ตลาดรถไทยปีนี้ทำสถิติเป็นประวัติการณ์ คาดว่าจะพุ่งทะลุ 1.4 ล้านคัน โดยเฉพาะจากโครงการรถคันแรก ที่มียอดค้างส่งมอบไปถึงปีหน้า จนหลายฝ่ายเป็นห่วงจะทำให้รถล้นถนน ก่อปัญหาวิกฤตการจราจรในอนาคต และการเพิ่มขึ้นของรถยนต์นี้ดูจะเป็นไปทั่วโลก ทำให้แม้แต่บริษัทรถที่ได้รับประโยชน์โดยตรง ยังแสดงความเป็นห่วง เห็นได้จากการบรรยายพิเศษในไทยของ “บิล ฟอร์ด” ประธานบริหารฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ในหัวข้ออนาคตของการเดินทางในเมืองใหญ่ (Urban Mobility) และได้เปิดโอกาสสื่อมวลชนไทย สัมภาษณ์ถึงทิศทางเทคโนโลยีรถยนต์ที่จะเข้ามาลดปัญหาด้วย…
สรุปอนาคตการเดินทางในเมืองใหญ่
ปัจจุบันมีรถอยู่บนท้องถนนทั่วโลกกว่า 1,000 ล้านคัน และผู้เชี่ยวชาญคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวในปี 2020 จากจำนวนประชากรที่มากขึ้นเรื่อยๆ โดยภายในปี 2050 ปริมาณรถยนต์จะเพิ่มเป็น 4,000 ล้านคัน ส่งผลทำให้เกิดการจราจรติดขัดทั่วโลก และเป็นปัญหาไม่จบสิ้น ทำให้เสียเวลา สิ้นเปลืองพลังงาน และทรัพยากรโลก ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะเกิดมากสุดในเมืองใหญ่ อย่างกรุงเทพที่จะเห็นได้อย่างเด่นชัด จากการขยายตัวของประชากรและเศรษฐกิจ โดยไทยมีการเติบโตของตลาดรถยนต์อย่างมาก และฟอร์ดเชื่อว่าในสิ้นปีนี้จะมีการขายรถ 1.4 ล้านคัน นับเป็นตัวเลขเกิน 1 ล้านคันครั้งแรกในประวัติศาสตร์
อย่างไรก็ตาม จากจำนวนยานพาหนะที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกนี้ เพื่อให้ปัญาลดน้อยลงและเกิดระบบการขนส่งที่ดี ในอนาคตจะมีการพัฒนาให้เกิดการเชื่อมต่อระบบขนส่ง ที่เป็นการเชื่อมต่ออัจฉริยะระหว่างการเดินทางในรูปแบบต่างๆ และระบบสาธารณูปโภคเข้าไว้ด้วยกัน
การพัฒนาเทคโนโลยีรถรับปัญหาต่างๆ
อุตสาหกรรมยานยนต์มีการพัฒนาเจริญก้าวหน้าอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการลดมลพิษและอัตราสิ้นเปลืองพลังงาน รวมถึงสามารถนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ใหม่ ซึ่งฟอร์ดได้มีการพัฒนาในสิ่งเหล่านี้ และล่าสุดเพิ่งได้มีการแนะนำรถยนต์ไฟฟ้าในจีน ถึงอย่างนั้นแต่ละภูมิภาคหรือประเทศ ย่อมมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง การที่จะนำเทคโนโลยีอะไรไปใช้ก็ต้องดูความเหมาะสม
แม้แต่ละภูมิภาคหรือประเทศจะมีความแตกต่าง แต่ฟอร์ดจะพยายามนำเทคโนโลยีหรือสิ่งที่ดีมาให้ผู้บริโภคได้ใช้มากที่สุด ดังจะเห็นได้จากการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาให้กับลูกค้าชาวไทย อย่างเทคโนโลยี SYNC ที่นำมาติดตั้งในรถยนต์ฟอร์ดหลายรุ่น หรือในส่วนของรถไฟฟ้าก็มีความสนใจที่จะนำให้ผู้บริโภคชาวไทย แต่ก็ต้องพิจารณาเรื่องของแหล่งพลังงานไฟฟ้าที่เพียงพอ และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่จะรองรับ เช่นสถานที่ชาร์จไฟ หรือการสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อให้ประชาชนสามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย เพราะรถยนต์ไฟฟ้ามีราคาที่สูงอยู่มาก
ทิศทางเทคโนโลยีนำสู่ตลาดต่อไป
