ตลาดเก๋งคอมแพกต์แบบแฮทช์แบ็ก หรือรุ่น 5 ประตู ไม่ถือว่าเป็นตลาดหลักในไทย และค่ายใหญ่ๆ ต่างยังไม่หันมามองรถกลุ่มนี้ จึงมีผู้เล่นระดับรองๆ เพียง 2-3 ยี่ห้อเท่านั้น ที่เข้ามาเก็บเล็กผสมน้อย เฉลี่ยจะมียอดขายรวมประมาณ 5 พันคันต่อปี แต่การเปิดตัวของ “นิสสัน พัลซาร์” สู่ตลาดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ค่ายนิสสันในประเทศไทยเชื่อมั่นว่า จะผลักดันให้ตลาดเก๋งคอมแพกต์แบบแฮทช์แบกในไทย พุ่งเป็น 1.5 หมื่นคันต่อปีเลยทีเดียว จึงน่าสนใจมาดูกันว่า รถรุ่นพัลซาร์มีดีเด่นอย่างไร? และเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดอย่าง “มาสด้า3” และ “ฟอร์ด โฟกัส” ใครจะอยู่ในใจของลูกค้ามากกว่ากัน?...
ค่ายรถนิสสันในไทยเคยลุยตลาดเก๋งคอมแพ็กต์แฮทช์แบกมาก่อนแล้ว กับรถรุ่น “นิสสัน ทีด้า” เพียงแต่อาจจะไม่มีความชัดเจนมากนัก เพราะในสายตาของผู้บริโภคไทยมองว่า จะเป็นคอมแพกต์คาร์ก็ไม่ใช่ หรือซับคอมแพกต์ก็ไม่เชิง ที่สุดรถยนต์รุ่นดังกล่าวจึงยุติบทบาทไป และถูกแทนด้วย “นิสสัน พัลซาร์” (Nissan Pulsar) ในการทำตลาด เช่นเดียวกับ “นิสสัน ทีด้า ลาติโอ” หรือเวอร์ชั่นซีดาน ปัจจุบันจะมีรุ่น “ซิลฟี” (Sylphy) เข้ามาทำตลาดแทน
พูดถึงความสดใหม่ของรถกลุ่มนี้ในตลาด ไม่ถือว่าเสียเปรียบกันมากนัก แม้รุ่นพัลซาร์จะเพิ่งเปิดตัวสดๆ ร้อน แต่คู่แข่งอย่าง “ฟอร์ด โฟกัส” (Ford Focus”) เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไตรมาสสามของปีที่ผ่านมา ขณะที่ “มาสด้า3” เครื่องยนต์ 1.6ลิตร ถูกส่งบุกตลาดเมื่อเดือนพฤษภาคมของปีที่แล้วเช่นเดียวกัน(รุ่น 2.0ลิตร เปิดตัวไปปีก่อนหน้า) จึงถือว่าห่างกันไม่มากนัก และล้วนเป็นรุ่นโมเดลเชนจ์กันหมด
คอมแพกคาร์แบบแฮทช์แบ็กทั้ง 3 โมเดล ทำตลาดกับ 2 เครื่องยนต์เบนซินหลัก โดยยืนพื้นที่เครื่องยนต์ 1.6 ลิตรเหมือนกัน แต่ม้าที่เลี้ยงไว้ในคอกของฟอร์ด โฟกัส จะมากสุด 125 ตัว รองลงมาเป็นรุ่นพัลซาร์ 116 แรงม้า และน้อยสุดมาสด้า 3 มีเพียง 105 แรงม้าเท่านั้น และอีกรุ่นอาจจะแตกต่างกันไป ซึ่งนิสสัน พัลซาร์ เลือกเครื่องยนต์ MRA8DE ขนาด 1.8 ลิตร 131 แรงม้า ฟอร์ด โฟกัส วางเครื่องยนต์ Duratec 2.0 ลิตร Ti-VCT และแก็สโซลีนไดเร็คอินเจ็คชัน (GDI) ที่ให้กำลังสูงถึง 170 แรงม้า ขณะที่มาสด้า3 มากับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเช่นกัน แต่รีดแรงม้ามาได้เพียง 147 ตัวเท่านั้น (ดูรายละเอียดจากตารางประกอบ)
โดยระบบส่งกำลังของนิสสัน พัลซาร์ แน่นอนต้องเป็น XTRONIC CVT 5 จังหวะในทุกรุ่น และมาสด้า 3 จะเป็นอัตโนมัติ 4 จังหวะ ในรุ่น 1.6 ลิตร และอัตโนมัติ 5 จังหวะ สำหรับรุ่น 2.0 ลิตร ขณะที่ฟอร์ด โฟกัส ชัดเจนจะต้องมากับเกียร์อัตโนมัติ PowerShift 6 จังหวะอยู่แล้ว
