กระบี่ - ชาวกระบี่ ยังสงวนท่าที มอบเรือพระทองคืนให้ชาวพังงา เผยทำโครงการมานานถึง 3 ปี กว่าจะได้รับมอบ แต่ถูกจังหวัดพังงาอ้างสิทธิ พร้อมให้นายกรัฐมนตรีเซ็นหนังสือระงับคำสั่งมอบเรือพระทอง เชื่อชาวจังหวัดพังงาได้ไปก็ไม่น่าภูมิใจ
วันนี้ (26 พ.ย.) นายพรเทพ สีบุญเรือง ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ด้านนโยบายและแผนการพัฒนาจังหวัดกระบี่ ในฐานะผู้ประสานงานโครงการจัดสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเลจังหวัดกระบี่ กล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจาคืนเรือพระทองให้จังหวัดพังงา หลังจากที่นายกฤษ ศรีฟ้า เลขานุการฯ รมว.วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี นายธำรงค์ เจริญกุล ผวจ.พังงา นายมานิต เพียรทอง นายอำเภอคุระบุรี และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้เรียกคืนเรือพระทองจากจังหวัดกระบี่ โดยให้นายกรัฐมนตรี เซ็นหนังสือระงับคำสั่งมอบเรือพระทอง ซึ่งเป็นเรือที่ปลดประจำการแล้วให้แก่จังหวัดกระบี่ตามโครงการจัดสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเลของ จ.กระบี่
และเมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา นายกฤษ ได้เรียกประชุมชาวบ้านเพื่อสอบถามความคิดเห็นชาวบ้าน พร้อมระบุว่า ชาวพังงาต้องการนำเรือพระทองมาทำเป็นแนวปะการังเทียม และแหล่งดำน้ำ ที่จังหวัดพังงา โดยให้เหตุผลว่าเรือรบหลวง “พระทอง” เป็นชื่อเดียวกับเกาะพระทอง อ.คุระบุรี จ.พังงา ควรนำกลับมาไว้ที่ จ.พังงา เพื่อเป็นความภาคภูมิใจของจังหวัดพังงา
นายพรเทพ กล่าวว่า ชาวจังหวัดกระบี่ไม่เคยคิดแย่งเรือรบหลวงพระทอง จากชาวพังงา แต่จังหวัดกระบี่ได้ทำโครงการฯ มาตั้งแต่ปี 2553 โดยขอเรือรบหลวงจากกองทัพเรือที่ได้ปลดประจำการฯ จำนวน 4 ลำ ประกอบด้วย เรือรบหลวงโกลัม เรือรบหลวงตะลิบง เรือรบหลวงราวี และเรือรบหลวงพระทอง และที่สำคัญ เรือพระทองเป็นเรือที่ทางกองทัพเรือมอบให้แทนเรือช้าง เนื่องจากเรือช้างทางจังหวัดตราดได้ขอไป ซึ่งทางจังหวัดกระบี่ได้ทำขอไปตามโครงการฯ ไม่ได้ไปแย่งของจังหวัดพังงาแต่อย่างใด และอยู่ๆ ทางนายกฤษ บอกว่า จะทวงคืนเรือรบหลวงพระทอง จากชาวจังหวัดกระบี่ ซึ่งสร้างความแปลกใจให้ชาวกระบี่เป็นอย่างมาก
นายพรเทพ ได้กล่าวอีกว่า การที่นายกฤษ และคณะได้บอกว่า เรือพระทองเป็นของชาวจังหวัดพังงา จึงต้องนำกลับมาตุภูมิ เป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะเรือพระทองไม่ได้เป็นของจังหวัดพังงา เพียงแต่ทางกองทัพเรือใช้ชื่อตรงกับเกาะพระทองเท่านั้น และการที่ทางนายกรัฐมนตรีเซ็นคำสั่งระงับมอบเรือพระทองให้ชาวจังหวัดกระบี่ เหมือนกับว่า นายกฤษ ซึ่งเป็นคนของรัฐบาล ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรี บีบบังคับข้าราชการไม่ให้มอบเรือให้ชาวกระบี่ เหมือนกับว่าใช้อำนาจในทางมิชอบ
“แต่อย่างไรก็ตาม ชาวจังหวัดกระบี่ก็ไม่ถือสา หากว่านายกฤษไม่ไช้อำนาจของรัฐบาลบังคับข้าราชการ เพียงแต่เข้ามาพูดคุยกันแบบพี่น้องก็เชื่อว่าชาวกระบี่ไม่ขัดข้อง เพราะก่อนหน้านี้ จังหวัดตราด และจันทบุรีได้ขอเรือที่ทางกองทัพเรือมอบให้จังหวัดกระบี่ ซึ่งมีชื่อเหมือนกับจังหวัดดังกล่าว ซึ่งจังหวัดกระบี่ก็คืนให้ไม่เห็นต้องใช้อำนาจรัฐกดดันแต่อย่างใด”
นายพรเทพ กล่าวด้วยว่า ถึงแม้ว่าชาวจังหวัดพังงาได้เรือพระทองไปก็เชื่อว่าไม่มีความภาคภูมิใจอย่างแน่นอน เพราะได้มาจากอำนาจรัฐที่ไม่ชอบ และจากการประชุมร่วมกัน ทั้งระหว่างตัวแทนของจังหวัดพังงา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และตัวแทนจังหวัดกระบี่ ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา ก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้ว่าเรือพระทองจะไปอยู่ที่จังหวัดใด เพราะจังหวัดกระบี่ได้ทำโครงการมา 3 ปี แต่พังงาเพิ่งตื่นตกใจอยากได้เรือพระทอง เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งก็ขอให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตัดสินใจเองเพราะชาวกระบี่เป็นเพียงผู้ทำโครงการขอไปเท่านั้น
