ข่าวต่างประเทศ-เจนเนอรัล มอเตอร์ส และฮิวเลตต์ แพคการ์ด ประกาศความร่วมมือในสัญญาหลายปี มุ่งพัฒนาโครงการด้านการบริการและซอฟท์แวร์ที่จะช่วยขับเคลื่อนการปรับเปลี่ยนด้านไอทีของจีเอ็ม เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และการบริการให้แก่ลูกค้าทั่วโลกได้อย่างราบรื่น ซึ่งข้อตกลงครั้งนี้ไม่ส่งผลต่อต้นทุนของจีเอ็ม เนื่องด้วยพนักงานเอชพี กว่า 3,000 คน ซึ่งปัจจุบันทำงานร่วมกับจีเอ็ม อยู่แล้วจะเปลี่ยนมาปฏิบัติงานภายใต้การว่าจ้างงานโดยจีเอ็ม
แรนดี้ มอทท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสารสนเทศของจีเอ็ม กล่าวว่า “ข้อตกลงร่วมกับเอชพี ในครั้งนี้จะช่วยให้เราเดินหน้าเปลี่ยนแปลงระบบไอทีของเรา ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมอันก้าวล้ำและเพิ่มความรวดเร็วในการส่งมอบการบริการให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจของจีเอ็ม พร้อมกับลดต้นทุนด้านไอทีที่มีอยู่ในปัจจุบันลงด้วย ซึ่งการพัฒนาการด้านไอทีในองค์กรของเราจะช่วยเพิ่มทรัพยากร เครื่องมือและความยืดหยุ่นที่เราจำเป็นต้องมีในการนำเสนอการบริการและผลิตภัณฑ์ที่ดีเยี่ยมยิ่งขึ้นให้ลูกค้าจีเอ็ม ทั่วโลก”
ก่อนหน้านี้ จีเอ็ม ได้ประกาศเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินงานจากการว่าจ้างหน่วยงานภายนอก มาเป็นการดำเนินงานในองค์กร ซึ่งทำให้พนักงานสามารถมุ่งเน้นที่การสร้างนวัตกรรมมากกว่าการปฏิบัติงานทั่วไป จีเอ็ม ยังเปิดศูนย์นวัตกรรมไอทีแห่งใหม่ในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส และเมืองวอร์เรน รัฐมิชิแกน ก่อนที่จะมีการประกาศเปิดศูนย์นวัตกรรมไอทีใหม่อีกสองแห่งในอนาคตอันใกล้นี้
“จีเอ็ม เป็นเหมือนสัญลักษณ์ในโลกยานยนต์ และเอชพี ตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา” ไมค์ เนฟเคนส์ รักษาการประธานฝ่ายโกลเบิล เอ็นเตอร์ไพรส์ เซอร์วิสของเอชพี กล่าวและว่า “เรามีความมุ่งมั่นที่จะช่วยให้จีเอ็ม สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และการบริการสู่ตลาดให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น”
จีเอ็ม ยังจัดซื้อชุดผลิตภัณฑ์ซอฟท์แวร์ชั้นนำของเอชพี อย่าง IT Performance Suite, Enterprise Security Suite, Vertica และ Autonomy Software ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาโปรแกรม ส่วนสนับสนุนการใช้งานโปรแกรม และสร้างการปฏิบัติการด้านคอมพิวเตอร์อันทรงประสิทธิภาพ
“จีเอ็ม ต้องการกระบวนการแก้ปัญหาทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่จะเสริมสร้างความเชื่อมั่น ความเข้าใจและความคล่องตัวเพื่อที่จะดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น” จอร์จ คาดีฟา รองประธานบริหาร เอชพี ซอฟท์แวร์ กล่าวและว่า “จีเอ็ม ไม่ต้องมองหาสิ่งอื่นใดนอกเหนือจากชุด Performance Suite ของเอชพี ซึ่งจีเอ็ม เป็นลูกค้ารายแรกที่ใช้ชุดซอฟท์แวร์เต็มรูปแบบของเราสำหรับการดำเนินธุรกิจของจีเอ็ม”
แรนดี้ มอทท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสารสนเทศของจีเอ็ม กล่าวว่า “ข้อตกลงร่วมกับเอชพี ในครั้งนี้จะช่วยให้เราเดินหน้าเปลี่ยนแปลงระบบไอทีของเรา ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมอันก้าวล้ำและเพิ่มความรวดเร็วในการส่งมอบการบริการให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจของจีเอ็ม พร้อมกับลดต้นทุนด้านไอทีที่มีอยู่ในปัจจุบันลงด้วย ซึ่งการพัฒนาการด้านไอทีในองค์กรของเราจะช่วยเพิ่มทรัพยากร เครื่องมือและความยืดหยุ่นที่เราจำเป็นต้องมีในการนำเสนอการบริการและผลิตภัณฑ์ที่ดีเยี่ยมยิ่งขึ้นให้ลูกค้าจีเอ็ม ทั่วโลก”
ก่อนหน้านี้ จีเอ็ม ได้ประกาศเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินงานจากการว่าจ้างหน่วยงานภายนอก มาเป็นการดำเนินงานในองค์กร ซึ่งทำให้พนักงานสามารถมุ่งเน้นที่การสร้างนวัตกรรมมากกว่าการปฏิบัติงานทั่วไป จีเอ็ม ยังเปิดศูนย์นวัตกรรมไอทีแห่งใหม่ในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส และเมืองวอร์เรน รัฐมิชิแกน ก่อนที่จะมีการประกาศเปิดศูนย์นวัตกรรมไอทีใหม่อีกสองแห่งในอนาคตอันใกล้นี้
“จีเอ็ม เป็นเหมือนสัญลักษณ์ในโลกยานยนต์ และเอชพี ตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา” ไมค์ เนฟเคนส์ รักษาการประธานฝ่ายโกลเบิล เอ็นเตอร์ไพรส์ เซอร์วิสของเอชพี กล่าวและว่า “เรามีความมุ่งมั่นที่จะช่วยให้จีเอ็ม สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และการบริการสู่ตลาดให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น”
จีเอ็ม ยังจัดซื้อชุดผลิตภัณฑ์ซอฟท์แวร์ชั้นนำของเอชพี อย่าง IT Performance Suite, Enterprise Security Suite, Vertica และ Autonomy Software ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาโปรแกรม ส่วนสนับสนุนการใช้งานโปรแกรม และสร้างการปฏิบัติการด้านคอมพิวเตอร์อันทรงประสิทธิภาพ
“จีเอ็ม ต้องการกระบวนการแก้ปัญหาทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่จะเสริมสร้างความเชื่อมั่น ความเข้าใจและความคล่องตัวเพื่อที่จะดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น” จอร์จ คาดีฟา รองประธานบริหาร เอชพี ซอฟท์แวร์ กล่าวและว่า “จีเอ็ม ไม่ต้องมองหาสิ่งอื่นใดนอกเหนือจากชุด Performance Suite ของเอชพี ซึ่งจีเอ็ม เป็นลูกค้ารายแรกที่ใช้ชุดซอฟท์แวร์เต็มรูปแบบของเราสำหรับการดำเนินธุรกิจของจีเอ็ม”