การออกแบบรถทั้ง 3 โมเดล ดูเหมือนจะเน้นความสปอร์ตโฉมเฉี่ยวเหมือนกัน ซึ่งเรื่องรูปลักษณ์ตรงนี้คงอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล จึงขอข้ามเรื่องนี้ไปพูดถึงมิติตัวถังและน้ำหนักแทน(ดูตารางประกอบ) จากภาพรวมจะเห็นว่ามาสด้า3 ค่อนค้างจะมีตัวถังยาวกว่าเพื่อนชัดเจน แต่จะมีความกว้างและฐานล้อที่สั้นกว่าอีกสองรุ่น พื้นที่ห้องโดยสารดูโปร่งโล่งกว่า รวมถึงเรื่องของการทรงตัว ถึงอย่างนั้นมาสด้า3 มีความสูงที่เตี้ยมาช่วยให้เกิดความคล่องตัวและปราดเปรียว อย่างไรก็ตามมาสด้า3 ต้องแบกน้ำหนักถึง 1,265-1,345 กก.(แล้วแต่ละรุ่น) ส่วนนิสสัน พัลซาร์ มีน้ำหนักเพียง 1,206-1,257 กก. ขณะที่ฟอร์ด โฟกัส ไม่มีข้อมูลน้ำหนักรถรวมแต่อย่างใด
ไฟหน้าของทุกรุ่นในตัว 1.6 ลิตร จะเป็นแบบฮาโลเจนเหมือนกัน ขณะที่รุ่นท็อปของฟอร์ด โฟกัส เครื่องยนต์ 2.0 และมาสด้า3 จะเป็นแบบไบ-ซีนอน เช่นเดียวกับนิสสัน พัลซาร์ รุ่น 1.8 ลิตร ซึ่งทั้งโฟกัส(2.0L รุ่นท็อป)และพัลซาร์ ไฟหน้าปรับระดับอัตโนมัติด้วย ส่วนไฟท้ายของมาสด้า3 และโฟกัสรุ่นท็อปเป็นแบบแถบ LED โดยหลังคาเฉพาะรุ่นท็อปแต่ละโมเดลจะเป็นแบบซันรูฟ พร้อมกับมีสปอยเลอร์หลังด้านบนมาให้ครบทุกรุ่นของมาสด้า3 และฟอร์ด โฟกัส แต่ในพัลซาร์จะมีเฉพาะรุ่นท็อปของเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร และในเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรทุกรุ่น
ขนาดล้อของนิสสัน พัลซาร์ 1.6 ลิตร จะเป็นแบบอัลลอย 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 195/60R16 และรุ่น 1.8 ลิตร เป็นล้ออัลลอย 17 นิ้ว และยางขนาด 205/50R17 ขณะที่มาสด้า 3 และฟอร์ด โฟกัส แยกเป็นล้ออัลลอย 16 และ 17 นิ้วตามขนาดเครื่องยนต์เช่นเดียวกัน(โฟกัสรุ่นต่ำสุด 1.6L เป็นแบบกระทะเหล็ก) โดยมาสด้า3 จะมากับยางขนาด 205/55R16 และ 205/50R17 ส่วนรุ่นโฟกัสจะมากับยาง 205/60R16 และ215/50R17
ห้องโดยสารของรถทั้งสามรุ่น เน้นความสะดวกสบาย และกว้างขวาง แต่ก็ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ขณะเดียวกันอุปกรณ์ต่างๆ ที่นำมาให้เป็นอีกจุดขายที่สำคัญ จะเห็นว่าพวงมาลัยทุกรุ่นปรับระดับ 4 ทิศทาง และสามารถควบคุมจอข้อมูลบนพวงมาลัย รวมถึงเครื่องเสียงต่างๆ และระบบควมคุมความเร็วในรุ่นท็อปทุกโมเดล เช่นเดียวกับปุ่มสตาร์ทอัตโนมัติ (พัลซาร์จะมีมาให้ครบทุกรุ่น ยกเว้นตัวต่ำสุดของรุ่น 1.6L) เบาะคนขับปรับ 6 ทิศทางทุกโมเดล และเบาะด้านข้างคนขับของรุ่นพัลซาร์ปรับ 4 ทิศทาง
