ข่าวในประเทศ - “บีเอ็มดับเบิลยู” ประเดิมบุกตลาดปีงูเล็ก ยกทัพรถหรูไฮบริด 8 รุ่น ครบไลน์ผลิตภัณฑ์หลัก BMW ActiveHybrid 3/5/7L มาพร้อมประสิทธิภาพแห่งการประหยัด แต่คงไว้ด้วยขุมกำลังอันเต็มเปี่ยม ของเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ เพียงรุ่นเล็กสุดยังรีดแรงม้าได้ 340 ตัว เปิดราคาเริ่มต้นที่ 4.199 ล้านบาท ไปจนถึงสูงสุด 8.999 ล้านบาท
นายแมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2555 ที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้จารึกประวัติศาสตร์ใหม่อีกครั้ง ด้วยการทำสถิติยอดขายเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 44% สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ โดยมียอดขายรวมอยู่ที่ 6,114 คัน (เฉพาะมินิ 501 คัน)นับเป็นความสำเร็จอย่างสูงสุดถึงสองปีติดต่อกัน และยังเป็นสถิติยอดขายที่เพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อเทียบกับบีเอ็มดับเบิลยูในประเทศอื่นๆทั่วโลก
“ในปีนี้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย คาดว่าจะมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้วางแผนที่จะนำเสนอนวัตกรรมทางยานยนต์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้รถยนต์ที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและเทคโนโลยี โดยยังคงไว้ซึ่งความประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม และรักษาต้นทุนค่าใช้จ่ายสำหรับการเป็นเจ้าของที่คุ้มค่า และเราพร้อมแล้วที่จะนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ BMW ActiveHybrid ที่มีให้เลือกถึง 8 รุ่น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวไทยได้เป็นอย่างดี”
สำหรับรถยนต์ไฮบริดที่แนะนำสู่ตลาดไทย จะทำให้บีเอ็มดับเบิลยูสามารถรักษาความเป็นผู้นำ ในเชิงผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีอีกครั้ง โดยรถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ที่แนะนำสู่ตลาดไทย มาครบไลน์ผลิตภัณฑ์หลัก ไม่ว่าจะเป็น BMW ActiveHybrid 3/5/7L และมีให้เลือกมากถึง 8 รุ่นย่อยด้วยกัน ซึ่งทุกรุ่นมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ที่ได้รับรางวัล “Engine of the year” ถึง 2 ปีซ้อน
โดยรุ่นแรก BMW ActiveHybrid 3 จัดเป็นรถยนต์ full hybrid รุ่นแรกของโลกในกลุ่มของรถสปอร์ตคอมแพ็คซีดานระดับหรู ซึ่งเทคโนโลยีไฮบริดของบีเอ็มดับเบิลยู มาพร้อมประสิทธิภาพแห่งการประหยัด แต่คงไว้ซึ่งขุมกำลังอันเต็มเปี่ยม ที่ประกอบไปด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า, เครื่องยนต์เบนซิน BMW TwinPower Turbo 6 สูบ, และแบตเตอร์รี่ลิเทียม-ไอออนประสิทธิภาพสูง ให้พละกำลังแห่งการขับเคลื่อนถึง 340 แรงม้าโดยรวมทั้งหมดและมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.3 วินาที สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลถึง 4 กิโลเมตร ด้วยความเร็วที่ต่ำกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมงพื้นที่เก็บสัมภาระด้วยท้ายถูกออกแบบมา เพื่อเก็บแบตเตอรรี่ลิเทียมไอออนไว้อย่างมิดชิด
ราคาจำหน่ายของ BMW ActiveHybrid 3 เริ่มต้นที่ 4,199,000 บาท ตามด้วยรุ่น M กับ BMW ActiveHybrid 3 M Sport ราคา 4,399,000 บาท และรุ่น ActiveHybrid 3 M Sport ราคา 4,499,000 บาท ที่พร้อมล้ออัลลอยขนาด 19” และช่วงล่าง M แบบปรับตั้งได้
