วานนี้ (29 ส.ค.)บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด เชิญสื่อมวลชนฟังการบรรยายและทดลองขับ “เชฟโรเลต โวลต์” รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบขยายระยะทางขับเคลื่อน หรือExtended-Range Electric Vehicle (E-REV) ที่สนามมอเตอร์สปอร์ตแลนด์แดนเนรมิตเก่า ซึ่งถือเป็นการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ที่จีเอ็มภูมิใจ ก่อนเตรียมโรดโชว์ไปยังประเทศอื่นๆในแถบอาเซียน
โดยจีเอ็มพยายามย้ำว่า “เชฟโรเลต โวลต์” ไม่ใช่รถยนต์ไฮบริด แต่เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สามารถวิ่งได้ไกลกว่ารถไฟฟ้าทั่วไป โดยหัวใจของการขับเคลื่อนจะประกอบด้วย มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว คือ มอเตอร์ขับเคลื่อน และ มอเตอร์กำเนิดไฟฟ้า เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.4 ลิตรที่จีเอ็มเรียกว่าเจเนอเรเตอร์ และชุดแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออนที่วางเซลส์เป็นรูปตัวTราบไปกับแพลตฟอร์มของรถ
ในส่วนของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 149 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 368 นิวตันเมตร จะทำหน้าที่ขับเคลื่อนรถเป็นหลัก และถ้าประจุไฟฟ้าในแบตเตอรี่เต็มจากการชาร์จหนึ่งครั้ง รถจะสามารถวิ่งได้ระยะทาง 40 - 80 กิโลเมตรขึ้นอยู่กับสภาพถนน เทคนิคการขับขี่ อุณหภูมิ และอายุของแบตเตอรี่ โดยเครื่องยนต์ไม่ต้องทำงานเลย (ถ้าเลือกโหมดปกติ)
ทั้งนี้จากระยะที่วิ่งได้(ด้วยไฟฟ้าล้วน) จีเอ็มได้ศึกษามาแล้วว่าเป็นระยะทางที่คนอเมริกันหรือคนในหลายๆประเทศจะขับไป-กลับระหว่างบ้านกับที่ทำงาน ซึ่งถ้าใช้วิ่งในเกณฑ์นี้รถก็ไม่ต้องง้อปั๊มน้ำมัน
อย่างไรก็ตามถ้าใครมีความจำเป็นต้องวิ่งเกินจากระยะทางดังกล่าว เครื่องยนต์ขนาด 1.4 ลิตร 84 แรงม้า พร้อมน้ำมันเต็มถัง 35.2 ลิตร จะเริ่มทำงานเพื่อป้อนพลังกลับเข้าไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง (ผ่านมอเตอร์กำเนิดไฟฟ้าตัวที่สอง) ส่งผลให้“เชฟโรเลต โวลต์” ยังวิ่งได้ต่ออีกกว่า 500 กิโลเมตร (จะวิ่งด้วยมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดเวลา ซึ่งเครื่องยนต์ไม่ได้มีหน้าที่ขับเคลื่อนรถโดยตรง)
เดวิด รีคค์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์พลังงานไฟฟ้า เจนเนอรัล มอเตอร์ส ประเทศจีน ที่เดินทางมาเป็นวิทยากรในกิจกรรมนี้ บอกว่า โวลต์เป็นรถพลังงานไฟฟ้าเพียงรุ่นเดียวที่รองรับการขับขี่ระยะไกล เริ่มต้นจากกรุงเทพฯไปถึงจังหวัดชุมพร ด้วยระยะทาง 560 กิโลเมตรโดยไม่ต้องเสียบปลั๊กชาร์จไฟ ซึ่งระบบขยายระยะทางจะช่วยให้โวลต์วิ่งต่อไปด้วยเชื้อเพลิงเมื่อแบตเตอรี่หมดลง