ระบบเครื่องเสียงและจอข้อมูลอเนกประสงค์ ทุกรุ่นมาพร้อมกับเครื่องเล่น CD/MP3 และมีช่องต่อ USB/AUX รองรับไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบัน ส่งเสียงอันสุนทรีผ่านลำโพง 4-6 ตัวแล้วแต่รุ่น(โฟกัส 9 ตัวในรุ่น 2.0L) โดยนิสสัน พัลซาร์ ยังติดตั้งจอสี LCD ขนาด 4.3 นิ้ว และ 5.8 นิ้วตามรุ่นเครื่องยนต์ ขณะที่ฟอร์ด โฟกัส รุ่น 2.0 ลิตร มากับจอ LCD ขนาด 4.2 นิ้ว และรุ่น 1.6 ลิตร ที่เป็นจออเนกประสงค์ 3.5 นิ้ว นอกจากนี้ฟอร์ด โฟกัส ยังมีความโดดเด่นที่ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC ที่ปัจจุบันกลายเป็นเทคโนโลยีที่ใส่เข้ามาในรถทุกรุ่นของฟอร์ด
เช่นเดียวกับระบบความปลอดภัย ฟอร์ด โฟกัส นำเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาใส่อย่างโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ ระยะเตือนเดินหน้าและถอยหลัง รวมถึงถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย ที่ล้วนติดตั้งมาในรุ่นท็อป 2.0 ลิตร แถมยังมีระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS พร้อมระบบช่วยออกตัว ในขณะออกเป็นทางลาดชัน HLA และควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว EPS ตลอดจนระบบเบรกอิเลกทรอนิกส์มาให้ทุกรุ่นของฟอร์ด โฟกัสด้วย
ส่วนระบบความปลอดภัยอื่นๆ อย่างเบรก ABS และถุงลมนิรภัยคู่หน้า เป็นอุปกรณ์พื้นฐานของรถทั้งสามโมเดลอยู่แล้ว และยังมีระบบกระจายแรงเบรก EBD สำหรับมาสด้า3 และนิสสัน พัลซาร์ ซึ่งรุ่นหลังยังมีระบบเสริมแรงเบรก BA มาให้ด้วย แต่มาสด้า3 ในรุ่น 2.0 ลิตร มีระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล รวมถึงระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว เช่นเดียวกับฟอร์ด โฟกัสด้วย
สำหรับระบบกันสะเทือนของรถทั้งสามรุ่น ด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังจะเป็นแบบมัลติลิงค์ โดยในรุ่นพัลซาร์จะเป็นแบบทอร์ชั่นบีม
คอมแพกต์คาร์แบบแฮทช์แบ็กทั้ง 3 โมเดล เนื่องจากนิสสัน พัลซาร์ มีจำนวน 5 รุ่นย่อยให้เลือก จึงเปิดราคาออกมาได้กว้างเริ่มตั้งแต่ 776,000 บาท และการที่วางเครื่องยนต์ตัวบนสุดเป็น 1.8 ลิตร ถือว่าเล็กกว่าคู่แข่งที่เป็นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร จึงกดราคาลงมาได้ต่ำกว่าล้าน หรือสูงสุดอยู่ที่ 976,000 บาท ขณะที่มาสด้ามีให้เลือกเครื่องยนต์ละรุ่น 869,000 และ 1,064,000 บาท ส่วนฟอร์ด โฟกัส มีให้เลือกเครื่องยนต์ละ 2 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้นที่ 809,000 - 1,079,000 บาท
หากเทียบกันช่วงราคารุ่น 1.6 ลิตร ราคาประมาณ 8.7 แสนบาท จะเป็นการชนกันของนิสสัน พัลซาร์ กับมาสด้า3 ถือว่าสูสีในเรื่องของออปชั่น แต่เครื่องยนต์และเกียร์พัลซาร์ค่อนข้างดูมีภาษีกว่า และหากประกบราคา 8.39 แสนบาท รวมถึงรุ่นราคาประมาณ 9.7แสนบาท ของรุ่นพัลซาร์และโฟกัส แน่นอนคงต้องยกให้กับฟอร์ด โฟกัสเด่นกว่า จะแพ้เพียงระบบนำทาง และหลังคาซันรูฟเท่านั้น
