xs
xsm
sm
md
lg

SUBARU XV สัมผัสแรกแบบ…กินลม...ชมวิว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประสบความสำเร็จทีเดียว กับการส่งครอสโอเวอร์ใหม่ “ซูบารุ เอ็กซ์วี” (SUBARU XV) สู่ตลาดไทย นับตั้งแต่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2012 จนถึงปัจจุบันมียอดจองมากกว่า 700 คัน เหนือความคาดหมายของ “อิมเมจ มอเตอร์” กลายเป็นตลาดที่มียอดขายสูงสุดในอาเซียน ไม่ใช่อินโดนีเซียตามคาด และตอนนี้รถที่ออกจากไลน์ผลิตประเทศมาเลเซีย เริ่มทยอยส่งมอบให้กับลูกค้าบางส่วนแล้ว พร้อมกับเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ลองขับด้วย…

ในการทดลองขับ ซูบารุ เอ็กซ์วี สื่อมวลชนไทยจะต้องเดินทางไปเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย สมทบกับเพื่อนสื่อมวลชนของอินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ รวมกันแล้วประมาณ 60 ชีวิตได้ เพื่อร่วมกิจกรรม “Motor Image Indonesia : SUBARU XV Road Trip”

โดยรูปแบบของการขับเป็นคาราวาน หรือ Road Trip เน้นกิน…ลม...ชมวิว ทำให้ไม่สามารถสัมผัสสมรรถนะของซูบารุ เอ็กซ์วี ได้เต็มที่นัก คงจะได้เพียงแค่ความรู้สึกสัมผัสแรกเท่านั้น ...

ซูบารุ เอ็กซ์วี เป็นรถอเนกประสงค์แบบครอสโอเวอร์ ที่คู่แข่งหลักในตลาดไทยตอนนี้ หากเทียบกันในกลุ่มเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรเหมือนกัน คงจะเป็น ฮอนด้า ซีอาร์-วี แต่เอ็กซ์วีค่อนข้างจะมีเพรียวบางกว่าเพื่อน ออกไปในแนวสปอร์ตมากกว่า ซึ่งนั้นคงมาจากการพัฒนาจากเก๋ง “ซูบารุ อิมเพรซา” หรือจะว่าไปเอ็กซ์วีคือ “รุ่นยกสูงของอิมเพรซา” นั่นเอง

จะเห็นว่ามิติตัวถังของเอ็กซ์วี ความยาว 4,450 มม. สูง 1,780 มม. และกว้าง 1,615 มม. ล้วนสั้นกว่าคู่แข่ง มีเพียงฐานล้อ 2,635 มม. ที่โดดเด่นยาวมากกว่า และมีน้ำหนักเบา 1,430 กก. (ซีอาร์-วี เริ่มที่ 1,485 กก.) ซึ่งจากมิติตัวถังและรูปลักษณ์ภายนอก ซูบารุยังคงเน้นความเป็นสปอร์ตในสายเลือดอยู่ แม้เอ็กซ์วีจะพัฒนาให้เป็นครอสโอเวอร์ก็ตาม ยิ่งเส้นสายโค้งเพรียวของตัวถังยืนยันได้ชัดเจน ผสานกับล้อแม็กลายใหม่ สีดำ/ปัดเงาโชว์ผิวโลหะ ทูโทน ขนาด 17 นิ้ว มาพร้อมยาง 225/55 จึงนับเป็นสปอร์ตครอสโอเวอร์ได้เต็มปากเต็มคำ พร้อมกับแอบดุดันนิดๆ ด้วยการเสริมขอบล้อหรือโอเวอร์เฟนเดอร์ และใส่แร็กหลังคามาให้แบบรถอเนกประสงค์เอสยูวีทั่วๆ ไป


ห้องโดยสารใช้หลักการออกแบบ ERGONOMIC COCKPIT CONTROLS ที่มีลักษณะเบาะคู่หน้าโอบกระชับ แต่นั่งได้อย่างนุ่มสบาย ในส่วนของเบาะหลังจะเป็นการยกสูง สามารถแยกพับได้ตามอัตราส่วน 60:40 แบนราบในระนาบเดียวกันกับพื้นห้องเก็บสัมภาระด้านท้าย ที่ได้รับการเพิ่มอัตราความจุเป็น 1,250 ลิตร ที่มาพร้อมกับแผ่นปิดห้องเก็บสัมภาระซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

หากวัดตามความรู้สึกแผงคอนโซลออกแบบค่อนข้างเรียบไปนิด เมื่อเทียบกับรูปลักษณ์ภายนอก ดูจะลดความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวไปมากทีเดียว โดยเอ็กซ์วีที่ทำตลาดในไทยมีเพียงรุ่นเดียว 2.0i Premium เคาะราคาที่ 1.35 ล้านบาท ซึ่งออปชันจัดมาเต็ม ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน ระบบการสื่อสารแบบไร้สาย ที่ใช้การเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ ONE–TOUCH

