เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกปีค่ายรถจะใช้เวทีงาน “มอเตอร์โชว์” เปิดตัวรถใหม่พร้อมกับขายรถไปในตัว โดยเฉพาะงานแสดงรถยนต์รายการใหญ่ประจำทุกต้นปีอย่าง งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2013 ที่ปีนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม - 7 เมษายนนี้ ณ อาคารชาลเลนเจอร์ เมืองทองธานี ส่วนงานใหญ่อีกงานจะจัดปลายปี “มอเตอร์ เอ็กซ์โป” เพียงว่าแต่ละปีอาจจะมีความแตกต่างกันไปตามกระแส หรือทิศทางของตลาดและการพัฒนารถยนต์…
งานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2013 ปีนี้ดูเหมือนอาจจะไม่โฟกัสไปที่รถประเภทใดประเภทหนึ่ง เพราะรถในกลุ่มหรือเซกเมนท์หลักๆ ได้มีการเปิดตัวโมเดลใหม่ไปพอสมควร อย่างกลุ่มอีโคคาร์ หรือปิกอัพ แต่ถึงอย่างนั้นภายในงานปีนี้ยังมีรถรุ่นใหม่ เปิดตัวหลากหลายรุ่นหลายประเภทกระจายกันไปอย่างคักคักทีเดียว
เริ่มตั้งแต่เก๋งเล็กที่ครั้งนี้แม้จะไม่มีอีโคคาร์ แต่นี่จะเป็นเวทีเผยโฉมครั้งแรกของ “โตโยต้า วีออส” โฉมใหม่ หลังจากเปิดราคาและรับจองภายใต้โครงการรถคันแรกก่อนสิ้นปีเพียงแค่เดือนเดียว โดยที่ไม่มีการเปิดตัวหรือเผยแพร่ภาพรูปลักษณ์ของวีออสใหม่ให้ลูกค้าที่จองได้เห็นแต่อย่างใด ดังนั้นงานมอเตอร์โชว์จึงเป็นเวทีแรกที่จะเปิดตัว โตโยต้า วีออส โฉมใหม่อย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลก
รถอเนกประสงค์เล็กน่าจับตา!
กลุ่มรถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก 7 ที่นั่ง เป็นเซกเมนต์ที่ไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งที่ผ่านมามีปริมาณตลาดหลักหมื่นคันต่อปี โดยมีโตโยต้า อแวนซ่า และฮอนด้า ฟรีด ขายอยู่ 2 เจ้า แต่เวทีครั้งนี้มีผู้เล่นหน้าใหม่โดดเข้ามาพร้อมๆ กัน คือ เชฟโรเลต สปิน, ซูซูกิ เออร์ติกา และ ฟอร์ด เอคโคสปอร์ต
“เชฟโรเลต สปิน” (Chevrolet Spin) ซึ่งคงได้เห็นรูปลักษณ์กันพอสมควร เพราะเชฟโรเลตได้มีการนำรถรุ่นนี้มาโชว์และประกาศชัดเจนจะทำตลาดในไทย โดยใช้ประเทศอินโดนีเซียเป็นฐานการผลิต เพียงแต่ยังไม่มีการเปิดตัวรายละเอียดเครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ ออกมา จนล่าสุดที่จะเปิดตัวขายเป็นทางการในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ ด้วยการวางเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 107 แรงม้า ส่งกำลังกับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ เปิดตัวขายรุ่นเดียวโดดๆ ที่ราคา 7.62 แสนบาท
ส่วนอีกรุ่นที่ถูกส่งออกมาท้าชน “ซูซูกิ เออร์ติกา” (Suzuki Ertiga) เป็นรถที่พัฒนาจากพื้นฐานตัวถังของอีโคคาร์รุ่นสวิฟท์ เพียงแต่ได้มีการขยายฐานล้อและปรับช่วงล่างให้เหมาะสมกับการเป็นรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง และจะมาทำตลาดแทนรุ่นเอ็มพีวี โดยเออร์ติกามากับเครื่องยนต์ 1.4 ลิตร 95 แรงม้า มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ราคา 5.54 แสนบาท และอีก 2 รุ่น เป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ราคาเริ่มที่ 6.39 แสนบาท และ 6.89 แสนบาท