ต่อมาเป็น BMW ActiveHybrid 5 มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย เริ่มกับรุ่นปกติราคา 5,399,000 บาท และรุ่น BMW ActiveHybrid 5 M Sport ราคา 5,599,000 บาท ซึ่งในรุ่นนี้จะเปี่ยมด้วยความสมดุลย์ของขุมกำลังที่ 340 แรงม้า และระดับการปล่อย CO2 เพียง 149 กรัม/กม. โดยสามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลถึง 4 กิโลเมตร ด้วยความเร็วที่ต่ำกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง Coasting mode ตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ ได้จนถึงขีดความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. ระบบบริหารการใช้พลังงานอย่างชาญฉลาด intelligent energy management และ E-boost function ช่วยเพิ่มอัตราการเร่งได้อย่างคล่องตัว
สำหรับรุ่นสูงสุด BMW ActiveHybrid 7 L สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลถึง 4 กิโลเมตร ด้วยความเร็วที่ต่ำกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง มอเตอร์ไฟฟ้าสั่งงานฟังก์ชั่น Boost เมื่อต้องการพลังงานสำหรับการออกตัว หรือเมื่อต้องการเร่งแซง ซึ่งสามารถให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 5.7 วินาที ระบบชาร์จไฟแบตเตอรี่แบบอัตโนมัติ (Brake Energy Regeneration), ระบบ Hybrid Start/Stop และโหมดการขับขี่แบบ ECO PRO ช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 14.7 กิโลเมตร/ลิตร (ระดับการปล่อย CO2 เพียง 158 กรัม/กิโลเมตร) โดยBMW ActiveHybrid 7 L รุ่นต่ำสุดเปิดราคาที่ 8,299,000 บาท ต่อด้วย BMW ActiveHybrid 7 L M Sport ในราคา 8,899,000 บาท และBMW ActiveHybrid 7 L Highline ราคา 8,999,000 บาท
นอกจากนี้ยังรุ่นเครื่องยนต์ BMW 7 Series LCI ไฟหน้าแบบ LED แบบปรับอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่ยามค่ำคืนโดยไม่รบกวนสายตาของผู้ขับขี่รถยนต์คันอื่น ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้อย่างดีเยี่ยม หน้าจอแสดงผลขนาด 10.25 นิ้ว เพื่อแสดงผลในการขับขี่ด้วยโหมดต่างๆที่เลือกได้ รวมทั้ง ECO PRO โดยมีให้เลือก 2 รุ่น เริ่มจาก BMW 730Li ราคา 7,299,000 และBMW 730Ld ราคา 7,599,000 พร้อมกันนี้ยังประกาศราคาขายอย่างเป็นทางการของ BMW 320d Touring M Sport โดยไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ 4,099,000 บาท
นายพฟาลซ์เปิดเผยว่า นอกจากรถรุ่นใหม่แนะนำสู่ตลาดแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยยังคงมุ่งมั่นตามแผนแม่บท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาความพึงพอใจของลูกค้า และเพิ่มศักยภาพในด้านราคาขายต่อรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูให้ดียิ่งขึ้นไป โดยยังคงมุ่งมั่นเพื่อทำให้ได้มากกว่าคาดหมายของลูกค้าของเราต่อไป
นายคริสเตียน วิดมานน์ กรรมการผู้จัดการ บีเอ็มดับเบิลยูไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส ประเทศไทย เปิดเผยว่า บีเอ็มดับเบิลยูไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส ได้เฉลิมฉลองวาระครบรอบ 10 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา ด้วยการสร้างสถิติยอดสัญญาเช่าซื้อในปี 2555 ที่เติบโตขึ้นอย่างมั่นคงถึง 25% สำหรับกลุ่มลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ ความสำเร็จดังกล่าวนี้ เป็นผลมาจากผลิตภัณฑ์ที่สามารถปรับให้เหมาะสมกับลูกค้าได้สูงสุด การให้บริการที่ดีเยี่ยม และการมุ่งมั่นเพื่อตอบสนองความต้องการของทั้งลูกค้าและผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ ทั้งในด้านการเสาะหาลูกค้าใหม่ๆพร้อมๆกับการรักษาฐานลูกค้าปัจจุบันของเราอย่างดีที่สุด
นายแมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2555 ที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้จารึกประวัติศาสตร์ใหม่อีกครั้ง ด้วยการทำสถิติยอดขายเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 44% สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ โดยมียอดขายรวมอยู่ที่ 6,114 คัน (เฉพาะมินิ 501 คัน)นับเป็นความสำเร็จอย่างสูงสุดถึงสองปีติดต่อกัน และยังเป็นสถิติยอดขายที่เพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อเทียบกับบีเอ็มดับเบิลยูในประเทศอื่นๆทั่วโลก
“ในปีนี้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย คาดว่าจะมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้วางแผนที่จะนำเสนอนวัตกรรมทางยานยนต์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้รถยนต์ที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและเทคโนโลยี โดยยังคงไว้ซึ่งความประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม และรักษาต้นทุนค่าใช้จ่ายสำหรับการเป็นเจ้าของที่คุ้มค่า และเราพร้อมแล้วที่จะนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ BMW ActiveHybrid ที่มีให้เลือกถึง 8 รุ่น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวไทยได้เป็นอย่างดี”
สำหรับรถยนต์ไฮบริดที่แนะนำสู่ตลาดไทย จะทำให้บีเอ็มดับเบิลยูสามารถรักษาความเป็นผู้นำ ในเชิงผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีอีกครั้ง โดยรถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ที่แนะนำสู่ตลาดไทย มาครบไลน์ผลิตภัณฑ์หลัก ไม่ว่าจะเป็น BMW ActiveHybrid 3/5/7L และมีให้เลือกมากถึง 8 รุ่นย่อยด้วยกัน ซึ่งทุกรุ่นมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ที่ได้รับรางวัล “Engine of the year” ถึง 2 ปีซ้อน
โดยรุ่นแรก BMW ActiveHybrid 3 จัดเป็นรถยนต์ full hybrid รุ่นแรกของโลกในกลุ่มของรถสปอร์ตคอมแพ็คซีดานระดับหรู ซึ่งเทคโนโลยีไฮบริดของบีเอ็มดับเบิลยู มาพร้อมประสิทธิภาพแห่งการประหยัด แต่คงไว้ซึ่งขุมกำลังอันเต็มเปี่ยม ที่ประกอบไปด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า, เครื่องยนต์เบนซิน BMW TwinPower Turbo 6 สูบ, และแบตเตอร์รี่ลิเทียม-ไอออนประสิทธิภาพสูง ให้พละกำลังแห่งการขับเคลื่อนถึง 340 แรงม้าโดยรวมทั้งหมดและมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.3 วินาที สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลถึง 4 กิโลเมตร ด้วยความเร็วที่ต่ำกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมงพื้นที่เก็บสัมภาระด้วยท้ายถูกออกแบบมา เพื่อเก็บแบตเตอรรี่ลิเทียมไอออนไว้อย่างมิดชิด
ราคาจำหน่ายของ BMW ActiveHybrid 3 เริ่มต้นที่ 4,199,000 บาท ตามด้วยรุ่น M กับ BMW ActiveHybrid 3 M Sport ราคา 4,399,000 บาท และรุ่น ActiveHybrid 3 M Sport ราคา 4,499,000 บาท ที่พร้อมล้ออัลลอยขนาด 19” และช่วงล่าง M แบบปรับตั้งได้