นอกจากนี้ยังมีระบบนำทางเนวิเกเตอร์ พร้อมเครื่องเล่น DVD ที่แสดงผลผ่านหน้าจอ MULTI–FUNCTION DISPLAY ที่มีขนาดจอระบบสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว มีช่องเสียบ USB/iPod USB/AUX พิเศษเพิ่มความบันเทิงให้กับผู้โดยสารตอนหลัง ด้วยการติดตั้งเครื่องเล่น DVD พร้อมฟังก์ชั่นบันเทิงเต็มรูปแบบทั้งสองด้าน และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ที่มีการติดตั้งระบบ ANTI–DUST FILTER สำหรับการดักและขจัดฝุ่นในห้องโดยสาร


ขุมกำลังของซูบารุ เอ็กซ์วี มากับเครื่องยนต์ BOXER 2.0 ลิตร เจเนอเรชั่นที่ใหม่ ระบบควบคุมวาล์วแบบแอคทีฟ (AVCS : ACTIVE VALVE CONTROL SYSTEM) ช่วยเพิ่มแรงบิดในขณะที่รอบเครื่องต่ำ ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 196 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT® พร้อมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา แบบ Symmetrical AWD เอกสิทธิ์เฉพาะของซูบารุ

อย่างที่บอกรูปแบบการขับเป็นขบวนคาราวานประมาณ 20 คัน โดยมีรถเจ้าหน้าที่ตำรวจนำและคอยอำนวยความสะดวกการจราจร เพราะเกาะบาหลีถนนเลนสวนค่อนข้างเล็ก และมีรถจักรยานยนต์เยอะมาก ซึ่งการเดินทางตลอดทั้งวัน จะขับแวะตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ ความเร็วจึงใช้อยู่ที่ประมาณ 60-80 กม./ชม.

ถึงอย่างนั้นการอยู่ท้ายขบวน บางช่วงจึงได้แอบลองเล่นนิดๆ โดยทิ้งระยะห่างขบวน หรือเมื่อรถท้องถิ่นแทรก ทำให้ได้ลองอัตราเร่งของเจ้าเอ็กซ์วี ซึ่งต้องบอกว่าตอบสนองทันใจ และกับความเร็วต้นที่จี๊ดจ๊าดทีเดียว โดยช่วงท้ายของทริปขบวนวิ่งบนถนนสี่เลน ระยะสั้นๆ ประมาณ 20 กม. จึงได้ลองใช้ความเร็ว 100-120 กม./ชม. ความเร็วต้นไม่มีปัญหา แต่ช่วงรอบกลางๆ ลดความหวือหวาไปนิด การทำงานของเกียร์ CVT ไหลเนียนนุ่มใช้ได้ อาจจะทำให้คนที่เคยเล่นซูบารุมาก่อนแปลกๆ ไปบ้าง แต่ซูบารุได้มีเกียร์แบบ Paddle Shift ที่พวงมาลัย ให้ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์เอง ช่วยเพิ่มความสนุกได้พอสมควร

พวงมาลัยแม่นยำน้ำหนักกำลังดี กับบุคลิกสปอร์ตเช่นนี้ แต่หากใครที่ชอบแบบฮอนด้า อาจจะรู้สึกหนักไป เช่นเดียวกับเบรกทำงานได้สัมพันธ์ตามน้ำหนักเท้าพอดี ไม่ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาด และอีกสิ่งที่ยังคงความเป็นซูบารุ เห็นจะเป็นช่วงล่างที่ระบบกันสะเทือนด้านหน้า แบบแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังใช้ระบบปีกนกอิสระ 2 ชั้น พร้อมเหล็กกันโคลง จากกลยุทธ์เดิมได้ลองแอบสาดโค้งที่มีมากมาย ถือว่าหนึบยึดเกาะถนนดี และบังคับควบคุมได้ง่าย แน่นอนสิ่งเหล่านี้ส่วนหนึ่งมาจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบตลอดเวลาด้วย

การลองขับจบลงที่ระยะทางประมาณ 150 กม. สลับกันขับสองคน น้ำมันวูบเลยขีดแรกไป ทั้งนี้ตามที่ซูบารุแจ้งไว้อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 7.9 ลิตร ต่อ 100 กม. หรือ 12.7 กม./ลิตร นับว่าใช้ได้กับระบบขับเคลื่อนแบบตลอดเวลาเช่นนี้ และรถรุ่นนี้ยังสามารถรองรับน้ำมัน E20

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการขับแบบ...กินลม...ชมวิว... มีบางจังหวะที่ลองแอบเล่น จึงเป็นการสัมผัสจากความรู้สึกเพียงนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น แต่ก็พอทำให้รถรุ่นนี้ขึ้นมาอยู่ในใจบ้างแล้ว หากเทียบกับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรด้วยกัน ยังไงเอาไว้มีการจัดทดสอบเต็มรูปแบบในไทย แล้วค่อยมาว่ากันละเอียดอีกที...





กำลังโหลดความคิดเห็น