ยังมีรถอเนกประสงค์เล็กที่น่าสนใจอีกรุ่น แต่เป็นแบบคอมแพกต์เอสยูวี (SUV) “ฟอร์ด เอคโคสปอร์ต” (Ford EcoSport) ซึ่งในตลาดไทยปัจจุบันนี่จะเป็นรุ่นแรก และเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในอาเซียน ถึงอย่างนั้นเกี่ยวกับเครื่องยนต์ “อีโคบูสต์” อันลือชื่อของฟอร์ดคงต้องรอต่อไป เพราะไม่มีการนำมาวางในเอคโคสปอร์ต สำหรับการทำตลาดครั้งแรกนี้แต่อย่างใด โดยเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร บล็อกเดียวกับในรุ่นเฟียสต้า เพียงแต่มีการปรับจูนใหม่ให้เหมาะสม กำลังสูงสุดอยู่ที่ 108 แรงม้า รถรุ่นนี้ทำการผลิตที่โรงงานแห่งใหม่ของฟอร์ดในไทย และเปิดตัวทำตลาดเพียงรุ่นเดียว
นอกจากนี้ยังมีรถเอสยูวีแบรนด์ใหม่ “เกรท วอลล์” (Great Wall) ซึ่งเป็นรถยนต์จากประเทศจีน โดยจะใช้เวทีนี้ในการเปิดตัวเป็นทางการ และตามรายงานข่าวจะประเดิมบุกตลาดไทยกับรุ่น Haval H6 ส่วนจะโดนใจแค่ไหนไปชมได้ในงาน
เก๋งคอมเพ็กต์-ขนาดกลางยังมีใหม่
ขยับมาที่ตลาดเก๋งคอมแพ็กต์ ไฮไลต์ของกลุ่มนี้เห็นจะเป็น “นิสสัน พัลซาร์” (Nissan Pulsar) คอมแพ็กต์แฮทช์แบ็ก หรือแบบ 5 ประตู ซึ่งมาทำตลาดแทนรุ่นทีด้า เพื่อชนกับมาสด้า 3 และฟอร์ด โฟกัส โดยเปิดตัวทำตลาด 2 ทางเลือก กับเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร 116 แรงม้า และรุ่น 1.8 ลิตร 131 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ XTRONIC CVT มีทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้นที่ 7.76- 9.76 แสนบาท
โดยเวทีมอเตอร์โชว์นิสสันยังมีรถโมเดลใหม่ เป็นรถตู้ “นิสสัน บิ๊ก เออแวน” (Big Urvan) เครื่องยนต์ดีเซล YD25DDTi ขนาด 2.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ 129 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ราคา 1.158 ล้านบาท และยังมีการแนะนำ นิสสัน มาร์ช ไมเนอร์เชนจ์ พร้อมราคาปรับเพิ่ม 8,000- 14,000 บาท
ส่วนผู้ชื่นชอบเก๋งคอมแพ็กต์แบบซีดาน และยังเป็นพลังงานทางเลือก เวทีนี้ยังมีรถรุ่นใหม่ “ฮอนด้า ซีวิค ไฮบริด” ที่ถูกส่งมาเสริมทัพรุ่นปกติ โดยมีให้เลือกรุ่น Hybrid ราคา 1.035 ล้านบาท และรุ่น Hybrid Navi ราคา 1.095 ล้านบาท แต่ที่เป็นไฮไลต์ของบูธฮอนด้าจริงๆ น่าจะเป็น “ฮอนด้า แอคคอร์ด” โฉมใหม่ ที่ปรับโฉมแบบโมเดลเชนจ์แล้ว ยังวางเครื่องยนต์เบนซินใหม่ 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC 2.4 ลิตร 174 แรงม้า เทคโนโลยีเอิร์ธ ดรีม (Earth Dreams) ที่ฮอนด้านำมาใช้รุ่นแรกในไทย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ และประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันสูงสุด
ขณะที่อีกรุ่นเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC 2.0 ลิตร 155 แรงม้า ทั้งนี้เครื่องยนต์ทั้งสองขนาดยังรองรับการใช้น้ำมัน E85 ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ มีทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ในราคาตั้งแต่ 1.299 - 1.799 ล้านบาท
แต่ถ้าชอบความแปลกใหม่ต้องมาดูบูธค่ายรถฮุนได ที่เปิดตัวทำตลาด “ฮุนได เวลอสเตอร์” (Hyundai Veloster) รถสปอร์ตรูปแบบประตู 2+1 (ประตู 2 บานด้านหน้า และพิเศษ 1 บานหลัง) วางเครื่องยนต์ DOHC 16V D-CVVT MPi 1.6 ลิตร 130 แรงม้า ราคา 1.299 ล้านบาท และในรุ่น Veloster Sport Turbo 1.6 ลิตร T-GDi 186 แรงม้า ราคา 1.739 ล้านบาท โดยทั้ง 2 รุ่นขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
