หลังจากซุ่มมองตลาดอย่างเงียบๆ ทำทองไม่รู้ร้อนปล่อยให้คู่แข่งโกยยอดขายอยู่นับแรมปี ในที่สุดค่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าประกาศความพร้อมสู้ศึกบิ๊กไบค์อย่างเป็นทางการเสียที โดยใช้ชื่อโชว์รูมศูนย์ใหญ่ ฮอนด้า บิ๊กวิง (BigWing) หวังใช้เป็นสัญลักษณ์สื่อถึงสถานที่ปลายทางของสิงห์นักบิดทั่วประเทศ
โดยระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ผู้บริโภคให้การตอบรับดีเกินคาด ค่ายปีกนกจึงเปิดซิงจัดทริปตอบแทนความไว้วางใจกับลูกค้ากลุ่มแรก พ่วงด้วยคณะสื่อมวลชนกลุ่มเล็กๆ ได้มีโอกาสร่วมขี่รถทดสอบโมเดลนำเข้าที่ประเดิมทำตลาดในครั้งนี้ด้วย
สำหรับ “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” รับมอบหมายให้ประจำการที่บิ๊กสกู๊ตเตอร์ ฮอนด้า อินเทกรา (Honda Integra) สนนราคา 487,000 บาท
ก่อนอื่นต้องย้อนกลับไปประมาณ 3 ปีที่แล้ว กล่าวถึงตลาดสกู๊ตเตอร์ระดับพรีเมียม ราคาตั้งแต่ 6 หมื่นบาทขึ้นไป ใครจะเชื่อว่าในบ้านเรากำลังซื้อและความต้องการมีอยู่เหลือเฟือทีเดียว หลังจากที่ฮอนด้าเคยโยนหินถามทางส่ง พีซีเอ็กซ์ (PCX) รุ่น 125 ซีซี. ลองหยั่งเชิงแถมสร้างคลื่นกระแสความนิยมในหมู่นักขับขี่ได้อีกต่างหาก และดูเหมือนจะได้ใจยิ่งขึ้น เมื่อขยับไลน์ผลิตรุ่น 150 ซีซี. รุกตลาดต่อเนื่องทันที
อย่างไรก็ตาม การที่ฮอนด้ากล้านำ “พีซีเอ็กซ์” ทำตลาดในเมืองไทยคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเป้าหมายหลักเป็นโกบอลโมเดลคิดค้นขึ้นมาเพื่อหวังส่งขายทั่วโลก โดยมีฐานผลิตแปะป้ายเมดอินไทยแลนด์อยู่แล้ว แต่สำหรับ “อินเทกรา” เป็นบิ๊กสกู๊ตเตอร์นำเข้าทั้งคัน ทั้งราคายังโดดไปแตะเฉียดครึ่งล้านบาท จุดขายมีดีอะไร ทำไมลูกค้าต้องซื้อ?
เพื่อตอบโจทย์คำถาม เส้นทางไป-กลับ จากกรุงเทพฯ สู่เขาใหญ่ และการขับขี่ในสนามแข่งโบนันซ่า มอเตอร์ สปอร์ต ซึ่งรวมแล้วเป็นระยะทางเกือบ 400 กม. ผู้เขียนคาดว่าน่าจะใช้เป็นกุญแจไขไปสู่คำตอบได้
สัมผัสแรกจากจุดนัดพบปลายทางของบรรดานักบิด เริ่มกันที่การออกแบบภายนอกของอินเทกราดูแข็งแรงบึกบึน ด้วยเส้นสายโค้งมนรับกับเหลี่ยมสันของบังลมหน้าและด้านข้าง ไล่เรียงยาวไปตลอดจนถึงมือจับหลัง โคมไฟหน้าขนาดใหญ่ประกบด้วยไฟเลี้ยวทั้งสองด้าน จับคู่ลงตัวดีกับชิลด์หน้าทรงสูง เรือนวัดความเร็วใช้แบบดิจิตอล คอนโซลด้านขวาเป็นเบรกมือ ส่วนด้านซ้ายสามารถเปิด-ปิดใช้เก็บของใช้เล็กๆ น้อยๆ และมีออฟชันเป็นช่องเสียบชาร์จอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์อยู่ใต้เบาะติดรถมาให้อีกต่างหาก
ขณะที่ด้านมิติตัวรถหากดูผิวเผินจะไม่แตกต่างจากที่เคยเห็นกันอยู่มากนัก เพราะขนาดขยายใหญ่ขึ้นเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับพีซีเอ็กซ์ กว้างและยาวกว่าเพียง 52 มม. และ278 มม. ตามลำดับ เช่นเดียวกับความสูงของเบาะที่เพิ่มขึ้น 30 มม. แต่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้การก้าวขึ้น-ลง หรือเหยียดปลายเท้าประคองรถขณะจอดนิ่งแต่อย่างใด (ผู้เขียนสูง 170 ซม.)