สิ่งสำคัญที่ฟอร์ดมุ่งเน้นเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยี จะเป็นเรื่องของความปลอดภัย ความสนุกสนานและความบันเทิงในการขับขี่ ตลอดจนความสะดวกสบายของผู้ใช้รถ ซึ่งฟอร์ดยืนยันจะมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาติดตั้งในรถยนต์ทุกรุ่นของฟอร์ด โดยจะมีการคัดเลือกเทคโนโลยีดีที่สุดมาใส่ไว้ในรถที่ราคาประหยัด แต่เหนือกว่ารถยนต์อื่นๆ ในประเภทเดียวกัน และได้เห็นบ้างแล้วในรถฟอร์ดรุ่นใหม่ๆ ที่เปิดออกมา
สำหรับในไทยจะมีการเปิดตัวรถใหม่ 8 รุ่น ภายในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งที่แนะนำสู่ตลาดไปแล้ว เป็นปิกอัพฟอร์ด เรนเจอร์ และรถยนต์นั่งฟอร์ด โฟกัส โดยสิ่งที่จะบอกได้ต่อไป “ฟอร์ด เอคโคสปอร์ต” (Ford EchoSport) เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็กโมเดลใหม่ ที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีและเหมาะสมกับการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่อย่างมาก
เทคโนโลยีความปลอดภัยอัตโนมัติ
แน่นอนทิศทางของระบบความปลอดภัยจะต้องไปในทิศทางนั้น ซึ่งฟอร์ดก็มีการพัฒนาเช่นเดียวกับยี่ห้ออื่นๆ ล่าสุดได้มีการนำมาใช้บางส่วนแล้ว อย่างฟอร์ด โฟกัส โฉมใหม่ ที่มีระบบตรวจจับรถในจุดบอด และยังมีระบบช่วยเบรกอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ รวมถึงระบบจอดรถอัตโนมัติ
อีโคบูสท์ยังไม่มาไทยช้าไปหรือไม่?
เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก แม้ปัจจุบันจะยังไม่มีในไทย แต่เราเชื่อว่ายังไม่ช้าเกินไปแน่นอน
การที่จะทำให้ผู้บริโภคใช้รถฟอร์ด
รถที่มีคุณภาพ เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เป็นสิ่งที่ลูกค้าทั่วโลกต้อง และฟอร์ดมองว่าการสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญอีกอย่าง ไม่ว่าจะเทคโนโลยี หรือความสนุกสนานและความบันเทิงในการขับขี่ จะทำให้ช่วยดึงดูดลูกค้าให้ใช้รถยนต์ฟอร์ดเป็นครั้งแรกมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องพัฒนาบริการหลังการขายที่มีคุณภาพด้วย
สรุปอนาคตการเดินทางในเมืองใหญ่
ปัจจุบันมีรถอยู่บนท้องถนนทั่วโลกกว่า 1,000 ล้านคัน และผู้เชี่ยวชาญคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวในปี 2020 จากจำนวนประชากรที่มากขึ้นเรื่อยๆ โดยภายในปี 2050 ปริมาณรถยนต์จะเพิ่มเป็น 4,000 ล้านคัน ส่งผลทำให้เกิดการจราจรติดขัดทั่วโลก และเป็นปัญหาไม่จบสิ้น ทำให้เสียเวลา สิ้นเปลืองพลังงาน และทรัพยากรโลก ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะเกิดมากสุดในเมืองใหญ่ อย่างกรุงเทพที่จะเห็นได้อย่างเด่นชัด จากการขยายตัวของประชากรและเศรษฐกิจ โดยไทยมีการเติบโตของตลาดรถยนต์อย่างมาก และฟอร์ดเชื่อว่าในสิ้นปีนี้จะมีการขายรถ 1.4 ล้านคัน นับเป็นตัวเลขเกิน 1 ล้านคันครั้งแรกในประวัติศาสตร์
อย่างไรก็ตาม จากจำนวนยานพาหนะที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกนี้ เพื่อให้ปัญาลดน้อยลงและเกิดระบบการขนส่งที่ดี ในอนาคตจะมีการพัฒนาให้เกิดการเชื่อมต่อระบบขนส่ง ที่เป็นการเชื่อมต่ออัจฉริยะระหว่างการเดินทางในรูปแบบต่างๆ และระบบสาธารณูปโภคเข้าไว้ด้วยกัน
การพัฒนาเทคโนโลยีรถรับปัญหาต่างๆ
