xs
xsm
sm
md
lg

"บี-คลาส ใหม่"ไม่เด่นแต่โดนใจคนรักครอบครัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สำหรับ“บี-คลาส ใหม่”รหัสตัวถัง W246 ที่เพิ่งเปิดตัวในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2012 ที่ผ่านมา น่าจะมีตำแหน่งผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจนมากขึ้น หลังจากพี่น้องร่วมท้องอย่าง “เอ-คลาส ใหม่” W176จะผันตัวเองไปเป็นรถสปอร์ตแฮตช์แบ็กและเตรียมขายในไทยปลายปีนี้

กล่าวคือในรุ่นเดิมของ “เอ-คลาส” และ “บี-คลาส” นั้นถูกพัฒนาบนพื้นฐานวิศวกรรมเดียวกัน ทั้งแพลตฟอร์ม เครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน ตลอดจนชิ้นส่วนต่างๆที่มองเห็นและมองไม่เห็น และแน่นอนว่ามันคือรถอเนกประสงค์แบบ “มินิแวน ขับเคลื่อนล้อหน้า” เหมือนกัน

“กั๊ก กั๊ก”ในตำแหน่งผลิตภัณฑ์และการทำตลาด เพราะเมื่อขึ้นโชว์รูมแล้วจะต่างกันตรงขนาดและราคา ซึ่งคนขายก็มึน-ลูกค้าก็งงๆไม่รู้ว่าจะซื้อรุ่นไหนดี สรุป...ถ้าวัดกระแสตอบรับในไทยที่ผ่านมาถือว่า“แป้ก”ทั้งคู่ (ขนาดเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลงทุนขึ้นไลน์ประกอบ เอ-คลาสในไทยเมื่อ 6ปีที่แล้ว)

เอาละครับที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไป แต่จากนี้ใครอยากได้ “มินิแวน” ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ขับขี่สบายแถมอเนกประสงค์ ซึ่งจะใช้ในเมืองก็ดีหรือขนคนบรรทุกของไปต่างจังหวัดก็ไหว “บี-คลาส ใหม่”น่าจะตอบโจทย์ได้

...จะว่าไป “บี-คลาส ใหม่” ยังมีช่องว่างในตลาดเต็มๆในกลุ่ม MPV ขนาดเล็ก (แต่เมอร์เซเดส-เบนซ์เรียกCompact Sport Tourer) เพราะถ้าเลยไปก็ต้องซื้อ “อาร์-คลาส เครื่องยนต์ดีเซล” ที่ตัวถังใหญ่กว่าและราคาโดดไปถึง 5.89-6.54 ล้านบาท ขณะเดียวกันคู่แข่งอย่างบีเอ็มดับเบิลยู และวอลโว่ ยังไม่มีรถประเภทนี้ทำตลาดอีกด้วย

โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย แบ่งขาย “บี-คลาส ใหม่” เป็น 2 รุ่นย่อยคือ B200 BlueEFFICIENCY ราคา 2.399 ล้านบาท และ B200 BlueEFFICIENCY Sports ราคา 2.499 ล้านบาท

โดยB200จะวางเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ 1.6 ลิตร 156 แรงม้า ประกบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ซึ่งในรุ่น Sports ที่ผู้เขียนได้ลองขับจะมีความต่างจากรุ่นปกติ ทั้งไฟหน้าแบบไบซีนอนพร้อมระบบฉีดล้างไฟหน้า และมีหลอดไฟ LED เรียงเป็น Daytime light (รุ่นปกติเป็นไฟตัดหมอก) ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ประกบยาง 225/45R17 (รุ่นปกติเป็น 16 นิ้ว ยาง 205/55R16) ปลายท่อไอเสียสเตนเลส และคาลิปเปอร์เบรกคู่หน้าจะมีตัวหนังสือ Mercedes-Benz ส่วนภายในที่เห็นชัดๆจะมีการแต้มแต่งแผงแดชบอร์ด และช่องแอร์ที่ต่างกัน รวมถึงแป้นเบรก-คันเร่งแบบสปอร์ต

B200 ทั้งสองรุ่นมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานเพียบ ไล่ตั้งแต่ถุงลมนิรภัยคู่หน้าและม่านถุงลมป้องกันศีรษะ (windowbags)สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า ระบบควบคุมการทรงตัวESP ระบบเบรกABS ระบบเสริมแรงเบรกBAS ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีASR ระบบ Hill Start assist ให้รถจอดหยุดนิ่งก่อนการออกตัวบนทางลาดชัน รวมถึงระบบเด่นที่เคยใส่ในบี-คลาส รุ่นที่แล้วอย่าง Active Parking Assist ที่จะช่วยเรื่องการจอดเทียบอัตโนมัติ


ด้วยการเป็นรถอเนกประสงค์เน้นตอบสนองการใช้งานหลากหลาย ออปชันที่จัดมาก็เลยไม่มีอะไรหวือหวามากกว่ามาตรฐานความปลอดภัยตามแบบฉบับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ขณะเดียวกันผู้เขียนก็สำเหนียกว่ายังไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของ“บี-คลาส” (จริงๆมีเงินแต่ยังไม่มีครอบครัว!?) เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหน B200 BlueEFFICIENCY Sports ยังไร้ความโดดเด่นโดนใจ

