ฮันกุ๊ก เปิดตัวยางรถยนต์ 3 รุ่นใหม่ล่าสุดภายใต้ธีมส่งเสริมการตลาดที่ว่า ‘ไดร์ฟ ทู เดอะ ฟิวเจอร์’ หรือ พลังขับเคลื่อนสู่อนาคต ตีตลาด ขยายลูกค้า มั่นใจกระตุ้นยอดขาย-ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่ม 50% วาดแผนขึ้นแท่น 1 ในผู้นำตลาดยางรถยนต์เมืองไทยภายใน 3-5ปี
นายคงศักด์ เกษมสุภาพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิลเวอร์ไทร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดยางรถยนต์บ้านเราตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมาถือว่าค่อนข้างเงียบลงไปไม่ค่อยครึกครื้นเหมือนที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามศักยภาพของตลาดประเทศไทยถือว่าใหญ่มากๆ เนื่องจากจำนวนรถที่มีอยู่ในประเทศ รวมไปถึงอัตราการเจริญเติบโตของยอดขายรถยนต์ที่มีการเจริญเติบโตมาตลอด โรงงานผู้ผลิตรถยนต์ค่ายชั้นนำต่างๆก็มีฐานการผลิตที่ประเทศไทย ทำให้ตลาดยางรถยนต์ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์มีศักยภาพเติบโตพร้อมกับตลาดรถยนต์
สำหรับมูลค่าตลาดยางรถยนต์ในประเทศไทย จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนคือหนึ่ง ยางรถยนต์ติดรถจากโรงงานหรือยาง OE ซึ่งขนาดประมาณ 2-3 ล้านเส้นต่อปี และ สองคือตลาดยางล้อทดแทน หรือยาง RE ซึ่งเป็นตลาดที่ทางเราทำตลาดอยู่ มีขนาดประมาณ 8-9 ล้านเส้นต่อปี จึงทำให้ ในปีนี้ บริษัทฯ ยังเชื่อมั่นในการเติบโตพร้อมที่จะรุกตลาดด้วยการ นำเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้ครบทุกเซ็กเม้นต์มากขึ้น
ในปีนี้บริษัทฯ ไม่หยุดนิ่ง รุกตลาด ด้วยการนำเข้าและทำการเปิดตัวยางรถยนต์ฮันกุ๊กอีก3 รุ่น ภายใต้ธีมที่ว่า ‘ไดร์ฟ ทู เดอะ ฟิวเจอร์’ หรือ ‘พลังขับเคลื่อนสู่อนาคต’ โดยยางรถยนต์แต่ละรุ่นมีคุณสมบัติพิเศษและโดดเด่นเฉพาะตัวดังนี้ 1. Ventus S1evo2 (เวนตุส เอสวันอีโว สอง)เป็นยางสมรรถนะสูงพิเศษ ระดับไฮเอนด์ ถือว่าเป็นตัวท๊อปของฮันกุ๊ก เน้นการขับขี่ที่เร็วเป็นพิเศษ ตอบสนองการเข้าโค้งและการขับขี่ทั้งถนนเปียกและถนนแห้งได้อย่างดีเยี่ยม 2. Ventus S1 Noble 2 (เวนตุสเอสหนึ่งโนเบิลสอง)เป็นยางรุ่นท๊อปด้านความเงียบนุ่มขณะการขับขี่ ในขณะเดียวกันยังให้ความสมดุลสูงสุดแม้การขับขี่ด้วยความเร็วสูง 3. Vantra LT (แวนทรา แอลที)ยางรถยนต์สำหรับรถกระบะและรถตู้เชิงพาณิชย์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ให้ความแข็งแรงและทนทานสูงสุดในการขับขี่
โดยการนำเข้ายางรถยนต์ เวนตุส เอสวันอีโว สอง และ เวนตุสเอสหนึ่งโนเบิลสอง ภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองนโยบายของบริษัทเรื่องการรักษาฐานลูกค้าเดิม ส่วนการนำเข้ายางรถยนต์แวนทรา แอลทีเพื่อขยายตลาดในสัดส่วนของยางรถกระบะ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญเป็นอย่างมากในตลาดประเทศไทย เนื่องจากมากกว่า 50% ของตลาดรถยนต์ในประเทศเป็นรถกระบะ ที่ทดสอบมาแล้วว่าสามารถบรรทุกสินค้าที่มีน้ำหนักมากในประเทศไทยได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งนี่คือหนึ่งในกลยุทธสำคัญที่จะทำให้เราสามารถขยายตลาดได้ในวงกว้างมากขึ้นโดยเฉพาะตลาดในต่างจังหวัดและนอกจากนี้ในกลุ่มลูกค้าที่สาม คือกลุ่มรถบ้าน ทางบริษัทฯ ก็จะมีการเปิดตัวและจัดจำหน่ายยางรถยนต์ สินค้าคุณภาพดี ราคาย่อมเยาว์ ให้กับกลุ่มรถบ้านทั่วไป ที่เน้นความคุ้มค่า และคุณภาพ เร็วๆนี้