ทั้งนี้มองภาพรวมๆ จะเห็นว่า... มาสด้า3 มีการสร้างแบรนด์ไว้ดีใช้ได้ คงสามารถดึงลูกค้าที่เป็นแฟนพันธุ์แท้มาอยู่ในมือ แต่หากจะเอาเทคโนโลยีและความทันสมัย คงต้องมาดู ฟอร์ด โฟกัส เป็นหลัก ขณะที่กลางๆ ราคาและอุปกรณ์สมน้ำสมเนื้อ นิสสัน พัลซาร์ น่าจะเป็นคำตอบ? แต่ย้ำเช่นเดิมขอให้ลองขับทุกรุ่น ก่อนตัดสินใจซื้อทุกครั้ง…
ค่ายรถนิสสันในไทยเคยลุยตลาดเก๋งคอมแพ็กต์แฮทช์แบกมาก่อนแล้ว กับรถรุ่น “นิสสัน ทีด้า” เพียงแต่อาจจะไม่มีความชัดเจนมากนัก เพราะในสายตาของผู้บริโภคไทยมองว่า จะเป็นคอมแพกต์คาร์ก็ไม่ใช่ หรือซับคอมแพกต์ก็ไม่เชิง ที่สุดรถยนต์รุ่นดังกล่าวจึงยุติบทบาทไป และถูกแทนด้วย “นิสสัน พัลซาร์” (Nissan Pulsar) ในการทำตลาด เช่นเดียวกับ “นิสสัน ทีด้า ลาติโอ” หรือเวอร์ชั่นซีดาน ปัจจุบันจะมีรุ่น “ซิลฟี” (Sylphy) เข้ามาทำตลาดแทน
พูดถึงความสดใหม่ของรถกลุ่มนี้ในตลาด ไม่ถือว่าเสียเปรียบกันมากนัก แม้รุ่นพัลซาร์จะเพิ่งเปิดตัวสดๆ ร้อน แต่คู่แข่งอย่าง “ฟอร์ด โฟกัส” (Ford Focus”) เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไตรมาสสามของปีที่ผ่านมา ขณะที่ “มาสด้า3” เครื่องยนต์ 1.6ลิตร ถูกส่งบุกตลาดเมื่อเดือนพฤษภาคมของปีที่แล้วเช่นเดียวกัน(รุ่น 2.0ลิตร เปิดตัวไปปีก่อนหน้า) จึงถือว่าห่างกันไม่มากนัก และล้วนเป็นรุ่นโมเดลเชนจ์กันหมด
คอมแพกคาร์แบบแฮทช์แบ็กทั้ง 3 โมเดล ทำตลาดกับ 2 เครื่องยนต์เบนซินหลัก โดยยืนพื้นที่เครื่องยนต์ 1.6 ลิตรเหมือนกัน แต่ม้าที่เลี้ยงไว้ในคอกของฟอร์ด โฟกัส จะมากสุด 125 ตัว รองลงมาเป็นรุ่นพัลซาร์ 116 แรงม้า และน้อยสุดมาสด้า 3 มีเพียง 105 แรงม้าเท่านั้น และอีกรุ่นอาจจะแตกต่างกันไป ซึ่งนิสสัน พัลซาร์ เลือกเครื่องยนต์ MRA8DE ขนาด 1.8 ลิตร 131 แรงม้า ฟอร์ด โฟกัส วางเครื่องยนต์ Duratec 2.0 ลิตร Ti-VCT และแก็สโซลีนไดเร็คอินเจ็คชัน (GDI) ที่ให้กำลังสูงถึง 170 แรงม้า ขณะที่มาสด้า3 มากับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเช่นกัน แต่รีดแรงม้ามาได้เพียง 147 ตัวเท่านั้น (ดูรายละเอียดจากตารางประกอบ)
โดยระบบส่งกำลังของนิสสัน พัลซาร์ แน่นอนต้องเป็น XTRONIC CVT 5 จังหวะในทุกรุ่น และมาสด้า 3 จะเป็นอัตโนมัติ 4 จังหวะ ในรุ่น 1.6 ลิตร และอัตโนมัติ 5 จังหวะ สำหรับรุ่น 2.0 ลิตร ขณะที่ฟอร์ด โฟกัส ชัดเจนจะต้องมากับเกียร์อัตโนมัติ PowerShift 6 จังหวะอยู่แล้ว