วันนี้ (26 พ.ย.) นายพรเทพ สีบุญเรือง ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ด้านนโยบายและแผนการพัฒนาจังหวัดกระบี่ ในฐานะผู้ประสานงานโครงการจัดสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเลจังหวัดกระบี่ กล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจาคืนเรือพระทองให้จังหวัดพังงา หลังจากที่นายกฤษ ศรีฟ้า เลขานุการฯ รมว.วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี นายธำรงค์ เจริญกุล ผวจ.พังงา นายมานิต เพียรทอง นายอำเภอคุระบุรี และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้เรียกคืนเรือพระทองจากจังหวัดกระบี่ โดยให้นายกรัฐมนตรี เซ็นหนังสือระงับคำสั่งมอบเรือพระทอง ซึ่งเป็นเรือที่ปลดประจำการแล้วให้แก่จังหวัดกระบี่ตามโครงการจัดสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเลของ จ.กระบี่
และเมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา นายกฤษ ได้เรียกประชุมชาวบ้านเพื่อสอบถามความคิดเห็นชาวบ้าน พร้อมระบุว่า ชาวพังงาต้องการนำเรือพระทองมาทำเป็นแนวปะการังเทียม และแหล่งดำน้ำ ที่จังหวัดพังงา โดยให้เหตุผลว่าเรือรบหลวง “พระทอง” เป็นชื่อเดียวกับเกาะพระทอง อ.คุระบุรี จ.พังงา ควรนำกลับมาไว้ที่ จ.พังงา เพื่อเป็นความภาคภูมิใจของจังหวัดพังงา
นายพรเทพ กล่าวว่า ชาวจังหวัดกระบี่ไม่เคยคิดแย่งเรือรบหลวงพระทอง จากชาวพังงา แต่จังหวัดกระบี่ได้ทำโครงการฯ มาตั้งแต่ปี 2553 โดยขอเรือรบหลวงจากกองทัพเรือที่ได้ปลดประจำการฯ จำนวน 4 ลำ ประกอบด้วย เรือรบหลวงโกลัม เรือรบหลวงตะลิบง เรือรบหลวงราวี และเรือรบหลวงพระทอง และที่สำคัญ เรือพระทองเป็นเรือที่ทางกองทัพเรือมอบให้แทนเรือช้าง เนื่องจากเรือช้างทางจังหวัดตราดได้ขอไป ซึ่งทางจังหวัดกระบี่ได้ทำขอไปตามโครงการฯ ไม่ได้ไปแย่งของจังหวัดพังงาแต่อย่างใด และอยู่ๆ ทางนายกฤษ บอกว่า จะทวงคืนเรือรบหลวงพระทอง จากชาวจังหวัดกระบี่ ซึ่งสร้างความแปลกใจให้ชาวกระบี่เป็นอย่างมาก
นายพรเทพ ได้กล่าวอีกว่า การที่นายกฤษ และคณะได้บอกว่า เรือพระทองเป็นของชาวจังหวัดพังงา จึงต้องนำกลับมาตุภูมิ เป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะเรือพระทองไม่ได้เป็นของจังหวัดพังงา เพียงแต่ทางกองทัพเรือใช้ชื่อตรงกับเกาะพระทองเท่านั้น และการที่ทางนายกรัฐมนตรีเซ็นคำสั่งระงับมอบเรือพระทองให้ชาวจังหวัดกระบี่ เหมือนกับว่า นายกฤษ ซึ่งเป็นคนของรัฐบาล ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรี บีบบังคับข้าราชการไม่ให้มอบเรือให้ชาวกระบี่ เหมือนกับว่าใช้อำนาจในทางมิชอบ
“แต่อย่างไรก็ตาม ชาวจังหวัดกระบี่ก็ไม่ถือสา หากว่านายกฤษไม่ไช้อำนาจของรัฐบาลบังคับข้าราชการ เพียงแต่เข้ามาพูดคุยกันแบบพี่น้องก็เชื่อว่าชาวกระบี่ไม่ขัดข้อง เพราะก่อนหน้านี้ จังหวัดตราด และจันทบุรีได้ขอเรือที่ทางกองทัพเรือมอบให้จังหวัดกระบี่ ซึ่งมีชื่อเหมือนกับจังหวัดดังกล่าว ซึ่งจังหวัดกระบี่ก็คืนให้ไม่เห็นต้องใช้อำนาจรัฐกดดันแต่อย่างใด”
นายพรเทพ กล่าวด้วยว่า ถึงแม้ว่าชาวจังหวัดพังงาได้เรือพระทองไปก็เชื่อว่าไม่มีความภาคภูมิใจอย่างแน่นอน เพราะได้มาจากอำนาจรัฐที่ไม่ชอบ และจากการประชุมร่วมกัน ทั้งระหว่างตัวแทนของจังหวัดพังงา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และตัวแทนจังหวัดกระบี่ ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา ก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้ว่าเรือพระทองจะไปอยู่ที่จังหวัดใด เพราะจังหวัดกระบี่ได้ทำโครงการมา 3 ปี แต่พังงาเพิ่งตื่นตกใจอยากได้เรือพระทอง เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งก็ขอให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตัดสินใจเองเพราะชาวกระบี่เป็นเพียงผู้ทำโครงการขอไปเท่านั้น
