ข่าวในประเทศ- ทาทา มอเตอร์ส ส่ง ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ เครื่องยนต์ดีเซล และซีเอ็นจี เสริมทัพไลน์กระบะพาณิชย์ ครั้งแรกในเมืองไทยกับกระบะใช้เพลา เฮฟวี่ ดิวตี้ สนองความต้องการลูกค้าในการใช้งานบรรทุกหนักมากกว่าเดิม พร้อมพัฒนาเครื่องยนต์ซีเอ็นจีให้มีความทนทานขึ้น เตรียมบุกตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่เต็มตัว และขยายศูนย์บริการรองรับลูกค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ฉลองการก้าวสู่ปีที่ 5 ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ด้วยการส่ง ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ (TATA Xenon Giant Heavy Duty) กระบะเพื่อการพาณิชย์รุ่นแรกในเมืองไทยที่ติดตั้งเพลาแบบ เฮฟวี่ ดิวตี้ ซึ่งผลิตออกมา 2 รุ่น ทั้งในรุ่นซีนอน เฮฟวี่ ดิวตี้ เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ และซีนอน เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจีพลัส เครื่องยนต์ซีเอ็นจี 2.1 ลิตรใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการให้กับลูกค้าที่ใช้รถเพื่อดำเนินธุรกิจขนส่งต่างๆ ได้อย่างคุ้มค่าคุ้มราคามากยิ่งขึ้น
ทางด้าน นายอจิต เวนคาทารามาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึงการส่ง ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ทั้ง 2 เครื่องยนต์ลงตลาดรถกระบะเพื่อการพาณิชย์ในครั้งนี้ว่า “ทาทา มอเตอร์ส ถือเป็นผู้นำในตลาดรถปิคอัพเพื่อการพาณิชย์อย่างแท้จริง การเปิดตัว ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ทั้งสองรุ่น ทำให้ปัจจุบันเรามีรถเพื่อการพาณิชย์ถึง 6 รุ่น ซึ่งครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ เราพบว่ามีลูกค้าบางกลุ่มที่มีความต้องการใช้รถเป็นพิเศษ และมีการนำรถไปดัดแปลงเอง ซึ่งทำให้บางชิ้นส่วนรวมถึงระบบต่างๆ ไม่ได้รับการปรับแต่งอย่างเหมาะสม และทำให้สิทธิ์การรับประกันตามปกติเสียไป โดย ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ มีอุปกรณ์และชิ้นส่วนต่างๆ ที่ติดตั้งจากโรงงานเป็นอุปกรณ์มาตรฐานและผ่านการออกแบบมาให้มีความทนทานเพื่อการใช้งานหนักโดยเฉพาะ ทำให้ลูกค้าของเราสามารถใช้งานรถได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น”
โดยเฉพาะในส่วนของ ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจีพลัส นั้น ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ใช้ประสบการณ์ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปีที่ผ่านมาในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายรถซีเอ็นจีเป็นรายแรกในไทย สร้างความเข้าใจถึงความต้องการและวิธีการใช้งานรถของผู้บริโภคชาวไทยโดยเฉพาะในส่วนของผู้ประกอบการ ซึ่งเน้นที่การนำรถไปใช้งานหนักในการดำเนินธุรกิจ การขนส่งสินค้า เป็นอย่างดี เพื่อเป็นพื้นฐานในการการพัฒนาเครื่องยนต์และอุปกรณ์ชิ้นส่วนของไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจีพลัส ที่มีความแข็ง แกร่งทนทานต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น
“ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ทั้ง 2 เครื่องยนต์จะเป็นทางเลือกที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่ต้องการลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น ทั้งจากระบบเพลาลอยแบบ เฮฟวี่ ดิวตี้ ที่มีความแข็ง แกร่งกว่าเพลารถกระบะทั่วไป จึงให้ความแข็งแรง ทนทานที่เหนือกว่า ประกอบกับกระบะท้ายของทาทา ยังเป็นกระบะพื้นเรียบ ไม่ติดซุ้มล้อ เสริมให้บรรทุกสินค้าต่างๆ ได้มาก การขนส่งสินค้าต่อรอบจะขนได้มากขึ้น ประหยัดทั้งเชื้อเพลิงและเวลาในการดำเนินธุรกิจ ขณะเดียวกันในรุ่นทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจีพลัส ยังมีการติดตั้งถังบรรจุก๊าซธรรมชาติซีเอ็นจีมากถึง 3 ถัง ซึ่งจะสามารถวิ่งได้ในระยะทางไกลกว่า 350 กิโลเมตร และนั่นจะช่วยประหยัดเวลาที่ต้องเสียไปกับการแวะเติมเชื้อเพลิงอีกด้วย ทั้งนี้ นอกจากความคุ้มค่าคุ้มราคาจากสมรรถนะของ ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ แล้ว ลูกค้ายังได้รับความคุ้มค่าจากการได้สิทธิ์คืนเงินตามนโยบายรถคันแรกของรัฐบาลด้วย” นายอจิต กล่าว
ประธานเจ้าหน้าบริหารของ ทาทา มอเตอร์ส ยังกล่าวถึงการเปิดตัว ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ในเมืองไทยครั้งนี้ว่า “ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ เป็นการขยายตลาดไปยังลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความต้องการใช้งานรถที่บรรทุกได้มากขึ้น ขณะที่รถกระบะทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เครื่องยนต์ดีเซล รุ่นเพลามาตรฐาน ก็ยังมีการผลิตและจำหน่ายต่อไป เนื่องจากลูกค้าในส่วนที่ใช้งานบรรทุกทั่วไปแบบปกติก็ยังคงมีอยู่ ทั้งนี้เรามั่นใจว่าการเปิดตัว ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ทั้งสองรุ่นในครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ซึ่งการเปิดตัวรถทั้งสองรุ่นยังถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในดำเนินธุรกิจในตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ด้วยการนำ เสนอผลิตภัณฑ์ที่รวมแล้วมากถึง 6 รุ่นในปัจจุบัน ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุดในตลาด”
สำหรับ ซีนอน เฮฟวี่ ดิวตี้ เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ สนนราคา 519,000 บาท และซีนอน เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจีพลัส เครื่องยนต์ซีเอ็นจี 2.1 ลิตรใหม่ สนนราคา 569,000 บาท
นอกจากการเปิดตัวรถกระบะเพื่อการพาณิชย์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ทั้ง 2 รุ่น ปัจจุบัน ทาทา มอเตอร์ส ยังได้ขยายตัวไปสู่รถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่อย่างเต็มรูปแบบ จากการเพิ่มแผนก “รถบรรทุกขนาดใหญ่” ซึ่งได้มีการแต่งตั้ง นายสมพงษ์ ผลจิตจรูญ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการตลาด เป็นผู้อำนวยการแผนกรถบรรทุกขนาดใหญ่ ของ ทาทา มอเตอร์ส เพื่อวางแผน ขยายตลาด และดำเนินกิจกรรมทางการตลาด
“หลังจากที่ ทาทา มอเตอร์ส เปิดตัวรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ทาทา แดวู เป็นรถหัวลาก ทาทา โนวัส เครื่องยนต์ซีเอ็นจี และเครื่องยนต์ดีเซล เป็นครั้งแรกในเมืองไทย เมื่อปลายปี 2554 ที่ผ่านมา ก็ได้รับความสนใจและการตอบสนองที่ดีจากลูกค้า ขณะเดียวกันรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่และรถขนส่งมวลชนของ ทาทา มอเตอร์ส ก็มีความทันสมัย มีคุณภาพ สมรรถนะสูง ความคุ้มค่าคุ้มราคาเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เราจึงเล็งเห็นว่าควรเปิดตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าและนักธุรกิจในเมืองไทย ที่มองหาคุณภาพ สมรรถนะ และความคุ้มค่าสำหรับการลงทุนกับรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจขนส่งสินค้าต่างๆ รวมไปถึงรถขนส่งมวลชน และขณะนี้เราก็พร้อมแล้วที่จะเดินหน้ากับตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่อย่างเต็มตัว” นายอจิต กล่าว