การออกแบบรถทั้ง 3 โมเดล ดูเหมือนจะเน้นความสปอร์ตโฉมเฉี่ยวเหมือนกัน ซึ่งเรื่องรูปลักษณ์ตรงนี้คงอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล จึงขอข้ามเรื่องนี้ไปพูดถึงมิติตัวถังและน้ำหนักแทน(ดูตารางประกอบ) จากภาพรวมจะเห็นว่ามาสด้า3 ค่อนค้างจะมีตัวถังยาวกว่าเพื่อนชัดเจน แต่จะมีความกว้างและฐานล้อที่สั้นกว่าอีกสองรุ่น พื้นที่ห้องโดยสารดูโปร่งโล่งกว่า รวมถึงเรื่องของการทรงตัว ถึงอย่างนั้นมาสด้า3 มีความสูงที่เตี้ยมาช่วยให้เกิดความคล่องตัวและปราดเปรียว อย่างไรก็ตามมาสด้า3 ต้องแบกน้ำหนักถึง 1,265-1,345 กก.(แล้วแต่ละรุ่น) ส่วนนิสสัน พัลซาร์ มีน้ำหนักเพียง 1,206-1,257 กก. ขณะที่ฟอร์ด โฟกัส ไม่มีข้อมูลน้ำหนักรถรวมแต่อย่างใด
ไฟหน้าของทุกรุ่นในตัว 1.6 ลิตร จะเป็นแบบฮาโลเจนเหมือนกัน ขณะที่รุ่นท็อปของฟอร์ด โฟกัส เครื่องยนต์ 2.0 และมาสด้า3 จะเป็นแบบไบ-ซีนอน เช่นเดียวกับนิสสัน พัลซาร์ รุ่น 1.8 ลิตร ซึ่งทั้งโฟกัส(2.0L รุ่นท็อป)และพัลซาร์ ไฟหน้าปรับระดับอัตโนมัติด้วย ส่วนไฟท้ายของมาสด้า3 และโฟกัสรุ่นท็อปเป็นแบบแถบ LED โดยหลังคาเฉพาะรุ่นท็อปแต่ละโมเดลจะเป็นแบบซันรูฟ พร้อมกับมีสปอยเลอร์หลังด้านบนมาให้ครบทุกรุ่นของมาสด้า3 และฟอร์ด โฟกัส แต่ในพัลซาร์จะมีเฉพาะรุ่นท็อปของเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร และในเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรทุกรุ่น
ขนาดล้อของนิสสัน พัลซาร์ 1.6 ลิตร จะเป็นแบบอัลลอย 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 195/60R16 และรุ่น 1.8 ลิตร เป็นล้ออัลลอย 17 นิ้ว และยางขนาด 205/50R17 ขณะที่มาสด้า 3 และฟอร์ด โฟกัส แยกเป็นล้ออัลลอย 16 และ 17 นิ้วตามขนาดเครื่องยนต์เช่นเดียวกัน(โฟกัสรุ่นต่ำสุด 1.6L เป็นแบบกระทะเหล็ก) โดยมาสด้า3 จะมากับยางขนาด 205/55R16 และ 205/50R17 ส่วนรุ่นโฟกัสจะมากับยาง 205/60R16 และ215/50R17
ห้องโดยสารของรถทั้งสามรุ่น เน้นความสะดวกสบาย และกว้างขวาง แต่ก็ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ขณะเดียวกันอุปกรณ์ต่างๆ ที่นำมาให้เป็นอีกจุดขายที่สำคัญ จะเห็นว่าพวงมาลัยทุกรุ่นปรับระดับ 4 ทิศทาง และสามารถควบคุมจอข้อมูลบนพวงมาลัย รวมถึงเครื่องเสียงต่างๆ และระบบควมคุมความเร็วในรุ่นท็อปทุกโมเดล เช่นเดียวกับปุ่มสตาร์ทอัตโนมัติ (พัลซาร์จะมีมาให้ครบทุกรุ่น ยกเว้นตัวต่ำสุดของรุ่น 1.6L) เบาะคนขับปรับ 6 ทิศทางทุกโมเดล และเบาะด้านข้างคนขับของรุ่นพัลซาร์ปรับ 4 ทิศทาง
ระบบเครื่องเสียงและจอข้อมูลอเนกประสงค์ ทุกรุ่นมาพร้อมกับเครื่องเล่น CD/MP3 และมีช่องต่อ USB/AUX รองรับไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบัน ส่งเสียงอันสุนทรีผ่านลำโพง 4-6 ตัวแล้วแต่รุ่น(โฟกัส 9 ตัวในรุ่น 2.0L) โดยนิสสัน พัลซาร์ ยังติดตั้งจอสี LCD ขนาด 4.3 นิ้ว และ 5.8 นิ้วตามรุ่นเครื่องยนต์ ขณะที่ฟอร์ด โฟกัส รุ่น 2.0 ลิตร มากับจอ LCD ขนาด 4.2 นิ้ว และรุ่น 1.6 ลิตร ที่เป็นจออเนกประสงค์ 3.5 นิ้ว นอกจากนี้ฟอร์ด โฟกัส ยังมีความโดดเด่นที่ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC ที่ปัจจุบันกลายเป็นเทคโนโลยีที่ใส่เข้ามาในรถทุกรุ่นของฟอร์ด
