xs
xsm
sm
md
lg

Hi-Kool ทุ่ม 20 ล้าน รับยอดทะลุ 5 แสนคัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


Hi-Kool รุกตลาดฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์เต็มสูบ ผลพวงจากเหตุการณ์น้ำท่วมและนโยบายรถยนต์คันแรกของรัฐบาล ส่งผลตลาดรถยนต์เติบโตแบบก้าวกระโดด ตลาดฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์จึงได้รับอานิสงค์ตามไปด้วย โดยเฉพาะ Hi-Kool คาดว่าปีนี้จะมียอดติดตั้งทะลุ 5 แสนคัน พร้อมอัดงบประมาณกว่า 20 ล้านบาท เปิดแคมเปญ “เย็น คุ้ม ทน” เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคใช้สินค้าคุณภาพดี ในราคาที่คุ้มค่า

ชลิฏา วณิชชากรพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสง Hi-Kool เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์มหาอุทกภัยเมื่อปลายปี 2554 และนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนรถยนต์คันแรก รวมถึงการส่งรถยนต์อีโค่ คาร์ ออกสู่ตลาดของค่ายรถยนต์ต่างๆ ส่งผลให้ในปีนี้ตลาดรถยนต์มีการเติบโตกว่า 30% ตามที่ค่ายรถยนต์ต่างๆได้ประเมินไว้ ซึ่งส่งผลดีต่อตลาดฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์เช่นเดียวกันที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นกว่า 20-25% เมื่อเทียบจากปีก่อน ซึ่งในส่วนของฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ Hi-Kool ก็เติบโตขึ้นเช่นกัน โดย 3 ไตรมาศแรกของปีนี้ Hi-Kool ได้ให้บริการติดตั้งฟิล์มกรองแสงแก่ผู้ใช้รถยนต์ไปแล้วกว่า 3 แสนคัน มียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 30 % ในช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว ส่วนในปีนี้คาดว่ายอดตั้งตั้งฟิล์มกรองแสงน่าจะมีถึงกว่า 5 แสนคัน

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะใช้นโยบายการตลาดเชิงรุก ด้วยการทุ่มงบประมาณกว่า 20 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ปรับภาพลักษณ์ใหม่ ด้วยแคมเปญ “เย็น คุ้ม ทน” ผ่านภาพยนตร์โฆษณาในชื่อเดียวกัน เพื่อตอกย้ำให้ผู้บริโภคได้เห็นคุณลักษณะเด่นของฟิล์มกรองแสง Hi-Kool ที่ เย็น คุ้ม ทน ซึ่งตีความหมายได้ว่า ฟิล์มกรองแสง Hi-Kool สามารถกันความร้อนได้สูงสุดถึง 84% มากกว่าฟิล์มทั่ว ๆ ไปในตลาดซึ่งมีราคาสูงกว่า นอกจากนี้ฟิล์มกรองแสง Hi-Kool ยังนำเข้าจากอเมริกา, มีความทนทาน รับประกันนานถึง 7 ปีเต็ม และมีสีให้เลือกมากที่สุด ผ่านตัวแทนจำหน่ายกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ

“ในภาพยนต์โฆษณา ทางบริษัทฯ ได้สอดแทรกความรู้เรื่องฟิล์มกรองแสง ซึ่งถือว่าเป็นฟิล์มยี่ห้อแรกที่ให้ความรู้ผู้บริโภคอย่างแท้จริงถึงชั้นต่าง ๆ (Layers) ของฟิล์มกรองแสง และการทำงานของฟิล์มกรองแสงในการกันความร้อน และรังสียูวี ผ่าน CG ที่เราพิถีพิถันสร้างขึ้นเป็นพิเศษ และในหนังโฆษณา ยังได้นำเสนอศูนย์ติดฟิล์มกรองแสงมาตรฐาน Hi-Kool Pro-Shop ซึ่งขณะนี้ได้เปิดให้บริการแล้ว ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯกว่า 10 แห่ง เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า และให้ความรู้เรื่องฟิล์มกรองแสงอย่างถูกต้องแก่ลูกค้า”

ชลิฏา กล่าวอีกว่า บริษัทฯยังเน้นทำกิจกรรมการตลาดร่วมกับดีลเลอร์ ร้านประดับยนต์ รวมทั้งผู้ใช้รถยนต์ โดยการให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกใช้ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ที่มีคุณภาพ ในราคายุติธรรม รวมทั้งแนะนำฟิล์มกรองแสงที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ใช้รถยนต์ ได้แก่ ฟิล์ม Super Hi-Kool รุ่น Black Pearl Series ฟิล์มหรูระดับพรีเมี่ยม เนื้อฟิล์มกึ่งนิรภัย หนา 2 มิว ผลิตจากวัตถุดิบที่ถูกคัดสรรค์มาอย่างดี เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเมื่อติดฟิล์มแล้วรถของลูกค้าจะดูหรูหราขึ้น แต่ยังคงทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยมในการขับขี่

นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้จัดโครงการฝึกอบรมพลหารกองประจำการ ภายใต้ชื่อ “โครงการฝึกอบรมวิชาชีพสำหรับพลทหารกองประจำการก่อนปลดประจำการ” โดยได้จัดอบรมให้ความรู้พื้นฐานเรื่องฟิล์มกรองแสง, วิธีการผลิต, ชนิดของฟิล์มต่างๆ และการทำงานของฟิล์มกรองแสง รวมไปถึง เทคนิคและวิธีการติดตั้งฟิล์มกรองแสงรุ่นต่างๆ เนื่องจากเห็นว่าจำนวนช่างติดฟิล์มยังขาดแคลนในตลาดอีกมาก โดยเฉพาะช่างที่มีฝีมือดี แต่ทั้งนี้การติดตั้งฟิล์มจะต้องอาศัยเทคนิค, เวลาในการเรียนรู้ และความชำนาญ ซึ่งทางบริษัทฯ มีนโยบายที่จะสนับสนุนการฝึกอบรมพลททหารเหล่านี้ให้มีความรู้ความสามารถเรื่องการติดตั้งฟิล์มกรองแสงให้เป็นมืออาชีพ เมื่อพวกเขาปลดประจำการไปก็จะได้มีอาชีพรองรับ โดยทั่วไปช่างติดตั้งฟิล์มกรองแสงมีค่าจ้างโดยเฉลี่ยประมาณ 20,000 บาท หากฝีมือดีก็จะได้ค่าจ้างที่สูงขึ้นอีก ถือเป็นอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ที่ดีให้กับครอบครัวด้วย นอกจากนี้ การฝึกอบรมยังถือว่าเป็นการเพิ่มบุคลากรช่างติดฟิล์มในอนาคตให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับตลาดฟิล์มกรองแสง ซึ่งโตขึ้นทุกปี ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าตลาดกว่า 1,700 ล้านบาทเลยทีเดียว
กำลังโหลดความคิดเห็น