อุตสาหกรรมยานยนต์มีการพัฒนาเจริญก้าวหน้าอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการลดมลพิษและอัตราสิ้นเปลืองพลังงาน รวมถึงสามารถนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ใหม่ ซึ่งฟอร์ดได้มีการพัฒนาในสิ่งเหล่านี้ และล่าสุดเพิ่งได้มีการแนะนำรถยนต์ไฟฟ้าในจีน ถึงอย่างนั้นแต่ละภูมิภาคหรือประเทศ ย่อมมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง การที่จะนำเทคโนโลยีอะไรไปใช้ก็ต้องดูความเหมาะสม
แม้แต่ละภูมิภาคหรือประเทศจะมีความแตกต่าง แต่ฟอร์ดจะพยายามนำเทคโนโลยีหรือสิ่งที่ดีมาให้ผู้บริโภคได้ใช้มากที่สุด ดังจะเห็นได้จากการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาให้กับลูกค้าชาวไทย อย่างเทคโนโลยี SYNC ที่นำมาติดตั้งในรถยนต์ฟอร์ดหลายรุ่น หรือในส่วนของรถไฟฟ้าก็มีความสนใจที่จะนำให้ผู้บริโภคชาวไทย แต่ก็ต้องพิจารณาเรื่องของแหล่งพลังงานไฟฟ้าที่เพียงพอ และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่จะรองรับ เช่นสถานที่ชาร์จไฟ หรือการสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อให้ประชาชนสามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย เพราะรถยนต์ไฟฟ้ามีราคาที่สูงอยู่มาก
ทิศทางเทคโนโลยีนำสู่ตลาดต่อไป
สิ่งสำคัญที่ฟอร์ดมุ่งเน้นเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยี จะเป็นเรื่องของความปลอดภัย ความสนุกสนานและความบันเทิงในการขับขี่ ตลอดจนความสะดวกสบายของผู้ใช้รถ ซึ่งฟอร์ดยืนยันจะมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาติดตั้งในรถยนต์ทุกรุ่นของฟอร์ด โดยจะมีการคัดเลือกเทคโนโลยีดีที่สุดมาใส่ไว้ในรถที่ราคาประหยัด แต่เหนือกว่ารถยนต์อื่นๆ ในประเภทเดียวกัน และได้เห็นบ้างแล้วในรถฟอร์ดรุ่นใหม่ๆ ที่เปิดออกมา
สำหรับในไทยจะมีการเปิดตัวรถใหม่ 8 รุ่น ภายในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งที่แนะนำสู่ตลาดไปแล้ว เป็นปิกอัพฟอร์ด เรนเจอร์ และรถยนต์นั่งฟอร์ด โฟกัส โดยสิ่งที่จะบอกได้ต่อไป “ฟอร์ด เอคโคสปอร์ต” (Ford EchoSport) เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็กโมเดลใหม่ ที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีและเหมาะสมกับการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่อย่างมาก
เทคโนโลยีความปลอดภัยอัตโนมัติ
แน่นอนทิศทางของระบบความปลอดภัยจะต้องไปในทิศทางนั้น ซึ่งฟอร์ดก็มีการพัฒนาเช่นเดียวกับยี่ห้ออื่นๆ ล่าสุดได้มีการนำมาใช้บางส่วนแล้ว อย่างฟอร์ด โฟกัส โฉมใหม่ ที่มีระบบตรวจจับรถในจุดบอด และยังมีระบบช่วยเบรกอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ รวมถึงระบบจอดรถอัตโนมัติ
อีโคบูสท์ยังไม่มาไทยช้าไปหรือไม่?
เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก แม้ปัจจุบันจะยังไม่มีในไทย แต่เราเชื่อว่ายังไม่ช้าเกินไปแน่นอน
การที่จะทำให้ผู้บริโภคใช้รถฟอร์ด
รถที่มีคุณภาพ เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เป็นสิ่งที่ลูกค้าทั่วโลกต้อง และฟอร์ดมองว่าการสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญอีกอย่าง ไม่ว่าจะเทคโนโลยี หรือความสนุกสนานและความบันเทิงในการขับขี่ จะทำให้ช่วยดึงดูดลูกค้าให้ใช้รถยนต์ฟอร์ดเป็นครั้งแรกมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องพัฒนาบริการหลังการขายที่มีคุณภาพด้วย