การเลือกหยิบจับของชอบใกล้ตัวมาต่อยอดให้แตกต่างบางครั้งก็กลายเป็นธุรกิจได้ แถมเลือกหน้าร้านอยู่ในโลกไซเบอร์ยังช่วยลดต้นทุนการผลิตไปมากโข เช่นเดียวกับผ้าพันคอแบรนด์ “Asama Scarf” เติบโตอย่างรวดเร็วในโลกออนไลน์ ที่การเริ่มต้นธุรกิจเกิดมาจากความชอบล้วนๆ
“อสมา ดำเกิงสุรเดช หรือ ฟาน” เจ้าของผ้าพันคอมีดีไซน์ Asama Scarf สไตล์ Colorful Vintage อดีตสาวโฆษณาที่เบื่องานประจำหลังทำมาได้เพียง 2ปี ผันตัวเองเข้าสู่การเป็นแม่ค้า เริ่มจากการผลิตน้ำนมถั่วเหลืองติดแบรนด์ บรรจุในแพคเกจสวยงามส่งจำหน่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ (ปัจจุบันพี่สาวดูแลกิจการเป็นหลัก) แต่โดยส่วนตัวอสมา ชื่นชอบผ้าพันคอเป็นพิเศษ จากเป็นผ้าสารพัดประโยชน์ไม่เพียงแต่นำมาพันคอเพิ่มความดูดีแล้ว ยังใช้แทนเสื้อกันหนาวยามอากาศเย็น พกพาสะดวกเพราะมีน้ำหนักเบาไม่เกะกะกระเป๋า หรือนำมาประยุกต์เป็นผูกคม คลุมผม ผูกหมวก ผูกกระเป๋า ก็เพิ่มความเก๋ไปอีกแบบ
“ฟานเป็นคนที่ชอบซื้อผ้าพันคอมากกว่าเสื้อผ้า ซึ่งแตกต่างจากผู้หญิงทั่วไป เพราะไปที่ไหนมักมองหาซื้อผ้าพันคอเก็บสะสมไว้ โดยเฉพาะผืนที่มีลวดลายสวยงาม แต่บางครั้งต้องเจอกับปัญหาของเนื้อผ้าที่ไม่ถูกใจสักเท่าไหร่ เพราะขาดความนิ่ม หรือบางครั้งผู้ผลิตไม่ได้ตั้งใจที่จะทำผ้าพันคอออกมาจำหน่ายอย่างแท้จริง โดยเลือกผ้าผืนที่ไม่มีคุณสมบัตินำมาทำเป็นผ้าพันคอมาตัดจำหน่าย จึงคิดทำผ้าพันคอขึ้นเองเลือกผ้าไหมซาตินและผ้าไหมชีฟองนำเข้าจากเกาหลี เนื่องจากเนื้อผ้าอ่อนนุ่ม และไม่บางจนเกินไป พร้อมกับออกแบบลายผ้าเองด้วยลายเส้นวาดมือและพิมพ์ลงดิจิตอล พริ้นต์ ที่ให้ภาพคมชัด สีสันสดใส แถมสีไม่ตกอีกด้วย”
Love of Beauty เป็นคอลเลคชั่นลวดลายแรกของ Asama Scarf ที่ได้แรงบันดาลใจจากเครื่องสำอางผู้หญิงที่ใช้ในชีวิตประจำวัน อย่าง ตลับแป้ง น้ำหอม ลิปสติก เน้นความน่ารักสดใส ประเดิมขายผ่านทางเฟซบุก ที่เดิมเปิดเป็นหน้าร้านสำหรับขายเสื้อผ้านำเข้าจากประเทศเกาหลี ผลปรากฏว่าได้รับการตอบรับดี จนกลายเป็นแรงขับเคลื่อนให้ออกแบบผ้าพันคอลวดลายใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมคิดทำเป็นธุรกิจส่วนตัวอย่างจริงจัง
ซึ่งหลังจากนั้น Asama Scarf ก็ออกแบบคอลเลคชั่นใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่องเอาใจลูกค้า ส่งผลให้ปัจจุบันมีประมาณ 7 คอลเลคชั่นแล้ว เช่น Love animal, Bon voyage, Love Vintage และ Peacock Print Scarf ซึ่งแต่ละคอลลเลคชั่นก็มีหลายโทนสีให้ลูกค้าเลือกสรรได้ตามใจชอบ
และจากคุณสมบัติของผ้าพันคอที่สามารถประยุกต์เข้ากับเครื่องแต่งกายได้แล้วนั้น ยังสามารถทำเป็นของขวัญหรือของฝากได้อีกด้วย ดังนั้น อสมา จึงออกแบบลวดลาย พร้อมใส่คำอวยพรตามเทศกาล โอกาสวาระต่างๆ เข้าไปด้วย เช่น คอลเลคชั่น Bon Voyage จะเป็นลวดลายรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกัน สำหรับมอบให้ผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ พร้อมกับคำเก๋ๆ อย่าง Have Nice Trip หรือคอลเลคชั่น Bon Anniversary ที่ลูกค้าซื้อไปเป็นของขวัญวันเกิด เป็นต้น
โดยผ้าพันคอ Asama Scarf จะมีให้เลือก 3 ขนาดด้วยกัน คือขนาดไซส์ใหญ่พิเศษ 100 x 180 cm. ขนาด 90 x 90 cm. และขนาด 52x52 cm. ส่วนราคาที่ขายเริ่มตั้งแต่ 690-1,990 บาท ซึ่งยอดขายตกเดือนละกว่าร้อยผืน สัดส่วนการขายผ่านทางออนไลน์ประมาณ 70% และขายหน้าร้านที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น ดิ เอ็มโพรเรียม, เซ็นทรัล เวิร์ล, สยามสแควร์ และเทอร์มินัล 21 อีก 30%
แม้ Asama Scarf จะเปิดตัวมาได้ไม่ถึง 1 ปี แต่ความโดดเด่นในเรื่องลวดลาย สีสัน ไม่ซ้ำใคร ยากต่อการลอกเลียนแบบ รวมถึงผ้าที่ใช้ก็เป็นเนื้อผ้าอย่างดี กลับโดนใจชาวต่างชาติ ทำให้อสมาคิดเรื่องการส่งสินค้าไปต่างประเทศอย่างจริงจัง หลังมีลูกค้าสนใจสั่งไปจำหน่ายยังประเทศออสเตรเลีย และประเทศในแถบยุโรป โดยอยู่ในช่วงเจรจาเรื่องออเดอร์ และยอดการสั่งซื้อที่ขณะนี้มีเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าเพราะมีการสต็อกสินค้าไว้จำนวนหนึ่ง
*** สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร.08-1655-7330 หรือที่ facebook : Asamascarf.shop ***
