ข่าวในประเทศ - “วี-คูล” ทุ่มงบกว่า 40 ล้านเหรียญสหรัฐ พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ฟิล์มกรองแสงรถนต์ นวัตกรรมทับซ้อนโลหะบนแผ่นฟิล์มมากถึง 10 ชั้น ป้องกันพลังงานความร้อจากแสงอาทิตย์ได้มากถึง 70% และรังสีอินฟาเรดกว่า 98% โดยใช้ไทยเป็นประเทศต้นแบบเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ “วี-คูล เรกาซี่” มั่นใจ 2 ผู้แทนจำหน่ายช่วยกันผลักดันให้เติบโตต่อเนื่อง
นายอัลซัน โลว์ ผู้จัดการฝ่ายขายประจำภูมิภาค บริษัท วี-คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตฟิล์มกรองแสงรถยนต์ยี่ห้อ “วี-คูล” (V-KOOL) เปิดเผยว่า วี-คูลได้ใช้ประเทศไทยเป็นต้นแบบ ในการปรับโฉมเป็น “วี-คูล เรกาซี” เพื่อแสดงให้เห็นถึงนวัตกรรม และเทคโนโลยีของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ที่บริษัทแม่ได้ทุ่มเงินลงทุนพัฒนากว่า 40 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อพัฒนาให้เป็นฟิล์มกรองแสงที่ป้องกันความร้อน และแสงอินฟาเรดได้มากขึ้น
โดยในประเทศไทย วี-คูล กรุ๊ป ไทยแลนด์ และวี-คูล คอปอร์เรชั่น บริษัท ในฐานะผู้แทนจำหน่ายฟิล์มวี-คูลอย่างเป็นทางการ ด้วยการแบ่งพื้นที่จำหน่ายรับผิดชอบกันอย่างชัดเจน เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าโดยตรง จะได้เริ่มให้ความรู้แก่ผู้บริโภคในเรื่องเทคโนโลยีใหม่ของฟิล์มป้องกันความร้อนวี-คูล เจเนอเรชันที่ 2 ซึ่งเป็นนวัตกรรมทับซ้อนโลหะบนแผ่นฟิล์มมากถึง 10 ชั้น เป็นโลหะที่ล้ำค่าและเสริมด้วยชั้นทองคำ สามารถป้องกันพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้มากถึง 70% และสามารถป้องกันความร้อนจากรังสีอินฟาเรดได้มากกว่า 98% ในขณะที่ยังคงความใสของกระจกรถยนต์โดยไม่ก่อนให้เกิดแสงสะท้อนบดบังทัศนวิสัย นำเสนอใน 2 รุ่น ได้แก่ V-KOOL 55 และ V-KOOL 30 ให้ค่าแสงสว่างส่องผ่านได้ 58% และ 36% ตามลำดับ
“ที่ผ่านมายอดขายฟิล์มวี-คูลในตลาดประเทศไทย ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปี 2555 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 7% และปีนี้คาดว่าจะอยู่ในระดับเดียวกัน โดยวี-คูลได้วางตำแหน่งจับลูกค้าตลาดบน หรือระดับพรีเมี่ยม มูลค่าฟิล์มพรีเมี่ยมมีมูลค่ารวมประมาณ 500 ล้านบาท จากตลาดรวมฟิล์มกรองแสงที่มีมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท”
ทั้งนี้ในปี 2557 คาดว่าตลาดรถยนต์ใหม่ในประเทศไทยจะมียอดจำหน่ายมากกว่า 1 ล้านคัน ลดลงหรือใกล้เคียงกับปี 2556 อันเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจระดับโลก และปัญหาการเมืองภายในประเทศที่ยังไม่มีความแน่นอน แต่ไม่ว่าจะสภาพตลาดจะเป็นอย่างไรก็ตาม วี-คูลจะไม่หยุดยั้งในการที่จะคิดค้นพัฒนาคุณภาพสินค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านเทคโนโลยี เพื่อมอบสินค้าที่ดีให้กับผู้บริโภค รวมถึงการบริการที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกวี-คูล
“เราคาดการณ์ได้ถึงการเติบโตอย่ำงมั่นคง อันเนื่องมาจากลูกค้าที่มีความประทับใจในคุณภาพของฟิล์มวี-คูล และการบอกต่อถึงคุณภาพไปยังคนรอบข้าง วี-คูล อินเตอร์เนชั่นแนล คาดหวังว่าเทคโนโลยีใหม่จะเป็นที่ตอบรับของผู้บริโภค โดยการเปิดตัวฟิล์มวี-คูลด้วยเทคโนโลยีใหม่นี้ ไทยเป็นประเทศแรกที่มีการแนะนำสู่สาธารณะ ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 30 หรือมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2013 และจะมีขึ้นอย่างเป็นทางการทั่วโลกอีกครั้งในปี 2557”
