ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง – อีโคคาร์รายเดิมโอด! ส่อแววลุ้นผลิตรถแสนคันต่อปีตามเงื่อนไขเหนื่อย จากสภาวะตลาด เศรษฐกิจ และการเมือง โดยเฉพาะนโยบายอีโคคาร์เฟส 2 ที่มีรายใหม่เข้ามาชิง ขณะที่ "ขวัญชัย" ประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ซัดหนัก ไม่เป็นธรรมกับผู้ผลิตเฟสแรกที่กล้าเปิดตลาด เลขาฯ บีโอไอยันไม่สามารถเปลี่ยนหลักการ แต่ยังเจรจาปรับแก้เกณฑ์ปฏิบัติได้
เมื่อวานนี้(2 ธ.ค.) สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (TAJA) จัดสัมนาเรื่อง “อีโคคาร์ เฟส2 สานฝัน ยานยนต์ไทยสู่ 3 ล้านคัน” อาคารชาลเลนเจอร์ เมืองทองธานี โดยในงานมี นายอุดม วงศ์วัฒน์ไชย์ เลาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) เป็นประธานเปิดงาน และกล่าวปาฐกถาว่า เนื่องจากโครงการอีโคคาร์เฟสแรกประสบความสำเร็จมาก และแทบทุกค่ายต่างมีการผลิตเกือบ 1 แสนคันต่อปีแล้ว รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงมีแนวคิดที่จะเพิ่มการผลิตรถในไทย จึงได้เปิดโครงการอีโคคาร์เฟส2 ด้วยการเพิ่มความเข้มงวดเรื่องของสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และการประหยัดน้ำมันมากขึ้น
“มีผู้สนใจทั้งรายใหม่และเก่าสนใจหลายราย แม้จะมีเสียงต้องการให้เปลี่ยนแปลงและง่ายกับรายเดิม เรื่องนี้ในหลักการไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ในเกณฑ์การปฏิบัติสามารถมาคุยหรือปรับแก้ได้ ซึ่งเชื่อว่าการเกิดอีโคคาร์เฟส2 จะผลักดันให้ไทยสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตสู่ 3 ล้านคันในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน”
นางเพียงใจ แก้วสุวรรณ รองผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิสสัน มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะนายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และประธานสมาพันธ์อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอาเซียนกล่าวว่า อีโคคาร์เฟส2 ถือเป็นนโยบายที่ดีในภาพรวมของประเทศ แต่ในแง่ของการดำเนินการ หรือผู้ประกอบการรายเดิมในเฟสแรก ที่จะเข้ามาร่วมโครงการค่อนข้างมีอุปสรรค ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขการเข้ารับส่งเสริมเฟสใหม่ หรือการจะปฏิบัติให้ได้ตามโครงการเดิม
“ขณะนี้ยังมีความเป็นห่วงว่า เงื่อนไขของโครงการเดิมในปีที่ 5 เป็นต้นไป ที่แต่ละบริษัทจะต้องผลิตให้ได้ 1 แสนคันต่อปี ซึ่งที่ผ่านมาแม้จะมีตัวเลขการผลิตเติบโต นั่นมาจากการเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ หากเข้าช่วงปีที่ 4-5 ย่อมต้องลดลงตามปกติ ยิ่งผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจ หรือเรื่องการเมืองต่างๆ นอกจากบางค่ายอาจจะมีโมเดลใหม่เข้ามาเสริมตลาด แต่ขณะเดียวกันการเปิดโครงการให้กับรายใหม่ได้ ย่อมต้องมีคู่แข่งในตลาดเพิ่ม”
นอกจากนี้เรื่องของเงินลงทุนอีโคคาร์เฟสใหม่ 6,500 ล้านบาท ถึงจะผ่อนคลายให้รายเดิมลดเงินลงทุนเหลือ 5,000 ล้านบาทเท่าเดิม แต่ในความเป็นจริงไลน์การผลิตลงทุนไปแล้ว ยิ่งรถประเภทคล้ายๆ กันสามารถปรับใช้ร่วมกันได้ ไม่จำเป็นต้อลงทุนใหม่ จึงอยากจะให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาคุยหรือปรับให้เหมาะสม และอยากจะเสนอภาครัฐการออกนโยบายส่งเสริมต่างๆ จะต้องมองไปข้างหน้า อย่างรถไฮบริด รถพลังงานเซลล์เชื้อเพลิง หรือรถไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันทั่วโลกเขากำลังสนับสนุน แม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ไทยในฐานะผู้นำจึงควรจะก้าวก่อนเหมือนกับอีโคคาร์เฟสแรก
นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูล ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันการผลิตอีโคคาร์ 1 แสนคันต่อปี นับว่าเป็นเรื่องค่อนข้างท้าทาย และเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างยาก เพราะการที่จะหาตลาดรองรับไม่ใช่ง่ายๆ โดยปัจจุบันมากกว่าครึ่งของกำลังการผลิตอีโคคาร์ส่งออกไปต่างประเทศอยู่แล้ว ซึ่งตลาดใหญ่อยู่ที่อาเซียนกับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ แต่ในเร็วๆ นี้อินโดนีเซียจะมีอีโคคาร์คล้ายๆ ของไทยออกมา นั่นย่อมต้องทำให้การส่งออกลดลง
นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ หรือมอเตอร์ เอ็กซ์โป กล่าวว่า การเปิดโครงการอีโคคาร์เฟส2 ในขณะที่เฟสแรกเพิ่งจะเริ่มได้เพียง 3-4 ปี ถือว่าไม่เป็นธรรมกับผู้ผลิตรถยนต์รายเดิม ที่เขากล้าลงทุนและเปิดตลาดอีโคคาร์ในไทยจนได้รับความนิยมในปัจจุบัน ที่สำคัญเหตุการณ์เช่นนี้จะทำให้ต่อไปบริษัทต่างชาติไม่มั่นใจนโยบายรัฐบาลไทย จึงอยากเสนอให้ดองโครงการอีโคคาร์เฟส2 ไว้ก่อน
เมื่อวานนี้(2 ธ.ค.) สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (TAJA) จัดสัมนาเรื่อง “อีโคคาร์ เฟส2 สานฝัน ยานยนต์ไทยสู่ 3 ล้านคัน” อาคารชาลเลนเจอร์ เมืองทองธานี โดยในงานมี นายอุดม วงศ์วัฒน์ไชย์ เลาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) เป็นประธานเปิดงาน และกล่าวปาฐกถาว่า เนื่องจากโครงการอีโคคาร์เฟสแรกประสบความสำเร็จมาก และแทบทุกค่ายต่างมีการผลิตเกือบ 1 แสนคันต่อปีแล้ว รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงมีแนวคิดที่จะเพิ่มการผลิตรถในไทย จึงได้เปิดโครงการอีโคคาร์เฟส2 ด้วยการเพิ่มความเข้มงวดเรื่องของสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และการประหยัดน้ำมันมากขึ้น
“มีผู้สนใจทั้งรายใหม่และเก่าสนใจหลายราย แม้จะมีเสียงต้องการให้เปลี่ยนแปลงและง่ายกับรายเดิม เรื่องนี้ในหลักการไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ในเกณฑ์การปฏิบัติสามารถมาคุยหรือปรับแก้ได้ ซึ่งเชื่อว่าการเกิดอีโคคาร์เฟส2 จะผลักดันให้ไทยสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตสู่ 3 ล้านคันในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน”
นางเพียงใจ แก้วสุวรรณ รองผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิสสัน มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะนายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และประธานสมาพันธ์อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอาเซียนกล่าวว่า อีโคคาร์เฟส2 ถือเป็นนโยบายที่ดีในภาพรวมของประเทศ แต่ในแง่ของการดำเนินการ หรือผู้ประกอบการรายเดิมในเฟสแรก ที่จะเข้ามาร่วมโครงการค่อนข้างมีอุปสรรค ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขการเข้ารับส่งเสริมเฟสใหม่ หรือการจะปฏิบัติให้ได้ตามโครงการเดิม
“ขณะนี้ยังมีความเป็นห่วงว่า เงื่อนไขของโครงการเดิมในปีที่ 5 เป็นต้นไป ที่แต่ละบริษัทจะต้องผลิตให้ได้ 1 แสนคันต่อปี ซึ่งที่ผ่านมาแม้จะมีตัวเลขการผลิตเติบโต นั่นมาจากการเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ หากเข้าช่วงปีที่ 4-5 ย่อมต้องลดลงตามปกติ ยิ่งผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจ หรือเรื่องการเมืองต่างๆ นอกจากบางค่ายอาจจะมีโมเดลใหม่เข้ามาเสริมตลาด แต่ขณะเดียวกันการเปิดโครงการให้กับรายใหม่ได้ ย่อมต้องมีคู่แข่งในตลาดเพิ่ม”
นอกจากนี้เรื่องของเงินลงทุนอีโคคาร์เฟสใหม่ 6,500 ล้านบาท ถึงจะผ่อนคลายให้รายเดิมลดเงินลงทุนเหลือ 5,000 ล้านบาทเท่าเดิม แต่ในความเป็นจริงไลน์การผลิตลงทุนไปแล้ว ยิ่งรถประเภทคล้ายๆ กันสามารถปรับใช้ร่วมกันได้ ไม่จำเป็นต้อลงทุนใหม่ จึงอยากจะให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาคุยหรือปรับให้เหมาะสม และอยากจะเสนอภาครัฐการออกนโยบายส่งเสริมต่างๆ จะต้องมองไปข้างหน้า อย่างรถไฮบริด รถพลังงานเซลล์เชื้อเพลิง หรือรถไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันทั่วโลกเขากำลังสนับสนุน แม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ไทยในฐานะผู้นำจึงควรจะก้าวก่อนเหมือนกับอีโคคาร์เฟสแรก
นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูล ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันการผลิตอีโคคาร์ 1 แสนคันต่อปี นับว่าเป็นเรื่องค่อนข้างท้าทาย และเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างยาก เพราะการที่จะหาตลาดรองรับไม่ใช่ง่ายๆ โดยปัจจุบันมากกว่าครึ่งของกำลังการผลิตอีโคคาร์ส่งออกไปต่างประเทศอยู่แล้ว ซึ่งตลาดใหญ่อยู่ที่อาเซียนกับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ แต่ในเร็วๆ นี้อินโดนีเซียจะมีอีโคคาร์คล้ายๆ ของไทยออกมา นั่นย่อมต้องทำให้การส่งออกลดลง
นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ หรือมอเตอร์ เอ็กซ์โป กล่าวว่า การเปิดโครงการอีโคคาร์เฟส2 ในขณะที่เฟสแรกเพิ่งจะเริ่มได้เพียง 3-4 ปี ถือว่าไม่เป็นธรรมกับผู้ผลิตรถยนต์รายเดิม ที่เขากล้าลงทุนและเปิดตลาดอีโคคาร์ในไทยจนได้รับความนิยมในปัจจุบัน ที่สำคัญเหตุการณ์เช่นนี้จะทำให้ต่อไปบริษัทต่างชาติไม่มั่นใจนโยบายรัฐบาลไทย จึงอยากเสนอให้ดองโครงการอีโคคาร์เฟส2 ไว้ก่อน