ข่าวในประเทศ-ไฮ-คูล คาดนโยบายการคืนภาษีรถยนต์คันแรกของรัฐบาล ดันมูลค่าตลาดฟิล์มกรองแสงฯ โดยรวมปีนี้สูงถึง 2 พันล้านบาท มากกว่าปีก่อนอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท พร้อมเผยผลธุรกิจโตตามเป้าปิดยอดทะลุ 5 แสนคัน กวาดส่วนแบ่ง 30% ลั่นปีหน้าทุ่มงบการตลาดเพิ่มหวังขึ้นเบอร์หนึ่งกินแชร์ 35%
นางสาวชลิฏา วณิชชากรพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงไฮ-คูล(Hi-Kool) และซูเปอร์ ไฮ-คูล (Super Hi-Kool) เปิดเผยว่า มูลค่าตลาดฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์โดยรวมปีนี้สูงถึง 2 พันล้านบาท เพิ่มมากขึ้น 300 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2554 มีมูลค่าโดยรวมอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท โดยเป็นผลมาจากนโยบายการคืนภาษีรถยนต์คันแรกของรัฐบาล และจากเหตุการณ์อุทกภัยเมื่อปีที่แล้ว
“สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปี 2555 มียอดติดตั้งฟิล์มกรองแสง 5 แสนคัน คิดเป็นส่วนแบ่ง 30% จากมูลค่าตลาดโดยรวมทั้งหมด โดยมีอัตราการเติบโต 39% เมื่อเทียบจากปี 2554 ที่มียอดติดตั้งฟิล์มกรองแสง 3.8 แสนคัน”
ขณะที่การร่วมออกบูธในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2012 ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปนั้น พบว่าปริมาณยอดจองรถยนต์ภายในงานทำลายสถิติที่ผ่านมา ในขณะที่ยอดจำหน่ายฟิล์มติดรถยนต์ไฮ-คูล ก็ประสบความสำเร็จด้วยยอดจองภายในงานถึง 600 คัน ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
“เราอยู่ในตลาดมานานถึง 30 ปี ดีลเลอร์และร้านค้าต่างให้การยอมรับในคุณภาพของฟิล์มไฮ-คูลที่สามารถกันความร้อนได้สูงถึง 84% ซึ่งมากกว่าฟิล์มทั่วๆ ไปในตลาดซึ่งมีราคาสูง ขณะเดียวกันเราได้นำฟิล์มกรองแสง Super Hi-Kool รุ่น Black Pearl ซึ่งเป็นฟิล์มโทนดำ สะท้อนด้านเดียว เข้ามาทำตลาด เนื่องจากเป็นเทรนด์ใหม่ของตลาดที่ต้องการให้รถดูหรูหราขึ้น ซึ่งพบว่าก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีเช่นกัน”
สำหรับทิศทางในปี 2556 นั้น บริษัทวางเป้าหมายยอดขายฟิล์มติดรถยนต์ในปีหน้าไว้ที่ 5.75 แสนคัน หรือคิดเป็น 15% เทียบกับยอดติดตั้งปีนี้ รวมถึงจะเพิ่มงบการตลาดจากเดิมอยู่ที่ 40 ล้านบาท เพิ่มเป็น 50 ล้านบาท เพื่อทำกิจกรรมการตลาดร่วมกับคู่ค้าไม่ว่าจะเป็นดีลเลอร์และร้านประดับยนต์ให้มากขึ้น โดยเฉพาะการส่งช่างติดตั้งฟิล์มติดรถยนต์ไปฝึกพนักงานยังร้านค้า ให้มีทักษะและความชำนาญในการติดตั้ง เพื่อรองรับจำนวนรถยนต์ที่จะเริ่มทยอยส่งมอบให้กับลูกค้าที่จองไว้จากงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ซึ่งมีหลายหมื่นคัน และหวังเป็นผู้นำในตลาดหรือมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 35%
นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นทำกิจกรรม CSR อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน อาทิ การพัฒนาปรับปรุงโรงเรียนให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมถึงการขยายขอบเขตการพัฒนาช่างฝีมือแรงงาน ในการติดตั้งฟิล์มติดรถยนต์ จากปีนีที่เน้นฝึกอบรมทหารก่อนปลดประจำการซึ่งเป็นโครงการที่ทำอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยปีหน้าจะขยายไปยังกลุ่มบุคคลทั่วไป เพื่อเพิ่มจำนวนช่างที่ปัจจุบันยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดรถยนต์ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น
