ปัจจุบันต้องยอมรับว่าแบรนด์เกาหลียี่ห้อ “ฮุนได” ประสบความสำเร็จอย่างมากในตลาดรถเมืองไทย เนื่องจากโปรดักส์ที่เลือก คัดสรรมา บวกราคา สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงใจ จึงทำให้ตัวเลขยอดขายขยับขึ้นเรื่อย ๆ และวันนี้ โยชิอากิ อิชิมูระ ประธานบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด มาเปิดใจถึงสถาการณ์ การแข่งขัน อนาคตช่วงระยะเวลา 3 ปี ของรถฮุนได ในไทย
ยอดขายปีนี้
เราตั้งเป้าไว้ 6,000 คัน ขณะที่ปีที่แล้วขายได้ 4,500 คัน เพิ่มขึ้นประมาณ 30 % หรือมียอดขายเดือนละ 500 คัน ซึ่งบริษัทแม่ที่เกาหลีต้องการให้ฮุนไดในทุกประเทศช่วยกันเพิ่มยอดขาย แต่ความเป็นจริงค่อนข้างยาก เพราะรถฮุนได เป็นรถนำเข้าจากเกาหลี และอินโดนีเซีย (แต่ส่วนใหญ่นำเข้าจากเกาหลีเป็นหลัก) ซึ่งปัจจุบันประสบปัญหาเรื่องซัพพลายเชนไม่เพียงพอ ส่งผลให้ทุกประเทศเจอสถานการณ์เดียวกัน แต่ถ้าบริษัทแม่สามารถส่งรถมาให้ เราก็สามารถขายได้หมดเช่นกัน ตอนนี้เราคงเน้นไปในเรื่องสร้างแบรนด์ “ฮุนได” ให้แกร่ง แข็งแรง และลูกค้าคนไทย เชื่อใจ ไว้ใจ มากกว่า
ยอดขาย 6 เดือนที่ผ่านมา
ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2555 สามารถทำยอดขายได้กว่า 3,000 คัน เติบโตประมาณ 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยรถในรุ่น เอช 1 มียอดขายมากที่สุดคิดเป็นสัดส่วน 85% ตามมาด้วยแกรนด์ สตาเรก 10% และอีก 5%มาจากรุ่น ทูซอน ,เอลันตร้า และโซนาต้า
แผนภายใน 3 ปี
คาดหวังว่าอีก 3 ปีข้างหน้า ฮุนไดน่าจะมียอดขายรถในประเทศไทยประมาณ 10,000 คัน จากปีนี้ตั้งไว้ 6,000 คัน แน่นอนตัวเลขจะเพิ่มขึ้นได้ ก็ต้องมีสินค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งเรามองไว้หลายตัว และหนึ่งในนั้นก็จะมีรถเล็กมาเพิ่ม ด้วย แต่คงไม่ทำรถอีโคคาร์ เพราะกฎเกณฑ์ ขั้นตอน มันเยอะ รวมถึงการจัดการค่อนข้างลำบาก แต่เชื่อรถเล็กที่จะนำเข้ามาคนไทยจะชอบแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามคงต้องหาข้อสรุปเพื่อไปคุยกับบริษัทแม่อีกทีหนึ่ง
นอกจากนี้ที่เล็งไว้อีกรุ่นคือ “เวลอสเตอร์” คูเป้ เราเอามาโชว์ที่งาน “มอเตอร์โชว์” ต้นปีที่ผ่านมา สาเหตุที่น่าสนใจคือ มันเป็นรถที่มีดีไซน์แตกต่างจากรถคันอื่น ๆ เพราะด้านหนึ่งมีสองประตู อีกด้านมีประตูเดียว อย่างไรก็ต้องดู ออปชั่น ราคา ก่อนเป็นหลัก ที่สำคัญรถรุ่นนี้เป็นรถที่พระเอก ลีมินโฮ ขับในซีรี่ย์เกาหลี เรื่อง ซิตี้ ฮันเตอร์ ด้วย
ส่วนแผนที่จะประกอบรถในเมืองไทยคงยังไม่สามารถตอบได้ในช่วงนี้ เราต้องพิจารณาดูจากยอดขายเป็นหลัก ถ้ายอดขายไม่มากพอ จะมาผลิตคงไม่คุ้ม ขณะเดียวกันการผลิตของเกาหลีมีข้อจำกัด โดยเฉพาะรถพวงลัยขวามีปริมาณการผลิตน้อยมาก ซึ่งเราคงต้องมีการวางแผนกันยาวเกี่ยวกับเรื่องนี้