นางพิมพา ชลาลัย ประธานบริหาร บริษัท วี-คูล กรุ๊ป ไทยแลนด์ จำกัด ผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายฟิล์มกันร้อน วี-คูล กล่าวว่า การปรับโฉม เป็นวี-คูล เรกาซี บริษัทแม่ได้ใช้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกเพื่อนำร่อง และในปี 2557 นี้จะเปิดใช้พร้อมกันอย่างเป็นทางการทั่วโลก เพื่อแสดงความเป้นอันหนึ่งอันเดียวกัน
นายอัลซัน โลว์ ผู้จัดการฝ่ายขายประจำภูมิภาค บริษัท วี-คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตฟิล์มกรองแสงรถยนต์ยี่ห้อ “วี-คูล” (V-KOOL) เปิดเผยว่า วี-คูลได้ใช้ประเทศไทยเป็นต้นแบบ ในการปรับโฉมเป็น “วี-คูล เรกาซี” เพื่อแสดงให้เห็นถึงนวัตกรรม และเทคโนโลยีของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ที่บริษัทแม่ได้ทุ่มเงินลงทุนพัฒนากว่า 40 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อพัฒนาให้เป็นฟิล์มกรองแสงที่ป้องกันความร้อน และแสงอินฟาเรดได้มากขึ้น
โดยในประเทศไทย วี-คูล กรุ๊ป ไทยแลนด์ และวี-คูล คอปอร์เรชั่น บริษัท ในฐานะผู้แทนจำหน่ายฟิล์มวี-คูลอย่างเป็นทางการ ด้วยการแบ่งพื้นที่จำหน่ายรับผิดชอบกันอย่างชัดเจน เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าโดยตรง จะได้เริ่มให้ความรู้แก่ผู้บริโภคในเรื่องเทคโนโลยีใหม่ของฟิล์มป้องกันความร้อนวี-คูล เจเนอเรชันที่ 2 ซึ่งเป็นนวัตกรรมทับซ้อนโลหะบนแผ่นฟิล์มมากถึง 10 ชั้น เป็นโลหะที่ล้ำค่าและเสริมด้วยชั้นทองคำ สามารถป้องกันพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้มากถึง 70% และสามารถป้องกันความร้อนจากรังสีอินฟาเรดได้มากกว่า 98% ในขณะที่ยังคงความใสของกระจกรถยนต์โดยไม่ก่อนให้เกิดแสงสะท้อนบดบังทัศนวิสัย นำเสนอใน 2 รุ่น ได้แก่ V-KOOL 55 และ V-KOOL 30 ให้ค่าแสงสว่างส่องผ่านได้ 58% และ 36% ตามลำดับ
“ที่ผ่านมายอดขายฟิล์มวี-คูลในตลาดประเทศไทย ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปี 2555 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 7% และปีนี้คาดว่าจะอยู่ในระดับเดียวกัน โดยวี-คูลได้วางตำแหน่งจับลูกค้าตลาดบน หรือระดับพรีเมี่ยม มูลค่าฟิล์มพรีเมี่ยมมีมูลค่ารวมประมาณ 500 ล้านบาท จากตลาดรวมฟิล์มกรองแสงที่มีมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท”
ทั้งนี้ในปี 2557 คาดว่าตลาดรถยนต์ใหม่ในประเทศไทยจะมียอดจำหน่ายมากกว่า 1 ล้านคัน ลดลงหรือใกล้เคียงกับปี 2556 อันเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจระดับโลก และปัญหาการเมืองภายในประเทศที่ยังไม่มีความแน่นอน แต่ไม่ว่าจะสภาพตลาดจะเป็นอย่างไรก็ตาม วี-คูลจะไม่หยุดยั้งในการที่จะคิดค้นพัฒนาคุณภาพสินค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านเทคโนโลยี เพื่อมอบสินค้าที่ดีให้กับผู้บริโภค รวมถึงการบริการที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกวี-คูล
“เราคาดการณ์ได้ถึงการเติบโตอย่ำงมั่นคง อันเนื่องมาจากลูกค้าที่มีความประทับใจในคุณภาพของฟิล์มวี-คูล และการบอกต่อถึงคุณภาพไปยังคนรอบข้าง วี-คูล อินเตอร์เนชั่นแนล คาดหวังว่าเทคโนโลยีใหม่จะเป็นที่ตอบรับของผู้บริโภค โดยการเปิดตัวฟิล์มวี-คูลด้วยเทคโนโลยีใหม่นี้ ไทยเป็นประเทศแรกที่มีการแนะนำสู่สาธารณะ ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 30 หรือมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2013 และจะมีขึ้นอย่างเป็นทางการทั่วโลกอีกครั้งในปี 2557”
นางพิมพา ชลาลัย ประธานบริหาร บริษัท วี-คูล กรุ๊ป ไทยแลนด์ จำกัด ผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายฟิล์มกันร้อน วี-คูล กล่าวว่า การปรับโฉม เป็นวี-คูล เรกาซี บริษัทแม่ได้ใช้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกเพื่อนำร่อง และในปี 2557 นี้จะเปิดใช้พร้อมกันอย่างเป็นทางการทั่วโลก เพื่อแสดงความเป้นอันหนึ่งอันเดียวกัน