เก๋งหรูมุ่งสู่สังเวียนรถไฮบริด
พูดถึงรถราคาเฉียดสองล้านบาทแล้ว ไปดูกลุ่มรถหรูกันเลยดีกว่า แน่นอนต้องโฟกัสที่รายใหญ่ “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ที่ครั้งนี้อาจจะไม่มีรถรุ่นโมเดลเชนจ์ แต่ได้มีการไมเนอร์เชนจ์ให้กับตัวธง “เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส” ซึ่งที่เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนเห็นจะเป็นแผงกระจังหน้าและโคมไฟคู่หน้าใหม่ และมาพร้อมกับรุ่นใหม่ E200 Executive เครื่องเบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ 180 แรงม้า
อย่างไรก็ตาม ไฮไลต์ของเวทีดวงดาวเห็นจะเป็นการเปิดตัวขาย “เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส ไฮบริด” ที่เป็นรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลไฮบริดรุ่นแรกในไทย ทำตลาด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น E 300 BlueTEC HYBRID Executive และรุ่น E 300 BlueTEC HYBRID AMG Dynamic เครื่องยนต์ดีเซล 2.1 ลิตร เทอร์โบคู่ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ 204 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองกว่า 23-24 กม./ลิตร
ขณะที่คู่แข่งสำคัญ “บีเอ็มดับเบิลยู” ยกทัพรถไฮบริดมาชนครบไลน์ผลิตภัณฑ์หลัก ไม่ว่าจะเป็น BMW ActiveHybrid 3 เครื่องยนต์เบนซิน TwinPower Turbo 6 สูบ 340 แรงม้า ราคาเริ่มต้นที่ 4.199 - 4.499 ล้านบาท และ BMW ActiveHybrid 5 เครื่องยนต์ TwinPower Turbo 6 สูบ 340 แรงม้า รุ่นปกติราคา 5,399,000 บาท และรุ่น BMW ActiveHybrid 5 M Sport ราคา 5,599,000 บาท สุดท้ายเป็นรุ่นใหญ่ BMW ActiveHybrid 7L เปิดราคา 8.299 - 8.999 ล้านบาท
ฝากค่ายรถหรูแดนปลาดิบ “เลกซัส” เดินหน้าท้าชนเช่นกัน เปิดตัว “Lexus IS300h” เครื่องยนต์ 2AR-FSE จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบ D-4S EFI ขนาด2.5 ลิตร DOHC 16วาล์ว VVT-i 181 แรงม้า ประสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า และให้กำลังรวมทั้งระบบเป็น 223 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT โดยราคา IS300h (Premium package) 3.49 ล้านบาท IS300h (Luxury package) 2.99 ล้านบาท และยังมีรุ่น IS250 F-Sport เครื่องยนต์ปกติรหัส 4GR-FSE ขนาด 2.5ลิตร V6 DOHC 24วาล์ว VVT-i 207 แรงม้า ประกบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ราคา 3.99 ล้านบาท
แต่ถ้าเบื่อแบรนด์หรูเหล่านี้ และขอเป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในปกติ ยังมี “วอลโว่ วี40” (Volvo V40)ใหม่ รถพรีเมียมแฮทช์แบค 5 ประตู เครื่องยนต์เบนซิน T5 แบบ 5 สูบ 2.0 ลิตร 213 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ มาพร้อมกับอุปกรณ์ปลอดภัยตามสไตล์เพียบ คาดราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือไม่ก็หันมามองรถซีดานจากฝรั่งเศส “เปอโยต์ 508” ที่ถูกใจคนชอบประหยัดน้ำมัน กับเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรเทอร์โบ 163 แรงม้า สนนราคาอยู่ที่ 2.499 ล้านบาท