หลังเข้าไปอยู่ในตำแหน่งผู้ขับก็รู้สึกคล้ายนั่งรถตู้โหลดเตี้ยครับ ด้วยเบาะนั่งสูงๆ หลังคาสูงๆ มองได้ไกล แถมยังใช้เกียร์มืออีกต่างหาก ส่วนเบาะหนังนั่งสบายนุ่มกำลังดี พวงมาลัยมาพร้อมปุ่มควบคุมแบบมัลติฟังก์ชัน และแสดงผลผ่านจอสีขนาด 4 นิ้วติดตั้งบริเวณคอนโซลกลาง

หลังขยับปรับตัวพร้อมทำความคุ้นเคยกับเกียร์มือและปุ่มสั่งงานต่างๆสักระยะ พบว่า “บี200” คันนี้ให้อารมณ์การขับขี่แบบสุขุมนุ่มลึก โดยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดส่งผ่านกำลังสู่ล้อหน้าได้ไหลลื่นและรอบเครื่องยนต์ไม่ดีดสูงมาก แต่กระนั้นพลังของเครื่องยนต์ 1.6 เทอร์โบ การตอบสนองยังไม่ทันอกทันใจนัก

ต้องบอกว่าอัตราเร่งคงจะไม่ใช่จุดเด่นของ B200 แม้จะบอกอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.เอาไว้ 8.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม. แต่กระนั้นการขับย่านความเร็วกลางๆ (60-80 กม./ชม.)แล้วต้องการเรียกความเร็วกะทันหัน อาจจะต้องรอให้เทอร์โบบูสสัก 1 วินาที จนได้จังหวะรถถึงจะพุ่งฉลุย


อย่างไรก็ตามถ้าใครอยากซิ่งก็มีโหมด S สปอร์ตที่จะเพิ่มความจี๊ดจ๊าดด้วยการปรับตำแหน่งเกียร์ให้ต่ำลง และลากรอบขึ้นมาอีกหน่อย รวมถึงโหมด M ที่ผู้ขับสามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์เองด้วยแพดเดิลชิฟท์หลังพวงมาลัย

ด้านน้ำหนักคันเร่งเบา ดังนั้นจึงเหยียบได้ค่อนข้างลึกหน่อย ขณะที่แป้นเบรกหนึบหนับ ควบคุมระยะชะลอหยุดยอดเยี่ยม ส่วนพวงมาลัยน้ำหนักเบาแต่สั่งงานซ้าย-ขวาแม่นยำ ช่วยให้การขับขี่ในเมืองคล่องตัว แต่ถ้าใช้ความเร็ว 120 กม./ชม.ขึ้นไป อาจจะต้องกำมือแน่นหน่อย เพราะการตอบสนองที่รวดเร็วมันกลับกลายเป็นความวอกแวกเมื่อใช้ความเร็วสูง (จริงๆรถครอบครัว เซตพวงมาลัยให้มีระยะฟรีมากกว่านี้ก็ไม่มีใครว่าอะไร)

ขณะที่โครงสร้างช่วงล่างแบบอิสระสี่ล้อ ในตำแหน่งผู้ขับรู้สึกว่าไม่ได้นุ่มนวลมากมาย เพราะยังมีอาการสะเทือนจากพื้นถนนสะท้านเข้ามาอยู่บ้าง แต่กลับกันเมื่อนั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลังก็ไม่ถึงกับรองรับแข็งกระด้างอะไร ส่วนการขับขี่รวมตัวรถทรงตัวดีไม่ว่าจะใช้ความเร็วสูงบนทางตรง หรือเข้าโค้ง B200 คันนี้ถ่ายเทน้ำหนักได้ยอดเยี่ยม หนึบแน่นเกินความคาดหมาย


เหนืออื่นใด B200 ใหม่ ยังติดตั้งระบบ ECO start/stop ตามสมัยนิยม คือเมื่อรถหยุดนิ่งหรือจอดติดไฟแดง เครื่องยนต์จะดับเองอัตโนมัติ และจะติดขึ้นทันทีเมื่อยกเท้าออกจากแป้นเบรก(แล้วย้ายไปเหยียบคันเร่ง) ซึ่งการทำงานค่อนข้างนุ่มนวลโดยไร้แรงสั่นอาการสะเทือนของการดับ-และติดของเครื่องยนต์ เรียกว่าถ้าเป็นผู้โดยสารแทบไม่รู้สึกหงุดหงิดถึงการทำงานของระบบนี้เลย(เพราะแอร์ยังทำงานอยู่)

ส่วนใครที่ไม่ชอบการดับๆติดๆของเครื่องยนต์สามารถเลือกปิดได้ตามใจชอบ แต่เชื่อเถิดว่าระบบนี้มันทำงานนุ่มที่สุด จนไม่น่ารำคาญเหมือนรถยนต์ญี่ปุ่นบางรุ่นแล้ว

ด้านอัตราบริโภคน้ำมันของ B200 เมอร์เซเดส-เบนซ์เคลมในโบรชัวร์ไว้ทำได้ 5.9-6.2 ลิตรต่อ 100 กม. หรือประมาณ 16 กม./ลิตร ซึ่งต่างจากที่ผู้เขียนทำได้คือ 13-14 กม./ลิตร

รวบรัดตัดความ...เรียกว่าออปชันจัดเต็มตามมาตรฐานเมอร์เซเดส-เบนซ์ แต่ถ้าถามว่ามีอะไรเด่นหรือลูกเล่นใหม่น่าสนใจไหม B200 ยังไม่มีจุดขายที่เด็ดขาดมากไปกว่าการเป็น “เอ็มพีวี 5 ที่นั่ง”แปะตราดาวสามแฉก

ขอบคุณสถานที่ร้าน chocolateville

กำลังโหลดความคิดเห็น