โดยสารทางด้านหลังด้วยเช่นกัน
ชิ้นส่วนต่างๆ ของรถได้รับการตกแต่งด้วยสีเงินแพลทินัม (Platinum Silver Metallic) เพื่อเพิ่มความโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นครีบของช่องดักอากาศด้านข้างและตรงกลาง เส้นกรอบกระจกทางด้านข้างรถ ลิ้นสปอยเลอร์หลัง รวมไปถึงเส้นตัดของประตูหลัง เป็นต้น สีมาตรฐานที่สามารถเลือกติดตั้งได้คือสีดำและสีขาว หากเป็นสีเมทัลลิกท่านสามารถเลือกสี Meteor Grey Metallic, Basalt Black Metallic และ Mahogany Metallic ได้ สีขาวแบบเมทัลลิก (White Metallic) เป็นสีพิเศษและสามารถเลือกติดตั้งได้ในคาเยนน์ (Cayenne) รุ่นพิเศษนี้เท่านั้น ล้อ 19 นิ้ว ลาย Cayenne Design II wheels มาพร้อมโลโก้ ปอร์เช่ในรูปแบบสีเต็ม
ภายในแบบทูโทน สีดำ/เนื้อ (Black/Luxor Beige two-tone combination) ได้รับการติดตั้งเป็นพิเศษสำหรับรุ่นอิดิชั่นนี้เท่านั้น สร้างความหรูหราให้กับภายในห้องโดยสารได้มากยิ่งขึ้น ภายในห้องโดยสารจะมาพร้อมกับการออกแบบที่ผสมผสานหนังได้อย่างลงตัว (partial leather interior) ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับรถ แต่ลูกค้าสามารถเลือกติดตั้งหนังแท้ทั้งคันเป็นอุปกรณ์เสริมได้ พรมจะได้รับการสลักติดตั้งโลโก้ปอร์เช่และตัดขอบด้วยสี Luxor beige ส่วนกาบประตูด้านหน้าจะมาพร้อมกับโลโก้ "Platinum Edition" เพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้กับรถ
พวงมาลัย SportDesign steering wheel ที่มาพร้อมกับก้านเกียร์ได้รับการติดตั้งเป็นพวงมาลัยมาตรฐานให้กับรถ พร้อมด้วยการสลักโลโก้ปอร์เช่บนที่พักศรีษะของเบาะทางด้านหน้าและด้านหลังเพื่อเน้นให้เห็นถึงวัสดุคุณภาพสูงตามแบบฉบับจากปอร์เช่ ระบบการจัดการการสื่อสาร Porsche Communication Management (PCM) system จะมาพร้อมกับระบบค้นหาเส้นทางหรือ navigation module ซึ่งได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานด้วยเช่นกัน โดยหน้าจอ PCM จะมีความละเอียดสูง และมีขนาด 7 นิ้วแบบระบบสัมผัส ระบบเสียงจะมาพร้อมกับลำโพง 11 ตัวและมีกำลังขับรวมถึง 235 วัตต์เลยทีเดียว
คาเยนน์ แพลทินัม อิดิชั่น (Cayenne Platinum Edition) มีพละกำลังของเครื่องยนต์สูงสุดถึง 300 แรงม้า (220 กิโลวัตต์) ทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S ส่วนอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงตามรูปแบบ NEDC จะอยู่ที่ 9.9 ลิตร/100 กิโลเมตร (อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 236 กรัม/กิโลเมตร) ส่วนรุ่นคาเยนน์ ดีเซล แพลทินัม อิดิชั่น (Cayenne Diesel Platinum Edition) มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 3 ลิตร V6 มีพละกำลังของเครื่องยนต์สูงสุดถึง 245 แรงม้า (180 กิโลวัตต์) อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงตามรูปแบบ NEDC จะอยู่ที่ 7.2 ลิตร/100 กิโลเมตร (อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 189 กรัม/กิโลเมตร)
ทั้งนี้ปอร์เช่ได้มีการอัพเกรดคาเยนน์ รุ่น 6 สูบใหม่ ด้วยการผลิตรุ่นพิเศษขึ้นมานั่นคือรุ่นแพลทินัม อิดิชั่น (Platinum Edition) โดยรุ่นคาเยนน์ (Cayenne) และคาเยนน์ ดีเซล (Cayenne Diesel) ในรูปแบบแพลทินัม อิดิชั่นนี้ ได้รับการเสริมทัพด้วยการติดตั้งอุปกรณ์พิเศษคุณภาพสูงอย่างครบครันในรูปแบบอุปกรณ์มาตรฐาน รูปลักษณ์ภายนอกมีความโดดเด่นและสะดุดโดยการตกแต่งด้วยสีเงินแพลทินัม (Platinum Silver Metallic) ในขณะที่ห้องโดยสารได้รับการตกแต่งให้มีความหรูหราและมีความเป็นเอกลักษณ์ด้วยการใช้สีแบบทูโทน สำหรับปอร์เช่รุ่นพิเศษนี้ผลิตในจำนวนจำกัดเพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้กับรถมากขึ้น
ในการเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานให้มากขึ้นครั้งนี้ ปอร์เช่ได้ทำการออกแบบโดยเน้นให้รถมีความสะดวก สบายและปลอดภัย อาทิเช่น คาเยนน์ แพลทินัม อิดิชั่น (Cayenne Platinum Edition) จะมาพร้อมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S 8 สปีด, ไฟหน้าแบบไบซีนอล, พวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้า (Power Steering Plus) รวมถึงติดตั้งระบบช่วยจอดหรือ Park Assist system ทั้งด้านหน้าและด้านหลังมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับรถ ไม่เพียงเท่านี้รถรุ่นพิเศษคันนี้ยังได้รับการติดกระจกแบบ automatic anti-dazzle interior mirrors เพื่อขจัดสิ่งที่พรางตาเพื่อการมองเห็นการจราจรทางด้านหลังรถได้อย่างชัดเจนอีกด้วย และยังมีกระจกส่วนตัวหรือ privacy glazing ที่ได้รับการติดตั้งมาเพื่อป้องกันสิ่งรบกวนจากภายนอกที่มีต่อผู้โดยสารทางด้านหลังด้วยเช่นกัน
ชิ้นส่วนต่างๆ ของรถได้รับการตกแต่งด้วยสีเงินแพลทินัม (Platinum Silver Metallic) เพื่อเพิ่มความโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นครีบของช่องดักอากาศด้านข้างและตรงกลาง เส้นกรอบกระจกทางด้านข้างรถ ลิ้นสปอยเลอร์หลัง รวมไปถึงเส้นตัดของประตูหลัง เป็นต้น สีมาตรฐานที่สามารถเลือกติดตั้งได้คือสีดำและสีขาว หากเป็นสีเมทัลลิกท่านสามารถเลือกสี Meteor Grey Metallic, Basalt Black Metallic และ Mahogany Metallic ได้ สีขาวแบบเมทัลลิก (White Metallic) เป็นสีพิเศษและสามารถเลือกติดตั้งได้ในคาเยนน์ (Cayenne) รุ่นพิเศษนี้เท่านั้น ล้อ 19 นิ้ว ลาย Cayenne Design II wheels มาพร้อมโลโก้ ปอร์เช่ในรูปแบบสีเต็ม
ภายในแบบทูโทน สีดำ/เนื้อ (Black/Luxor Beige two-tone combination) ได้รับการติดตั้งเป็นพิเศษสำหรับรุ่นอิดิชั่นนี้เท่านั้น สร้างความหรูหราให้กับภายในห้องโดยสารได้มากยิ่งขึ้น ภายในห้องโดยสารจะมาพร้อมกับการออกแบบที่ผสมผสานหนังได้อย่างลงตัว (partial leather interior) ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับรถ แต่ลูกค้าสามารถเลือกติดตั้งหนังแท้ทั้งคันเป็นอุปกรณ์เสริมได้ พรมจะได้รับการสลักติดตั้งโลโก้ปอร์เช่และตัดขอบด้วยสี Luxor beige ส่วนกาบประตูด้านหน้าจะมาพร้อมกับโลโก้ "Platinum Edition" เพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้กับรถ
พวงมาลัย SportDesign steering wheel ที่มาพร้อมกับก้านเกียร์ได้รับการติดตั้งเป็นพวงมาลัยมาตรฐานให้กับรถ พร้อมด้วยการสลักโลโก้ปอร์เช่บนที่พักศรีษะของเบาะทางด้านหน้าและด้านหลังเพื่อเน้นให้เห็นถึงวัสดุคุณภาพสูงตามแบบฉบับจากปอร์เช่ ระบบการจัดการการสื่อสาร Porsche Communication Management (PCM) system จะมาพร้อมกับระบบค้นหาเส้นทางหรือ navigation module ซึ่งได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานด้วยเช่นกัน โดยหน้าจอ PCM จะมีความละเอียดสูง และมีขนาด 7 นิ้วแบบระบบสัมผัส ระบบเสียงจะมาพร้อมกับลำโพง 11 ตัวและมีกำลังขับรวมถึง 235 วัตต์เลยทีเดียว
คาเยนน์ แพลทินัม อิดิชั่น (Cayenne Platinum Edition) มีพละกำลังของเครื่องยนต์สูงสุดถึง 300 แรงม้า (220 กิโลวัตต์) ทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S ส่วนอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงตามรูปแบบ NEDC จะอยู่ที่ 9.9 ลิตร/100 กิโลเมตร (อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 236 กรัม/กิโลเมตร) ส่วนรุ่นคาเยนน์ ดีเซล แพลทินัม อิดิชั่น (Cayenne Diesel Platinum Edition) มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 3 ลิตร V6 มีพละกำลังของเครื่องยนต์สูงสุดถึง 245 แรงม้า (180 กิโลวัตต์) อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงตามรูปแบบ NEDC จะอยู่ที่ 7.2 ลิตร/100 กิโลเมตร (อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 189 กรัม/กิโลเมตร)
