เล่นเอาลูกค้าหงายเงิบไปตามๆ กัน หลังจากโดนหมัดฮุกชุดใหญ่จากคาวาซากิ กับการส่ง “นินจา 300” (Ninja 300) ทำตลาดแทนที่รุ่นเดิมในคลาสสปอร์ตไซส์เล็กแบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่เพิ่งวางจำหน่ายนินจา 250 โฉมใหม่หรือโมเดลเชนจ์ไปหมาดๆ เพียงไม่ถึงหนึ่งปีก็ตาม
แม้ว่างานนี้จะโดนสวดยับจากสาวกไปแบบเต็มๆ แต่หากมองในเชิงธุรกิจ ส่วนหนึ่งเหมือนรู้ว่าคู่แข่งจะขยับปรับโฉมเพิ่มขนาดซีซี. พร้อมลุยตลาดในเซกเมนท์นี้ด้วยเช่นกัน ทำให้ค่ายกรีนทีมจึงต้องจำยอมรับแรงกดดัน เพื่อหวังชิงจังหวะเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุกทำตลาดก่อนนั่นเอง
สำหรับนินจา 300 ผู้เขียนเคยทำความรู้จักกันครั้งแรก (รถทดสอบเดิมทั้งคัน) ผ่านการร่วมทริปกับเรียล โมโตสปอร์ต ดีลเลอร์ของคาวาซากิย่านรามคำแหง โดยครั้งนั้นเป็นเพียงระยะทางสั้นๆ ไปแค่พัทยา แถมขี่ในรูปแบบขบวนท่องเที่ยว การสัมผัสสมรรถนะจึงทำได้ไม่เต็มที่ และเห็นควรต้องทดสอบกันแบบยาวๆ อีกครั้ง คราวนี้ก็เลยจัดเต็ม (รถทดสอบเปลี่ยนท่อแต่ง) ด้วยการพาวิ่งไปไกลถึงเหมืองปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ด้วยระยะทางรวมกว่า 600 กม.
จุดขายของสปอร์ตไซส์เล็กรุ่นใหม่อยู่ที่รูปโฉมความหล่อถอดแบบมาจากรุ่นพี่ในค่าย ทั้งจาก ZX-6R, ZX-10R และ ZX-14R ผสมผสานกันอย่างลงตัว ไฟหน้าคู่แยกส่วน 2 ข้าง ไฟเลี้ยวซ้ายขวาฝังรวมติดอยู่ในชุดแฟริ่ง เรือนไมล์แบบดิจิตอลแสดงสถานะรอบเครื่องยนต์ ความเร็ว ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง โดยมีออฟชันการเซตทริประยะทาง A และ B พร้อมสัญญาณไฟ Eco จะแสดงขึ้นเมื่อขี่ใช้งานแบบประหยัดน้ำมันด้วย
อย่างไรก็ตาม รูปลักษณ์ภายนอกที่แตกต่างจากรุ่นนินจา 250 มีเพียงลายกราฟฟิก ร่องเบรก ABS และคอท่อไอเสียแบบแยกออกจากกันเท่านั้น ซึ่งหากจอดเทียบสองรุ่น ถ้าไม่สังเกตุจริงๆ แทบดูไม่ออกว่าคันไหนคือรุ่นอะไรด้วยซ้ำ
เข้าสู่การทดสอบด้านท่านั่งช่วงแขนยืดออกกำลังดี ไม่ต้องก้มหรือโน้มลำตัวเข้าหาตัวรถมากนัก ส่วนตำแหน่งพักเท้าก็ไม่สูงจนเกินไป โดยรวมยังคงเป็นท่านั่งแบบสปอร์ตทัวริงที่เน้นการขี่ทางไกล ส่วนการควบคุมพลิกบังคับเลี้ยวซ้ายขวาคล่องตัว ทำได้ว่องไวและแม่นยำ สมชื่อกับการเป็นรถรุ่นหนึ่งในตระกูลนินจา
สำหรับสมรรถนะของเครื่องยนต์ขนาด 296 ซีซี. 2 สูบเรียง 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 39 แรงม้าที่ 11,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 27 นิวตัน-เมตรที่ 10,000 รอบต่อนาที ให้สัมผัสของอัตราเร่งที่ดีกว่าพิกัด 250 แบบรู้สึกได้ชัดเจน แต่การจะขี่ให้สนุกต้องเปลี่ยนเกียร์ในช่วงหมื่นรอบเท่านั้น หากน้อยกว่านี้รู้สึกว่ากำลังเครื่องยนต์จะตกลงไป และต้องรอรอบเล็กน้อยก่อนที่ความเร็วจะเพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่เทคโนโลยีใหม่ที่ใส่เพิ่มเข้ามา คือ Slipper Clutch มาช่วยลดแรงกระชากจากการเปลี่ยนเกียร์ให้มีความนุ่มนวลมากขึ้น สิ่งที่ได้ถือว่าเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้ทั้งกับมือใหม่ และเติมความสนุกให้กับมือเก๋า โดยไม่ต้องกังวลกับอาการล้อล็อกก่อนพับรถเข้าโค้ง
ส่วนระบบช่วงล่างเชตมาจากโรงงาน วิ่งบนถนนค่อนข้างลงตัว ขณะที่ระบบเบรก ABS หน้า-หลัง เป็นสิ่งใหม่ที่เสริมเข้ามาเช่นเดียวกับระบบคลัทช์ สำหรับคนที่ไม่ชอบก็ไม่ต้องกังวล เพราะต้องกดเบรกลึกจริงๆ การตอบสนองถึงจะแสดงประสิทธิภาพออกมา
ด้านอัตราบริโภคเชื้อเพลิง ใช้ความเร็วเฉลี่ยประมาณ 120 กม./ชม. ตลอดทริปมีทั้งจังหวะเร่งแซงและขึ้น-ลงเขา เติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี20 วัดค่าได้ประมาณ 22 กม./ลิตร แต่ถ้าต้องการความประหยัด สัญญาณไฟ Eco จะขึ้นบอกหากใช้รอบเครื่องยนต์ไม่เกิน 8,000 รอบต่อนาที
สรุปการสัมผัสสมรรถนะของนินจา 300 สนนราคา 182,500 บาท ถือเป็นสปอร์ตไซส์เล็กที่ขี่ใช้งานในเมืองสนุก คล่องตัว โดดเด่นด้วยหน้าตาที่โฉบเฉี่ยวและมีเอกลักษณ์บนท้องถนน อีกทั้งใช้ซิ่งออกทริปร่วมก๊วนกับพวกรุ่นใหญ่พิกัด 650 ซีซี. ด้วยความเร็วที่ใกล้เคียงกันได้อย่างสบาย แต่อย่ามองเรื่องความประหยัด เดี๋ยวพาลจะอารมณ์เสียเปล่าๆ!