พร้อมเตรียมงบประมาณสำหรับการทำการตลาดรองรับการเติบโตของฮันกุ๊กและกระตุ้นยอดขายในประเทศไทย เพื่อให้เราก้าวไปถึงเป้าปลายปีที่หวังโตขึ้น 50% ที่ตั้งไว้อยู่ที่มากกว่า 50 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์การตลาดสำคัญคือ การให้ความสำคัญอย่างสูงสุด กับคุณภาพของสินค้า โดยมีความเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ที่ดีจะสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภค และประสบความสำเร็จในตลาดได้ นอกจากผู้บริโภคเอง ร้านค้าหรือตัวแทนจัดจำหน่ายก็จะมีความเชื่อมั่นและมั่นใจที่จะนำเสนอสินค้าให้กับลูกค้า โดยไม่ต้องกังวลถึงปัญหาที่จะเกิดในภายหลังด้วยราคา และความคุ้มค่าของสินค้าที่ทางเราสามารถพูดได้ว่า ฮันกุ๊ก ไม่ใช่สินค้าที่ถูกที่สุดในตลาด แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้รับกับการจับจ่าย ที่ผู้บริโภคได้ใช้ออกไป ฮันกุ๊กเป็นยางรถยนต์ที่มีความคุ้มค่าที่สุดในตลาด
อีกประการคือการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ฮันกุ๊กประสบความสำเร็จอย่างมากกับการส่งเสริม และนำเสนอกิจกรรมการตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกิจกรรม มอเตอร์สปอร์ตในระดับโลกและระดับประเทศไทย และล่าสุดสปอร์ตมาเกิตติ้ง ที่ทางบริษัทแม่ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับทีมฟุตบอลชื่อดังจากประเทศเยอรมัน อย่าง โบรุสเซีย ดอร์ดมุนต์ ซึ่งเป็นทีมที่คนทั่วโลกรวมถึงคนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี รวมถึงการแข่งขันถ้วยยุโรปอย่าง ยูโรป้าลีก ที่มีทีมอย่าง ลิเวอร์พูล เชลซี และสเปอร์ เข้าร่วมแข่งขัน ทำให้แบรนด์ฮันกุ๊กเป็นที่รู้จักมากขึ้นแต่ทั้งนี้สื่อออฟไลน์ต่างๆ ก็จะทำการประชาสัมพันธ์ตามแผนที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง ทั้ง สื่อวิทยุ, ป้ายบิลบอร์ด,นิตยสาร, สื่อออนไลน์ เรียกว่าครบการสื่อสารแบบ 360 องศา
และด้วยศักยภาพของบริษัทฯ และแบรนด์ที่เรามี บริษัทฯ มองว่าเป้าหมายในอนาคตอีก 3 -5 ปี บริษัทฯ มั่นใจว่าเราจะสามารถก้าวเป็นหนึ่งในผู้นำของตลาดยางรถยนต์ในประเทศไทย ที่ผู้บริโภคให้การยอมรับถึงคุณภาพและแบรนด์ฮันกุ๊กให้ได้ในส่วนของต่างประเทศนั้น ภายใน 3-5 ปี เราจะก้าวมาเป็น 1 ใน 5 อันดับของผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก โดยมีการเตรียมแผนเพิ่มจำนวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายโรงงาน นายคงศักด์ กล่าว
โดยปัจจุบันฮันกุ๊กครองส่วนแบ่งเป็นอันดับหนึ่งในประเทศเกาหลีใต้ ประเทศจีน และในอีกหลายๆประเทศ ส่วนในยุโรปซึ่งถือเป็นทวีปที่เน้นเรื่องคุณภาพของยางรถยนต์เป็นอย่างมาก ทางฮันกุ๊กเองก็ได้การยอมรับเพิ่มขึ้นจนได้รับความไว้วางใจจากผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำเช่น บีเอ็มดับเบิลยู, มินิคูเปอร์, ออดี้, โฟล์คสวาเกนให้ใช้ยางฮันกุ๊กเป็นยางที่ติดรถจากโรงงาน นอกจากนี้‘ฮันกุ๊กก็ได้รับการรับเลือกให้เป็นยางรถยนต์ยี่ห้อเดียวที่ใช้ในการแข่งขันรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปอย่าง DTMอีกด้วย’ซึ่งถือเป็นความภูมิใจของทางแบรนด์เป็นอย่างมาก เพราะถือว่าได้รับการยอมรับจากการแข่งขันระดับโลก