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี จะมีผลต่อฮุนไดไหม
ถึงวันนั้น เราคงต้องมาดูนโยบายของภาครัฐ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนระบบ โครงสร้างภาษีกันใหม่ รวมถึงหลักการขององค์การสหประชาชาติประกอบไปด้วย เราคิดว่าคงมีผลบ้างเล็กน้อย แต่ก็เชื่อว่าตลาดคงเติบโตไปพร้อม ๆ กัน ทั้งอุตสาหกรรม
มองภาครัฐในการส่งเสริมอุตสาหกรรมรถ
ที่ผ่านมาภาครัฐส่งเสริมรถปิกอัพ ได้สิทธิพิเศษมากมาย ขยับมาปัจจุบันให้การสนับสนุนรถอีโคคาร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้เศรษฐกิจบ้านเราเติบโตขึ้น แต่ในอีก 10 ปีข้างหน้า ภาครัฐฯน่าจะมีการปรับกฎเกณฑ์ หลักการ ให้เข้ากับสถาการณ์ให้มากขึ้น โดยเฉพาะการเปิดเสรีรถจะยิ่งขายดีมากยิ่งขึ้น เพราะจะส่งให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ของภูมิภาคและของโลกได้อย่างแน่นอน
ส่วนโครงการรถคันแรก เราไม่มีผลกระทบโดยตรงเพราะรถที่จำหน่ายอยู่ไม่เข้าข่ายรถคันแรก
จะมีการเปิดดีลเลอร์เพิ่มเพื่อรองรับตัวเลข 6,000 คัน
อย่างน้อยเพิ่ม 3 แห่งต่อปี เพื่อรองรับยอดขายที่เพิ่มขึ้น แต่ปัญหามันอยู่ที่เราไม่มีรถส่งให้ดีลเลอร์จำนวนมาก เพราะติดปัญหาดังกล่าวข้างต้น แต่อย่างไรเรื่องนี้อยู่ในแผน 3 ปีอยู่แล้ว เพราะถ้ามียอดขายเพิ่ม ศูนย์บริการ ดีลเลอร์ ก็ต้องเพิ่มตามไปด้วย
สำหรับยอดขายรวมในปีนี้ ท่านประธานคาดการณ์ไว้ถึง 1ล้านคัน ขณะที่ปีที่แล้วขายได้ 8-9 แสนคัน
ยอดขายปีนี้
เราตั้งเป้าไว้ 6,000 คัน ขณะที่ปีที่แล้วขายได้ 4,500 คัน เพิ่มขึ้นประมาณ 30 % หรือมียอดขายเดือนละ 500 คัน ซึ่งบริษัทแม่ที่เกาหลีต้องการให้ฮุนไดในทุกประเทศช่วยกันเพิ่มยอดขาย แต่ความเป็นจริงค่อนข้างยาก เพราะรถฮุนได เป็นรถนำเข้าจากเกาหลี และอินโดนีเซีย (แต่ส่วนใหญ่นำเข้าจากเกาหลีเป็นหลัก) ซึ่งปัจจุบันประสบปัญหาเรื่องซัพพลายเชนไม่เพียงพอ ส่งผลให้ทุกประเทศเจอสถานการณ์เดียวกัน แต่ถ้าบริษัทแม่สามารถส่งรถมาให้ เราก็สามารถขายได้หมดเช่นกัน ตอนนี้เราคงเน้นไปในเรื่องสร้างแบรนด์ “ฮุนได” ให้แกร่ง แข็งแรง และลูกค้าคนไทย เชื่อใจ ไว้ใจ มากกว่า
ยอดขาย 6 เดือนที่ผ่านมา
ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2555 สามารถทำยอดขายได้กว่า 3,000 คัน เติบโตประมาณ 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยรถในรุ่น เอช 1 มียอดขายมากที่สุดคิดเป็นสัดส่วน 85% ตามมาด้วยแกรนด์ สตาเรก 10% และอีก 5%มาจากรุ่น ทูซอน ,เอลันตร้า และโซนาต้า
แผนภายใน 3 ปี