โดยการชาร์จไฟของเชฟโรเลต โวลต์ จะเสียบจากปลั๊กไฟตามบ้านเรือนทั่วไปเหมือนอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านที่ใช้ไฟ 120 โวลต์หรือชาร์จไฟที่ 240 โวลต์ก็ได้ ด้วยเทคโนโลยีอันชาญฉลาดในการชาร์จไฟทำให้โวลต์สามารถชาร์จไฟฟ้าได้เต็มภายในเวลาน้อยกว่า 3 ชั่วโมง สำหรับกระแสไฟ 240 โวลต์ หากใช้กระแสไฟ 120 โวลต์จะใช้เวลาน้อยกว่า 8 ชั่วโมง
ส่วนค่าใช้จ่ายในการใช้งานโวลต์จะอยู่ประมาณ 45 บาทต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง ดังนั้นถ้ารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆได้ 80 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายต่อหน่วยการวิ่งจะอยู่ที่ 56 สตางค์ต่อกิโลเมตรเท่านั้น
เหนืออื่นใดเชฟโรเลต โวลต์ ยังเป็นรถที่ขับสนุกด้วยอัตราเร่ง 0 - 100 กม./ชม. ภายใน 9 วินาทีความเร็วสูงสุดทำได้ถึง 160 กม./ชม. และนอกจากจะให้กำลังและความเร้าใจในการขับขี่แล้ว ความเงียบของเครื่องยนต์ในการขับขี่เป็นจุดเด่นที่สุดของโวลต์ ทำให้ห้องโดยสารมีเสียงรบกวนเล็ดลอดเข้ามาน้อยมาก
สำหรับเชฟโรเลต โวลต์ จะผลิตที่ศูนย์การผลิตแฮมแทรม รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกาเพียงแห่งเดียว ส่วนการส่งออกยังไม่แพร่หลายมากนัก จะมีเพียงประเทศใหญ่ๆอย่าง จีน อังกฤษ และบางประเทศในยุโรปที่มีรถทำตลาด
ด้านราคาขายในจีนอยู่ประมาณ 5 แสนหยวน(2.5 ล้านบาท) ขณะที่ประเทศบ้านเกิดสหรัฐอเมริกา 41,000 เหรียญ (1.23 ล้านบาท) แถมรัฐบาลยังช่วยสนับสนุนผู้ซื้ออีกคันละ 7,500 เหรียญ (2.25 แสนบาท) ส่วนประเทศไทยยังไม่มีแผนทำตลาดตอนนี้
โดยจีเอ็มพยายามย้ำว่า “เชฟโรเลต โวลต์” ไม่ใช่รถยนต์ไฮบริด แต่เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สามารถวิ่งได้ไกลกว่ารถไฟฟ้าทั่วไป โดยหัวใจของการขับเคลื่อนจะประกอบด้วย มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว คือ มอเตอร์ขับเคลื่อน และ มอเตอร์กำเนิดไฟฟ้า เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.4 ลิตรที่จีเอ็มเรียกว่าเจเนอเรเตอร์ และชุดแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออนที่วางเซลส์เป็นรูปตัวTราบไปกับแพลตฟอร์มของรถ
ในส่วนของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 149 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 368 นิวตันเมตร จะทำหน้าที่ขับเคลื่อนรถเป็นหลัก และถ้าประจุไฟฟ้าในแบตเตอรี่เต็มจากการชาร์จหนึ่งครั้ง รถจะสามารถวิ่งได้ระยะทาง 40 - 80 กิโลเมตรขึ้นอยู่กับสภาพถนน เทคนิคการขับขี่ อุณหภูมิ และอายุของแบตเตอรี่ โดยเครื่องยนต์ไม่ต้องทำงานเลย (ถ้าเลือกโหมดปกติ)