นายคงศักด์ เกษมสุภาพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิลเวอร์ไทร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดยางรถยนต์บ้านเราตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมาถือว่าค่อนข้างเงียบลงไปไม่ค่อยครึกครื้นเหมือนที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามศักยภาพของตลาดประเทศไทยถือว่าใหญ่มากๆ เนื่องจากจำนวนรถที่มีอยู่ในประเทศ รวมไปถึงอัตราการเจริญเติบโตของยอดขายรถยนต์ที่มีการเจริญเติบโตมาตลอด โรงงานผู้ผลิตรถยนต์ค่ายชั้นนำต่างๆก็มีฐานการผลิตที่ประเทศไทย ทำให้ตลาดยางรถยนต์ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์มีศักยภาพเติบโตพร้อมกับตลาดรถยนต์
สำหรับมูลค่าตลาดยางรถยนต์ในประเทศไทย จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนคือหนึ่ง ยางรถยนต์ติดรถจากโรงงานหรือยาง OE ซึ่งขนาดประมาณ 2-3 ล้านเส้นต่อปี และ สองคือตลาดยางล้อทดแทน หรือยาง RE ซึ่งเป็นตลาดที่ทางเราทำตลาดอยู่ มีขนาดประมาณ 8-9 ล้านเส้นต่อปี จึงทำให้ ในปีนี้ บริษัทฯ ยังเชื่อมั่นในการเติบโตพร้อมที่จะรุกตลาดด้วยการ นำเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้ครบทุกเซ็กเม้นต์มากขึ้น
ในปีนี้บริษัทฯ ไม่หยุดนิ่ง รุกตลาด ด้วยการนำเข้าและทำการเปิดตัวยางรถยนต์ฮันกุ๊กอีก3 รุ่น ภายใต้ธีมที่ว่า ‘ไดร์ฟ ทู เดอะ ฟิวเจอร์’ หรือ ‘พลังขับเคลื่อนสู่อนาคต’ โดยยางรถยนต์แต่ละรุ่นมีคุณสมบัติพิเศษและโดดเด่นเฉพาะตัวดังนี้ 1. Ventus S1evo2 (เวนตุส เอสวันอีโว สอง)เป็นยางสมรรถนะสูงพิเศษ ระดับไฮเอนด์ ถือว่าเป็นตัวท๊อปของฮันกุ๊ก เน้นการขับขี่ที่เร็วเป็นพิเศษ ตอบสนองการเข้าโค้งและการขับขี่ทั้งถนนเปียกและถนนแห้งได้อย่างดีเยี่ยม 2. Ventus S1 Noble 2 (เวนตุสเอสหนึ่งโนเบิลสอง)เป็นยางรุ่นท๊อปด้านความเงียบนุ่มขณะการขับขี่ ในขณะเดียวกันยังให้ความสมดุลสูงสุดแม้การขับขี่ด้วยความเร็วสูง 3. Vantra LT (แวนทรา แอลที)ยางรถยนต์สำหรับรถกระบะและรถตู้เชิงพาณิชย์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ให้ความแข็งแรงและทนทานสูงสุดในการขับขี่
โดยการนำเข้ายางรถยนต์ เวนตุส เอสวันอีโว สอง และ เวนตุสเอสหนึ่งโนเบิลสอง ภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองนโยบายของบริษัทเรื่องการรักษาฐานลูกค้าเดิม ส่วนการนำเข้ายางรถยนต์แวนทรา แอลทีเพื่อขยายตลาดในสัดส่วนของยางรถกระบะ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญเป็นอย่างมากในตลาดประเทศไทย เนื่องจากมากกว่า 50% ของตลาดรถยนต์ในประเทศเป็นรถกระบะ ที่ทดสอบมาแล้วว่าสามารถบรรทุกสินค้าที่มีน้ำหนักมากในประเทศไทยได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งนี่คือหนึ่งในกลยุทธสำคัญที่จะทำให้เราสามารถขยายตลาดได้ในวงกว้างมากขึ้นโดยเฉพาะตลาดในต่างจังหวัดและนอกจากนี้ในกลุ่มลูกค้าที่สาม คือกลุ่มรถบ้าน ทางบริษัทฯ ก็จะมีการเปิดตัวและจัดจำหน่ายยางรถยนต์ สินค้าคุณภาพดี ราคาย่อมเยาว์ ให้กับกลุ่มรถบ้านทั่วไป ที่เน้นความคุ้มค่า และคุณภาพ เร็วๆนี้