***** ทาง เว็บ Motoring แจกบัตรสำหรับผู้ที่สนใจเข้าชมงาน "มอเตอร์โชว์" ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี หนึ่งท่านรับได้ 2 ใบ (บัตรมีจำนวนจำกัด) รับได้ที่หนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการ" ถนนพระอาทิตย์ ตั้งแต่ 8.30 น-17.30 น. เบอร์ติดต่อ 02-6294488
งานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2013 ปีนี้ดูเหมือนอาจจะไม่โฟกัสไปที่รถประเภทใดประเภทหนึ่ง เพราะรถในกลุ่มหรือเซกเมนท์หลักๆ ได้มีการเปิดตัวโมเดลใหม่ไปพอสมควร อย่างกลุ่มอีโคคาร์ หรือปิกอัพ แต่ถึงอย่างนั้นภายในงานปีนี้ยังมีรถรุ่นใหม่ เปิดตัวหลากหลายรุ่นหลายประเภทกระจายกันไปอย่างคักคักทีเดียว
เริ่มตั้งแต่เก๋งเล็กที่ครั้งนี้แม้จะไม่มีอีโคคาร์ แต่นี่จะเป็นเวทีเผยโฉมครั้งแรกของ “โตโยต้า วีออส” โฉมใหม่ หลังจากเปิดราคาและรับจองภายใต้โครงการรถคันแรกก่อนสิ้นปีเพียงแค่เดือนเดียว โดยที่ไม่มีการเปิดตัวหรือเผยแพร่ภาพรูปลักษณ์ของวีออสใหม่ให้ลูกค้าที่จองได้เห็นแต่อย่างใด ดังนั้นงานมอเตอร์โชว์จึงเป็นเวทีแรกที่จะเปิดตัว โตโยต้า วีออส โฉมใหม่อย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลก
รถอเนกประสงค์เล็กน่าจับตา!
กลุ่มรถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก 7 ที่นั่ง เป็นเซกเมนต์ที่ไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งที่ผ่านมามีปริมาณตลาดหลักหมื่นคันต่อปี โดยมีโตโยต้า อแวนซ่า และฮอนด้า ฟรีด ขายอยู่ 2 เจ้า แต่เวทีครั้งนี้มีผู้เล่นหน้าใหม่โดดเข้ามาพร้อมๆ กัน คือ เชฟโรเลต สปิน, ซูซูกิ เออร์ติกา และ ฟอร์ด เอคโคสปอร์ต
“เชฟโรเลต สปิน” (Chevrolet Spin) ซึ่งคงได้เห็นรูปลักษณ์กันพอสมควร เพราะเชฟโรเลตได้มีการนำรถรุ่นนี้มาโชว์และประกาศชัดเจนจะทำตลาดในไทย โดยใช้ประเทศอินโดนีเซียเป็นฐานการผลิต เพียงแต่ยังไม่มีการเปิดตัวรายละเอียดเครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ ออกมา จนล่าสุดที่จะเปิดตัวขายเป็นทางการในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ ด้วยการวางเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 107 แรงม้า ส่งกำลังกับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ เปิดตัวขายรุ่นเดียวโดดๆ ที่ราคา 7.62 แสนบาท
ส่วนอีกรุ่นที่ถูกส่งออกมาท้าชน “ซูซูกิ เออร์ติกา” (Suzuki Ertiga) เป็นรถที่พัฒนาจากพื้นฐานตัวถังของอีโคคาร์รุ่นสวิฟท์ เพียงแต่ได้มีการขยายฐานล้อและปรับช่วงล่างให้เหมาะสมกับการเป็นรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง และจะมาทำตลาดแทนรุ่นเอ็มพีวี โดยเออร์ติกามากับเครื่องยนต์ 1.4 ลิตร 95 แรงม้า มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ราคา 5.54 แสนบาท และอีก 2 รุ่น เป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ราคาเริ่มที่ 6.39 แสนบาท และ 6.89 แสนบาท
ยังมีรถอเนกประสงค์เล็กที่น่าสนใจอีกรุ่น แต่เป็นแบบคอมแพกต์เอสยูวี (SUV) “ฟอร์ด เอคโคสปอร์ต” (Ford EcoSport) ซึ่งในตลาดไทยปัจจุบันนี่จะเป็นรุ่นแรก และเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในอาเซียน ถึงอย่างนั้นเกี่ยวกับเครื่องยนต์ “อีโคบูสต์” อันลือชื่อของฟอร์ดคงต้องรอต่อไป เพราะไม่มีการนำมาวางในเอคโคสปอร์ต สำหรับการทำตลาดครั้งแรกนี้แต่อย่างใด โดยเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร บล็อกเดียวกับในรุ่นเฟียสต้า เพียงแต่มีการปรับจูนใหม่ให้เหมาะสม กำลังสูงสุดอยู่ที่ 108 แรงม้า รถรุ่นนี้ทำการผลิตที่โรงงานแห่งใหม่ของฟอร์ดในไทย และเปิดตัวทำตลาดเพียงรุ่นเดียว