นางสาวชลิฏา วณิชชากรพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงไฮ-คูล(Hi-Kool) และซูเปอร์ ไฮ-คูล (Super Hi-Kool) เปิดเผยว่า มูลค่าตลาดฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์โดยรวมปีนี้สูงถึง 2 พันล้านบาท เพิ่มมากขึ้น 300 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2554 มีมูลค่าโดยรวมอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท โดยเป็นผลมาจากนโยบายการคืนภาษีรถยนต์คันแรกของรัฐบาล และจากเหตุการณ์อุทกภัยเมื่อปีที่แล้ว
“สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปี 2555 มียอดติดตั้งฟิล์มกรองแสง 5 แสนคัน คิดเป็นส่วนแบ่ง 30% จากมูลค่าตลาดโดยรวมทั้งหมด โดยมีอัตราการเติบโต 39% เมื่อเทียบจากปี 2554 ที่มียอดติดตั้งฟิล์มกรองแสง 3.8 แสนคัน”
ขณะที่การร่วมออกบูธในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2012 ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปนั้น พบว่าปริมาณยอดจองรถยนต์ภายในงานทำลายสถิติที่ผ่านมา ในขณะที่ยอดจำหน่ายฟิล์มติดรถยนต์ไฮ-คูล ก็ประสบความสำเร็จด้วยยอดจองภายในงานถึง 600 คัน ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
“เราอยู่ในตลาดมานานถึง 30 ปี ดีลเลอร์และร้านค้าต่างให้การยอมรับในคุณภาพของฟิล์มไฮ-คูลที่สามารถกันความร้อนได้สูงถึง 84% ซึ่งมากกว่าฟิล์มทั่วๆ ไปในตลาดซึ่งมีราคาสูง ขณะเดียวกันเราได้นำฟิล์มกรองแสง Super Hi-Kool รุ่น Black Pearl ซึ่งเป็นฟิล์มโทนดำ สะท้อนด้านเดียว เข้ามาทำตลาด เนื่องจากเป็นเทรนด์ใหม่ของตลาดที่ต้องการให้รถดูหรูหราขึ้น ซึ่งพบว่าก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีเช่นกัน”
สำหรับทิศทางในปี 2556 นั้น บริษัทวางเป้าหมายยอดขายฟิล์มติดรถยนต์ในปีหน้าไว้ที่ 5.75 แสนคัน หรือคิดเป็น 15% เทียบกับยอดติดตั้งปีนี้ รวมถึงจะเพิ่มงบการตลาดจากเดิมอยู่ที่ 40 ล้านบาท เพิ่มเป็น 50 ล้านบาท เพื่อทำกิจกรรมการตลาดร่วมกับคู่ค้าไม่ว่าจะเป็นดีลเลอร์และร้านประดับยนต์ให้มากขึ้น โดยเฉพาะการส่งช่างติดตั้งฟิล์มติดรถยนต์ไปฝึกพนักงานยังร้านค้า ให้มีทักษะและความชำนาญในการติดตั้ง เพื่อรองรับจำนวนรถยนต์ที่จะเริ่มทยอยส่งมอบให้กับลูกค้าที่จองไว้จากงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ซึ่งมีหลายหมื่นคัน และหวังเป็นผู้นำในตลาดหรือมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 35%
นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นทำกิจกรรม CSR อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน อาทิ การพัฒนาปรับปรุงโรงเรียนให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมถึงการขยายขอบเขตการพัฒนาช่างฝีมือแรงงาน ในการติดตั้งฟิล์มติดรถยนต์ จากปีนีที่เน้นฝึกอบรมทหารก่อนปลดประจำการซึ่งเป็นโครงการที่ทำอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยปีหน้าจะขยายไปยังกลุ่มบุคคลทั่วไป เพื่อเพิ่มจำนวนช่างที่ปัจจุบันยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดรถยนต์ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น