พร้อมเตรียมงบประมาณสำหรับการทำการตลาดรองรับการเติบโตของฮันกุ๊กและกระตุ้นยอดขายในประเทศไทย เพื่อให้เราก้าวไปถึงเป้าปลายปีที่หวังโตขึ้น 50% ที่ตั้งไว้อยู่ที่มากกว่า 50 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์การตลาดสำคัญคือ การให้ความสำคัญอย่างสูงสุด กับคุณภาพของสินค้า โดยมีความเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ที่ดีจะสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภค และประสบความสำเร็จในตลาดได้ นอกจากผู้บริโภคเอง ร้านค้าหรือตัวแทนจัดจำหน่ายก็จะมีความเชื่อมั่นและมั่นใจที่จะนำเสนอสินค้าให้กับลูกค้า โดยไม่ต้องกังวลถึงปัญหาที่จะเกิดในภายหลังด้วยราคา และความคุ้มค่าของสินค้าที่ทางเราสามารถพูดได้ว่า ฮันกุ๊ก ไม่ใช่สินค้าที่ถูกที่สุดในตลาด แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้รับกับการจับจ่าย ที่ผู้บริโภคได้ใช้ออกไป ฮันกุ๊กเป็นยางรถยนต์ที่มีความคุ้มค่าที่สุดในตลาด
อีกประการคือการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ฮันกุ๊กประสบความสำเร็จอย่างมากกับการส่งเสริม และนำเสนอกิจกรรมการตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกิจกรรม มอเตอร์สปอร์ตในระดับโลกและระดับประเทศไทย และล่าสุดสปอร์ตมาเกิตติ้ง ที่ทางบริษัทแม่ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับทีมฟุตบอลชื่อดังจากประเทศเยอรมัน อย่าง โบรุสเซีย ดอร์ดมุนต์ ซึ่งเป็นทีมที่คนทั่วโลกรวมถึงคนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี รวมถึงการแข่งขันถ้วยยุโรปอย่าง ยูโรป้าลีก ที่มีทีมอย่าง ลิเวอร์พูล เชลซี และสเปอร์ เข้าร่วมแข่งขัน ทำให้แบรนด์ฮันกุ๊กเป็นที่รู้จักมากขึ้นแต่ทั้งนี้สื่อออฟไลน์ต่างๆ ก็จะทำการประชาสัมพันธ์ตามแผนที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง ทั้ง สื่อวิทยุ, ป้ายบิลบอร์ด,นิตยสาร, สื่อออนไลน์ เรียกว่าครบการสื่อสารแบบ 360 องศา
และด้วยศักยภาพของบริษัทฯ และแบรนด์ที่เรามี บริษัทฯ มองว่าเป้าหมายในอนาคตอีก 3 -5 ปี บริษัทฯ มั่นใจว่าเราจะสามารถก้าวเป็นหนึ่งในผู้นำของตลาดยางรถยนต์ในประเทศไทย ที่ผู้บริโภคให้การยอมรับถึงคุณภาพและแบรนด์ฮันกุ๊กให้ได้ในส่วนของต่างประเทศนั้น ภายใน 3-5 ปี เราจะก้าวมาเป็น 1 ใน 5 อันดับของผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก โดยมีการเตรียมแผนเพิ่มจำนวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายโรงงาน นายคงศักด์ กล่าว
โดยปัจจุบันฮันกุ๊กครองส่วนแบ่งเป็นอันดับหนึ่งในประเทศเกาหลีใต้ ประเทศจีน และในอีกหลายๆประเทศ ส่วนในยุโรปซึ่งถือเป็นทวีปที่เน้นเรื่องคุณภาพของยางรถยนต์เป็นอย่างมาก ทางฮันกุ๊กเองก็ได้การยอมรับเพิ่มขึ้นจนได้รับความไว้วางใจจากผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำเช่น บีเอ็มดับเบิลยู, มินิคูเปอร์, ออดี้, โฟล์คสวาเกนให้ใช้ยางฮันกุ๊กเป็นยางที่ติดรถจากโรงงาน นอกจากนี้‘ฮันกุ๊กก็ได้รับการรับเลือกให้เป็นยางรถยนต์ยี่ห้อเดียวที่ใช้ในการแข่งขันรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปอย่าง DTMอีกด้วย’ซึ่งถือเป็นความภูมิใจของทางแบรนด์เป็นอย่างมาก เพราะถือว่าได้รับการยอมรับจากการแข่งขันระดับโลก