นอกจากนี้ยังมีรถเอสยูวีแบรนด์ใหม่ “เกรท วอลล์” (Great Wall) ซึ่งเป็นรถยนต์จากประเทศจีน โดยจะใช้เวทีนี้ในการเปิดตัวเป็นทางการ และตามรายงานข่าวจะประเดิมบุกตลาดไทยกับรุ่น Haval H6 ส่วนจะโดนใจแค่ไหนไปชมได้ในงาน
เก๋งคอมเพ็กต์-ขนาดกลางยังมีใหม่
ขยับมาที่ตลาดเก๋งคอมแพ็กต์ ไฮไลต์ของกลุ่มนี้เห็นจะเป็น “นิสสัน พัลซาร์” (Nissan Pulsar) คอมแพ็กต์แฮทช์แบ็ก หรือแบบ 5 ประตู ซึ่งมาทำตลาดแทนรุ่นทีด้า เพื่อชนกับมาสด้า 3 และฟอร์ด โฟกัส โดยเปิดตัวทำตลาด 2 ทางเลือก กับเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร 116 แรงม้า และรุ่น 1.8 ลิตร 131 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ XTRONIC CVT มีทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้นที่ 7.76- 9.76 แสนบาท
โดยเวทีมอเตอร์โชว์นิสสันยังมีรถโมเดลใหม่ เป็นรถตู้ “นิสสัน บิ๊ก เออแวน” (Big Urvan) เครื่องยนต์ดีเซล YD25DDTi ขนาด 2.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ 129 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ราคา 1.158 ล้านบาท และยังมีการแนะนำ นิสสัน มาร์ช ไมเนอร์เชนจ์ พร้อมราคาปรับเพิ่ม 8,000- 14,000 บาท
ส่วนผู้ชื่นชอบเก๋งคอมแพ็กต์แบบซีดาน และยังเป็นพลังงานทางเลือก เวทีนี้ยังมีรถรุ่นใหม่ “ฮอนด้า ซีวิค ไฮบริด” ที่ถูกส่งมาเสริมทัพรุ่นปกติ โดยมีให้เลือกรุ่น Hybrid ราคา 1.035 ล้านบาท และรุ่น Hybrid Navi ราคา 1.095 ล้านบาท แต่ที่เป็นไฮไลต์ของบูธฮอนด้าจริงๆ น่าจะเป็น “ฮอนด้า แอคคอร์ด” โฉมใหม่ ที่ปรับโฉมแบบโมเดลเชนจ์แล้ว ยังวางเครื่องยนต์เบนซินใหม่ 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC 2.4 ลิตร 174 แรงม้า เทคโนโลยีเอิร์ธ ดรีม (Earth Dreams) ที่ฮอนด้านำมาใช้รุ่นแรกในไทย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ และประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันสูงสุด
ขณะที่อีกรุ่นเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC 2.0 ลิตร 155 แรงม้า ทั้งนี้เครื่องยนต์ทั้งสองขนาดยังรองรับการใช้น้ำมัน E85 ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ มีทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ในราคาตั้งแต่ 1.299 - 1.799 ล้านบาท
แต่ถ้าชอบความแปลกใหม่ต้องมาดูบูธค่ายรถฮุนได ที่เปิดตัวทำตลาด “ฮุนได เวลอสเตอร์” (Hyundai Veloster) รถสปอร์ตรูปแบบประตู 2+1 (ประตู 2 บานด้านหน้า และพิเศษ 1 บานหลัง) วางเครื่องยนต์ DOHC 16V D-CVVT MPi 1.6 ลิตร 130 แรงม้า ราคา 1.299 ล้านบาท และในรุ่น Veloster Sport Turbo 1.6 ลิตร T-GDi 186 แรงม้า ราคา 1.739 ล้านบาท โดยทั้ง 2 รุ่นขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
เก๋งหรูมุ่งสู่สังเวียนรถไฮบริด