เมื่อได้เวลาล้อหมุน บิดกุญแจแบบฝังชิพอิมโมบิไลเซอร์ พร้อมกดปุ่มสตาร์ต ขุมพลัง 4 จังหวะ 2 สูบ ขนาด 670 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ ควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอิเลกทรอนิกส์ ขับเคลื่อนด้วยระบบ DCT แบบอัตโนมัติทำงานประสานชุดเกียร์ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 51 แรงม้าที่ 6,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 62 นิวตัน-เมตรที่ 4,700 รอบต่อนาที และส่งกำลังขั้นสุดท้ายด้วยโซ่ ส่งเสียงคำรามดังแทบไม่ได้ยิน เพราะเครื่องยนต์เดินเรียบและเบามาก และเมื่อมือขวาเลื่อนกดปุ่มเลือกโหมดขับเคลื่อนไปที่ “โหมด ดี” พร้อมบิดคันเร่งเบาๆ บิ๊กสกู๊ตเตอร์น้ำหนักกว่า 238 กก. จึงเคลื่อนตัวออกเดินทางจากบิ๊กวิงตามกำหนดการที่วางไว้
สำหรับระบบการขับขี่ของเทคโนโลยี DCT (Dual Clutch Transmission) หรือการส่งกำลังแบบคลัตซ์คู่ที่ติดตั้งอยู่ในอินเทกรามี 3 รูปแบบให้เลือกใช้ คือ โหมด ดี-ทั่วไป, เอส-แบบสปอร์ต และแมนน่วล-เปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง
ในช่วงเริ่มต้น ผู้เขียนเลือกใช้โหมดทั่วไป ขับขี่ด้วยความเร็วปานกลาง ทั้งนี้ เพื่อที่จะสร้างความคุ้นเคยกับตัวรถให้ดีเสียก่อน ซึ่งความประทับใจแรกอยู่ที่ท่านั่งสะดวกสบาย เบาะกว้างรองรับบั้นท้ายได้กระชับ ท่อนขากึ่งเหยียดกึ่งยัน เข่างอเล็กน้อย ช่วงบนเป็นอิสระไม่รู้สึกเกร็ง ความสูงของแฮนด์บังคับอยู่ระดับกลางลำตัว ระยะห่างช่วงยืดแขนไม่หย่อนหรือตึงจนเกินไป
หลังจากแวะพักเติมน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว ทันทีที่ปรับใช้โหมดสปอร์ต กล่องอีซียูจะประมวลผลการเปลี่ยนเกียร์ในรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น จึงสัมผัสได้ถึงแรงบิดที่มากกว่าเดิม และในจังหวะเร่งแซงหากกระแทกคันเร่งแบบฉับพลัน ระบบส่งกำลังจะลดตำแหน่งเกียร์ลงมา ตลอดจนการขับขี่ขึ้นหรือลงเขา เครื่องยนต์จะใช้เลือกเกียร์ต่ำเองโดยอัตโนมัติเช่นกัน
ด้านความปลอดภัย แม้ระบบห้ามล้อด้านหน้าจะใช้ดิสก์เบรกเดี่ยวก็ตาม แต่ยืนยันว่าฝากความหวังได้เต็มร้อย เพราะมาพร้อมกับ ABS ป้องกันล้อล็อก และ CBS กระจายแรงเบรกทั้งหน้าและหลังด้วย
โดยรวมแล้วการขับขี่ใช้งานบนถนนทุกอย่างเกือบลงตัว หากมีสองสิ่งที่ขัดใจ คือ ชิลด์บังลมหน้าอยู่สูงในระดับเดียวกับสายตา อาจรบกวนสมาธิของผู้ขับขี่ได้ ส่วนอีกจุด คือ ระบบรองรับแรงสะเทือนทั้งหน้าและหลัง ปรับเซตออกจากโรงงานแข็งกระด้างไปหน่อย แต่มาถึงบางอ้อเมื่อได้ลองวิ่งในสนามแข่งโบนันซ่า เพิ่งเข้าใจว่าช่วงล่างออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาทำให้การเข้าออกโค้งทำได้อย่างมั่นใจ ยิ่งเล่นควบคู่กับโหมดแมนน่วลจะยิ่งรู้สึกสนุก จนผู้ขับขี่แทบไม่อยากลงจากรถกันเลยทีเดียว
ด้านอัตราบริโภคน้ำมัน ปิดทริปรวมระยะทาง 386.2 กม. ทำได้ถึง 29.69 กม./ลิตร (วัดจากการใช้แก๊สโซฮอล์ 91)
ท้ายที่สุดคงไม่เกินจริงไปนัก หากจะสรุปว่า “อินเทกรา” เป็นบิ๊กสกู๊ตเตอร์ที่ครบเครื่องเรื่องการใช้งาน ขี่สบาย ได้ความสนุก เร้าใจ และประหยัดที่สุดในยุคนี้