ต่อมาเป็น BMW ActiveHybrid 5 มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย เริ่มกับรุ่นปกติราคา 5,399,000 บาท และรุ่น BMW ActiveHybrid 5 M Sport ราคา 5,599,000 บาท ซึ่งในรุ่นนี้จะเปี่ยมด้วยความสมดุลย์ของขุมกำลังที่ 340 แรงม้า และระดับการปล่อย CO2 เพียง 149 กรัม/กม. โดยสามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลถึง 4 กิโลเมตร ด้วยความเร็วที่ต่ำกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง Coasting mode ตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ ได้จนถึงขีดความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. ระบบบริหารการใช้พลังงานอย่างชาญฉลาด intelligent energy management และ E-boost function ช่วยเพิ่มอัตราการเร่งได้อย่างคล่องตัว
สำหรับรุ่นสูงสุด BMW ActiveHybrid 7 L สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลถึง 4 กิโลเมตร ด้วยความเร็วที่ต่ำกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง มอเตอร์ไฟฟ้าสั่งงานฟังก์ชั่น Boost เมื่อต้องการพลังงานสำหรับการออกตัว หรือเมื่อต้องการเร่งแซง ซึ่งสามารถให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 5.7 วินาที ระบบชาร์จไฟแบตเตอรี่แบบอัตโนมัติ (Brake Energy Regeneration), ระบบ Hybrid Start/Stop และโหมดการขับขี่แบบ ECO PRO ช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 14.7 กิโลเมตร/ลิตร (ระดับการปล่อย CO2 เพียง 158 กรัม/กิโลเมตร) โดยBMW ActiveHybrid 7 L รุ่นต่ำสุดเปิดราคาที่ 8,299,000 บาท ต่อด้วย BMW ActiveHybrid 7 L M Sport ในราคา 8,899,000 บาท และBMW ActiveHybrid 7 L Highline ราคา 8,999,000 บาท
นอกจากนี้ยังรุ่นเครื่องยนต์ BMW 7 Series LCI ไฟหน้าแบบ LED แบบปรับอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่ยามค่ำคืนโดยไม่รบกวนสายตาของผู้ขับขี่รถยนต์คันอื่น ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้อย่างดีเยี่ยม หน้าจอแสดงผลขนาด 10.25 นิ้ว เพื่อแสดงผลในการขับขี่ด้วยโหมดต่างๆที่เลือกได้ รวมทั้ง ECO PRO โดยมีให้เลือก 2 รุ่น เริ่มจาก BMW 730Li ราคา 7,299,000 และBMW 730Ld ราคา 7,599,000 พร้อมกันนี้ยังประกาศราคาขายอย่างเป็นทางการของ BMW 320d Touring M Sport โดยไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ 4,099,000 บาท
นายพฟาลซ์เปิดเผยว่า นอกจากรถรุ่นใหม่แนะนำสู่ตลาดแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยยังคงมุ่งมั่นตามแผนแม่บท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาความพึงพอใจของลูกค้า และเพิ่มศักยภาพในด้านราคาขายต่อรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูให้ดียิ่งขึ้นไป โดยยังคงมุ่งมั่นเพื่อทำให้ได้มากกว่าคาดหมายของลูกค้าของเราต่อไป
นายคริสเตียน วิดมานน์ กรรมการผู้จัดการ บีเอ็มดับเบิลยูไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส ประเทศไทย เปิดเผยว่า บีเอ็มดับเบิลยูไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส ได้เฉลิมฉลองวาระครบรอบ 10 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา ด้วยการสร้างสถิติยอดสัญญาเช่าซื้อในปี 2555 ที่เติบโตขึ้นอย่างมั่นคงถึง 25% สำหรับกลุ่มลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ ความสำเร็จดังกล่าวนี้ เป็นผลมาจากผลิตภัณฑ์ที่สามารถปรับให้เหมาะสมกับลูกค้าได้สูงสุด การให้บริการที่ดีเยี่ยม และการมุ่งมั่นเพื่อตอบสนองความต้องการของทั้งลูกค้าและผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ ทั้งในด้านการเสาะหาลูกค้าใหม่ๆพร้อมๆกับการรักษาฐานลูกค้าปัจจุบันของเราอย่างดีที่สุด