เช่นเดียวกับระบบความปลอดภัย ฟอร์ด โฟกัส นำเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาใส่อย่างโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ ระยะเตือนเดินหน้าและถอยหลัง รวมถึงถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย ที่ล้วนติดตั้งมาในรุ่นท็อป 2.0 ลิตร แถมยังมีระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS พร้อมระบบช่วยออกตัว ในขณะออกเป็นทางลาดชัน HLA และควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว EPS ตลอดจนระบบเบรกอิเลกทรอนิกส์มาให้ทุกรุ่นของฟอร์ด โฟกัสด้วย
ส่วนระบบความปลอดภัยอื่นๆ อย่างเบรก ABS และถุงลมนิรภัยคู่หน้า เป็นอุปกรณ์พื้นฐานของรถทั้งสามโมเดลอยู่แล้ว และยังมีระบบกระจายแรงเบรก EBD สำหรับมาสด้า3 และนิสสัน พัลซาร์ ซึ่งรุ่นหลังยังมีระบบเสริมแรงเบรก BA มาให้ด้วย แต่มาสด้า3 ในรุ่น 2.0 ลิตร มีระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล รวมถึงระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว เช่นเดียวกับฟอร์ด โฟกัสด้วย
สำหรับระบบกันสะเทือนของรถทั้งสามรุ่น ด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังจะเป็นแบบมัลติลิงค์ โดยในรุ่นพัลซาร์จะเป็นแบบทอร์ชั่นบีม
คอมแพกต์คาร์แบบแฮทช์แบ็กทั้ง 3 โมเดล เนื่องจากนิสสัน พัลซาร์ มีจำนวน 5 รุ่นย่อยให้เลือก จึงเปิดราคาออกมาได้กว้างเริ่มตั้งแต่ 776,000 บาท และการที่วางเครื่องยนต์ตัวบนสุดเป็น 1.8 ลิตร ถือว่าเล็กกว่าคู่แข่งที่เป็นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร จึงกดราคาลงมาได้ต่ำกว่าล้าน หรือสูงสุดอยู่ที่ 976,000 บาท ขณะที่มาสด้ามีให้เลือกเครื่องยนต์ละรุ่น 869,000 และ 1,064,000 บาท ส่วนฟอร์ด โฟกัส มีให้เลือกเครื่องยนต์ละ 2 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้นที่ 809,000 - 1,079,000 บาท
หากเทียบกันช่วงราคารุ่น 1.6 ลิตร ราคาประมาณ 8.7 แสนบาท จะเป็นการชนกันของนิสสัน พัลซาร์ กับมาสด้า3 ถือว่าสูสีในเรื่องของออปชั่น แต่เครื่องยนต์และเกียร์พัลซาร์ค่อนข้างดูมีภาษีกว่า และหากประกบราคา 8.39 แสนบาท รวมถึงรุ่นราคาประมาณ 9.7แสนบาท ของรุ่นพัลซาร์และโฟกัส แน่นอนคงต้องยกให้กับฟอร์ด โฟกัสเด่นกว่า จะแพ้เพียงระบบนำทาง และหลังคาซันรูฟเท่านั้น
ทั้งนี้มองภาพรวมๆ จะเห็นว่า... มาสด้า3 มีการสร้างแบรนด์ไว้ดีใช้ได้ คงสามารถดึงลูกค้าที่เป็นแฟนพันธุ์แท้มาอยู่ในมือ แต่หากจะเอาเทคโนโลยีและความทันสมัย คงต้องมาดู ฟอร์ด โฟกัส เป็นหลัก ขณะที่กลางๆ ราคาและอุปกรณ์สมน้ำสมเนื้อ นิสสัน พัลซาร์ น่าจะเป็นคำตอบ? แต่ย้ำเช่นเดิมขอให้ลองขับทุกรุ่น ก่อนตัดสินใจซื้อทุกครั้ง…