คาดหวังว่าอีก 3 ปีข้างหน้า ฮุนไดน่าจะมียอดขายรถในประเทศไทยประมาณ 10,000 คัน จากปีนี้ตั้งไว้ 6,000 คัน แน่นอนตัวเลขจะเพิ่มขึ้นได้ ก็ต้องมีสินค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งเรามองไว้หลายตัว และหนึ่งในนั้นก็จะมีรถเล็กมาเพิ่ม ด้วย แต่คงไม่ทำรถอีโคคาร์ เพราะกฎเกณฑ์ ขั้นตอน มันเยอะ รวมถึงการจัดการค่อนข้างลำบาก แต่เชื่อรถเล็กที่จะนำเข้ามาคนไทยจะชอบแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามคงต้องหาข้อสรุปเพื่อไปคุยกับบริษัทแม่อีกทีหนึ่ง
นอกจากนี้ที่เล็งไว้อีกรุ่นคือ “เวลอสเตอร์” คูเป้ เราเอามาโชว์ที่งาน “มอเตอร์โชว์” ต้นปีที่ผ่านมา สาเหตุที่น่าสนใจคือ มันเป็นรถที่มีดีไซน์แตกต่างจากรถคันอื่น ๆ เพราะด้านหนึ่งมีสองประตู อีกด้านมีประตูเดียว อย่างไรก็ต้องดู ออปชั่น ราคา ก่อนเป็นหลัก ที่สำคัญรถรุ่นนี้เป็นรถที่พระเอก ลีมินโฮ ขับในซีรี่ย์เกาหลี เรื่อง ซิตี้ ฮันเตอร์ ด้วย
ส่วนแผนที่จะประกอบรถในเมืองไทยคงยังไม่สามารถตอบได้ในช่วงนี้ เราต้องพิจารณาดูจากยอดขายเป็นหลัก ถ้ายอดขายไม่มากพอ จะมาผลิตคงไม่คุ้ม ขณะเดียวกันการผลิตของเกาหลีมีข้อจำกัด โดยเฉพาะรถพวงลัยขวามีปริมาณการผลิตน้อยมาก ซึ่งเราคงต้องมีการวางแผนกันยาวเกี่ยวกับเรื่องนี้
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี จะมีผลต่อฮุนไดไหม
ถึงวันนั้น เราคงต้องมาดูนโยบายของภาครัฐ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนระบบ โครงสร้างภาษีกันใหม่ รวมถึงหลักการขององค์การสหประชาชาติประกอบไปด้วย เราคิดว่าคงมีผลบ้างเล็กน้อย แต่ก็เชื่อว่าตลาดคงเติบโตไปพร้อม ๆ กัน ทั้งอุตสาหกรรม
มองภาครัฐในการส่งเสริมอุตสาหกรรมรถ
ที่ผ่านมาภาครัฐส่งเสริมรถปิกอัพ ได้สิทธิพิเศษมากมาย ขยับมาปัจจุบันให้การสนับสนุนรถอีโคคาร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้เศรษฐกิจบ้านเราเติบโตขึ้น แต่ในอีก 10 ปีข้างหน้า ภาครัฐฯน่าจะมีการปรับกฎเกณฑ์ หลักการ ให้เข้ากับสถาการณ์ให้มากขึ้น โดยเฉพาะการเปิดเสรีรถจะยิ่งขายดีมากยิ่งขึ้น เพราะจะส่งให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ของภูมิภาคและของโลกได้อย่างแน่นอน
ส่วนโครงการรถคันแรก เราไม่มีผลกระทบโดยตรงเพราะรถที่จำหน่ายอยู่ไม่เข้าข่ายรถคันแรก
จะมีการเปิดดีลเลอร์เพิ่มเพื่อรองรับตัวเลข 6,000 คัน
อย่างน้อยเพิ่ม 3 แห่งต่อปี เพื่อรองรับยอดขายที่เพิ่มขึ้น แต่ปัญหามันอยู่ที่เราไม่มีรถส่งให้ดีลเลอร์จำนวนมาก เพราะติดปัญหาดังกล่าวข้างต้น แต่อย่างไรเรื่องนี้อยู่ในแผน 3 ปีอยู่แล้ว เพราะถ้ามียอดขายเพิ่ม ศูนย์บริการ ดีลเลอร์ ก็ต้องเพิ่มตามไปด้วย
สำหรับยอดขายรวมในปีนี้ ท่านประธานคาดการณ์ไว้ถึง 1ล้านคัน ขณะที่ปีที่แล้วขายได้ 8-9 แสนคัน