ทั้งนี้จากระยะที่วิ่งได้(ด้วยไฟฟ้าล้วน) จีเอ็มได้ศึกษามาแล้วว่าเป็นระยะทางที่คนอเมริกันหรือคนในหลายๆประเทศจะขับไป-กลับระหว่างบ้านกับที่ทำงาน ซึ่งถ้าใช้วิ่งในเกณฑ์นี้รถก็ไม่ต้องง้อปั๊มน้ำมัน
อย่างไรก็ตามถ้าใครมีความจำเป็นต้องวิ่งเกินจากระยะทางดังกล่าว เครื่องยนต์ขนาด 1.4 ลิตร 84 แรงม้า พร้อมน้ำมันเต็มถัง 35.2 ลิตร จะเริ่มทำงานเพื่อป้อนพลังกลับเข้าไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง (ผ่านมอเตอร์กำเนิดไฟฟ้าตัวที่สอง) ส่งผลให้“เชฟโรเลต โวลต์” ยังวิ่งได้ต่ออีกกว่า 500 กิโลเมตร (จะวิ่งด้วยมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดเวลา ซึ่งเครื่องยนต์ไม่ได้มีหน้าที่ขับเคลื่อนรถโดยตรง)
เดวิด รีคค์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์พลังงานไฟฟ้า เจนเนอรัล มอเตอร์ส ประเทศจีน ที่เดินทางมาเป็นวิทยากรในกิจกรรมนี้ บอกว่า โวลต์เป็นรถพลังงานไฟฟ้าเพียงรุ่นเดียวที่รองรับการขับขี่ระยะไกล เริ่มต้นจากกรุงเทพฯไปถึงจังหวัดชุมพร ด้วยระยะทาง 560 กิโลเมตรโดยไม่ต้องเสียบปลั๊กชาร์จไฟ ซึ่งระบบขยายระยะทางจะช่วยให้โวลต์วิ่งต่อไปด้วยเชื้อเพลิงเมื่อแบตเตอรี่หมดลง
โดยการชาร์จไฟของเชฟโรเลต โวลต์ จะเสียบจากปลั๊กไฟตามบ้านเรือนทั่วไปเหมือนอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านที่ใช้ไฟ 120 โวลต์หรือชาร์จไฟที่ 240 โวลต์ก็ได้ ด้วยเทคโนโลยีอันชาญฉลาดในการชาร์จไฟทำให้โวลต์สามารถชาร์จไฟฟ้าได้เต็มภายในเวลาน้อยกว่า 3 ชั่วโมง สำหรับกระแสไฟ 240 โวลต์ หากใช้กระแสไฟ 120 โวลต์จะใช้เวลาน้อยกว่า 8 ชั่วโมง
ส่วนค่าใช้จ่ายในการใช้งานโวลต์จะอยู่ประมาณ 45 บาทต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง ดังนั้นถ้ารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆได้ 80 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายต่อหน่วยการวิ่งจะอยู่ที่ 56 สตางค์ต่อกิโลเมตรเท่านั้น
เหนืออื่นใดเชฟโรเลต โวลต์ ยังเป็นรถที่ขับสนุกด้วยอัตราเร่ง 0 - 100 กม./ชม. ภายใน 9 วินาทีความเร็วสูงสุดทำได้ถึง 160 กม./ชม. และนอกจากจะให้กำลังและความเร้าใจในการขับขี่แล้ว ความเงียบของเครื่องยนต์ในการขับขี่เป็นจุดเด่นที่สุดของโวลต์ ทำให้ห้องโดยสารมีเสียงรบกวนเล็ดลอดเข้ามาน้อยมาก
สำหรับเชฟโรเลต โวลต์ จะผลิตที่ศูนย์การผลิตแฮมแทรม รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกาเพียงแห่งเดียว ส่วนการส่งออกยังไม่แพร่หลายมากนัก จะมีเพียงประเทศใหญ่ๆอย่าง จีน อังกฤษ และบางประเทศในยุโรปที่มีรถทำตลาด
ด้านราคาขายในจีนอยู่ประมาณ 5 แสนหยวน(2.5 ล้านบาท) ขณะที่ประเทศบ้านเกิดสหรัฐอเมริกา 41,000 เหรียญ (1.23 ล้านบาท) แถมรัฐบาลยังช่วยสนับสนุนผู้ซื้ออีกคันละ 7,500 เหรียญ (2.25 แสนบาท) ส่วนประเทศไทยยังไม่มีแผนทำตลาดตอนนี้