พูดถึงรถราคาเฉียดสองล้านบาทแล้ว ไปดูกลุ่มรถหรูกันเลยดีกว่า แน่นอนต้องโฟกัสที่รายใหญ่ “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ที่ครั้งนี้อาจจะไม่มีรถรุ่นโมเดลเชนจ์ แต่ได้มีการไมเนอร์เชนจ์ให้กับตัวธง “เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส” ซึ่งที่เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนเห็นจะเป็นแผงกระจังหน้าและโคมไฟคู่หน้าใหม่ และมาพร้อมกับรุ่นใหม่ E200 Executive เครื่องเบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ 180 แรงม้า
อย่างไรก็ตาม ไฮไลต์ของเวทีดวงดาวเห็นจะเป็นการเปิดตัวขาย “เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส ไฮบริด” ที่เป็นรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลไฮบริดรุ่นแรกในไทย ทำตลาด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น E 300 BlueTEC HYBRID Executive และรุ่น E 300 BlueTEC HYBRID AMG Dynamic เครื่องยนต์ดีเซล 2.1 ลิตร เทอร์โบคู่ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ 204 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองกว่า 23-24 กม./ลิตร
ขณะที่คู่แข่งสำคัญ “บีเอ็มดับเบิลยู” ยกทัพรถไฮบริดมาชนครบไลน์ผลิตภัณฑ์หลัก ไม่ว่าจะเป็น BMW ActiveHybrid 3 เครื่องยนต์เบนซิน TwinPower Turbo 6 สูบ 340 แรงม้า ราคาเริ่มต้นที่ 4.199 - 4.499 ล้านบาท และ BMW ActiveHybrid 5 เครื่องยนต์ TwinPower Turbo 6 สูบ 340 แรงม้า รุ่นปกติราคา 5,399,000 บาท และรุ่น BMW ActiveHybrid 5 M Sport ราคา 5,599,000 บาท สุดท้ายเป็นรุ่นใหญ่ BMW ActiveHybrid 7L เปิดราคา 8.299 - 8.999 ล้านบาท
ฝากค่ายรถหรูแดนปลาดิบ “เลกซัส” เดินหน้าท้าชนเช่นกัน เปิดตัว “Lexus IS300h” เครื่องยนต์ 2AR-FSE จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบ D-4S EFI ขนาด2.5 ลิตร DOHC 16วาล์ว VVT-i 181 แรงม้า ประสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า และให้กำลังรวมทั้งระบบเป็น 223 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT โดยราคา IS300h (Premium package) 3.49 ล้านบาท IS300h (Luxury package) 2.99 ล้านบาท และยังมีรุ่น IS250 F-Sport เครื่องยนต์ปกติรหัส 4GR-FSE ขนาด 2.5ลิตร V6 DOHC 24วาล์ว VVT-i 207 แรงม้า ประกบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ราคา 3.99 ล้านบาท
แต่ถ้าเบื่อแบรนด์หรูเหล่านี้ และขอเป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในปกติ ยังมี “วอลโว่ วี40” (Volvo V40)ใหม่ รถพรีเมียมแฮทช์แบค 5 ประตู เครื่องยนต์เบนซิน T5 แบบ 5 สูบ 2.0 ลิตร 213 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ มาพร้อมกับอุปกรณ์ปลอดภัยตามสไตล์เพียบ คาดราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือไม่ก็หันมามองรถซีดานจากฝรั่งเศส “เปอโยต์ 508” ที่ถูกใจคนชอบประหยัดน้ำมัน กับเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรเทอร์โบ 163 แรงม้า สนนราคาอยู่ที่ 2.499 ล้านบาท
***** ทาง เว็บ Motoring แจกบัตรสำหรับผู้ที่สนใจเข้าชมงาน "มอเตอร์โชว์" ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี หนึ่งท่านรับได้ 2 ใบ (บัตรมีจำนวนจำกัด) รับได้ที่หนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการ" ถนนพระอาทิตย์ ตั้งแต่ 8.30 น-17.30 น. เบอร์ติดต่อ 02-6294488