ด้านบริการหลังการขาย ภายในระยะเวลาเพียง 4 ปีที่ผ่านมา ทาทา มอเตอร์ส มีศูนย์บริการทั้งหมด 49 แห่ง ซึ่ง ทาทา มอเตอร์ส ยังคงต้องการสร้างเครือข่ายในการให้บริการหลังการขายให้กับลูกค้าได้อย่างครอบ คลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งการก้าวขึ้นสู่ปีที่ 5 ของ ทาทา มอเตอร์ส ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ได้วาง เป้าหมายไว้ว่า จะเพิ่มศูนย์บริการเป็น 65 แห่ง ภายในปีงบประมาณ 2555 เพื่อรองรับลูกค้าได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น พร้อมนำระบบการจัดการผู้แทนจำหน่าย DMS (Dealer Management System) เข้ามาใช้กับดีลเลอร์ทั่วประเทศ เพื่อให้ดีลเลอร์สามารถจัดระบบบริหารและตอบสนองลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ทาทา มอเตอร์ส ได้ให้ความสำคัญกับจุดนี้เสมอมา เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความมั่นใจให้กับลูกค้าของ ทาทา มอเตอร์ส
“การพัฒนาคุณภาพและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของ ทาทา มอเตอร์ส รวมไปถึงการพัฒนาและเพิ่มคุณภาพของบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง เป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าของเรา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ทาทา มอเตอร์ส กล่าว
บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ฉลองการก้าวสู่ปีที่ 5 ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ด้วยการส่ง ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ (TATA Xenon Giant Heavy Duty) กระบะเพื่อการพาณิชย์รุ่นแรกในเมืองไทยที่ติดตั้งเพลาแบบ เฮฟวี่ ดิวตี้ ซึ่งผลิตออกมา 2 รุ่น ทั้งในรุ่นซีนอน เฮฟวี่ ดิวตี้ เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ และซีนอน เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจีพลัส เครื่องยนต์ซีเอ็นจี 2.1 ลิตรใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการให้กับลูกค้าที่ใช้รถเพื่อดำเนินธุรกิจขนส่งต่างๆ ได้อย่างคุ้มค่าคุ้มราคามากยิ่งขึ้น
ทางด้าน นายอจิต เวนคาทารามาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึงการส่ง ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ทั้ง 2 เครื่องยนต์ลงตลาดรถกระบะเพื่อการพาณิชย์ในครั้งนี้ว่า “ทาทา มอเตอร์ส ถือเป็นผู้นำในตลาดรถปิคอัพเพื่อการพาณิชย์อย่างแท้จริง การเปิดตัว ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ทั้งสองรุ่น ทำให้ปัจจุบันเรามีรถเพื่อการพาณิชย์ถึง 6 รุ่น ซึ่งครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ เราพบว่ามีลูกค้าบางกลุ่มที่มีความต้องการใช้รถเป็นพิเศษ และมีการนำรถไปดัดแปลงเอง ซึ่งทำให้บางชิ้นส่วนรวมถึงระบบต่างๆ ไม่ได้รับการปรับแต่งอย่างเหมาะสม และทำให้สิทธิ์การรับประกันตามปกติเสียไป โดย ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ มีอุปกรณ์และชิ้นส่วนต่างๆ ที่ติดตั้งจากโรงงานเป็นอุปกรณ์มาตรฐานและผ่านการออกแบบมาให้มีความทนทานเพื่อการใช้งานหนักโดยเฉพาะ ทำให้ลูกค้าของเราสามารถใช้งานรถได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น”
โดยเฉพาะในส่วนของ ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจีพลัส นั้น ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ใช้ประสบการณ์ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปีที่ผ่านมาในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายรถซีเอ็นจีเป็นรายแรกในไทย สร้างความเข้าใจถึงความต้องการและวิธีการใช้งานรถของผู้บริโภคชาวไทยโดยเฉพาะในส่วนของผู้ประกอบการ ซึ่งเน้นที่การนำรถไปใช้งานหนักในการดำเนินธุรกิจ การขนส่งสินค้า เป็นอย่างดี เพื่อเป็นพื้นฐานในการการพัฒนาเครื่องยนต์และอุปกรณ์ชิ้นส่วนของไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจีพลัส ที่มีความแข็ง แกร่งทนทานต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น
“ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ทั้ง 2 เครื่องยนต์จะเป็นทางเลือกที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่ต้องการลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น ทั้งจากระบบเพลาลอยแบบ เฮฟวี่ ดิวตี้ ที่มีความแข็ง แกร่งกว่าเพลารถกระบะทั่วไป จึงให้ความแข็งแรง ทนทานที่เหนือกว่า ประกอบกับกระบะท้ายของทาทา ยังเป็นกระบะพื้นเรียบ ไม่ติดซุ้มล้อ เสริมให้บรรทุกสินค้าต่างๆ ได้มาก การขนส่งสินค้าต่อรอบจะขนได้มากขึ้น ประหยัดทั้งเชื้อเพลิงและเวลาในการดำเนินธุรกิจ ขณะเดียวกันในรุ่นทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจีพลัส ยังมีการติดตั้งถังบรรจุก๊าซธรรมชาติซีเอ็นจีมากถึง 3 ถัง ซึ่งจะสามารถวิ่งได้ในระยะทางไกลกว่า 350 กิโลเมตร และนั่นจะช่วยประหยัดเวลาที่ต้องเสียไปกับการแวะเติมเชื้อเพลิงอีกด้วย ทั้งนี้ นอกจากความคุ้มค่าคุ้มราคาจากสมรรถนะของ ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ แล้ว ลูกค้ายังได้รับความคุ้มค่าจากการได้สิทธิ์คืนเงินตามนโยบายรถคันแรกของรัฐบาลด้วย” นายอจิต กล่าว
ประธานเจ้าหน้าบริหารของ ทาทา มอเตอร์ส ยังกล่าวถึงการเปิดตัว ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ในเมืองไทยครั้งนี้ว่า “ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ เป็นการขยายตลาดไปยังลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความต้องการใช้งานรถที่บรรทุกได้มากขึ้น ขณะที่รถกระบะทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เครื่องยนต์ดีเซล รุ่นเพลามาตรฐาน ก็ยังมีการผลิตและจำหน่ายต่อไป เนื่องจากลูกค้าในส่วนที่ใช้งานบรรทุกทั่วไปแบบปกติก็ยังคงมีอยู่ ทั้งนี้เรามั่นใจว่าการเปิดตัว ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ทั้งสองรุ่นในครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ซึ่งการเปิดตัวรถทั้งสองรุ่นยังถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในดำเนินธุรกิจในตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ด้วยการนำ เสนอผลิตภัณฑ์ที่รวมแล้วมากถึง 6 รุ่นในปัจจุบัน ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุดในตลาด”
สำหรับ ซีนอน เฮฟวี่ ดิวตี้ เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ สนนราคา 519,000 บาท และซีนอน เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจีพลัส เครื่องยนต์ซีเอ็นจี 2.1 ลิตรใหม่ สนนราคา 569,000 บาท
นอกจากการเปิดตัวรถกระบะเพื่อการพาณิชย์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ทั้ง 2 รุ่น ปัจจุบัน ทาทา มอเตอร์ส ยังได้ขยายตัวไปสู่รถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่อย่างเต็มรูปแบบ จากการเพิ่มแผนก “รถบรรทุกขนาดใหญ่” ซึ่งได้มีการแต่งตั้ง นายสมพงษ์ ผลจิตจรูญ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการตลาด เป็นผู้อำนวยการแผนกรถบรรทุกขนาดใหญ่ ของ ทาทา มอเตอร์ส เพื่อวางแผน ขยายตลาด และดำเนินกิจกรรมทางการตลาด
“หลังจากที่ ทาทา มอเตอร์ส เปิดตัวรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ทาทา แดวู เป็นรถหัวลาก ทาทา โนวัส เครื่องยนต์ซีเอ็นจี และเครื่องยนต์ดีเซล เป็นครั้งแรกในเมืองไทย เมื่อปลายปี 2554 ที่ผ่านมา ก็ได้รับความสนใจและการตอบสนองที่ดีจากลูกค้า ขณะเดียวกันรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่และรถขนส่งมวลชนของ ทาทา มอเตอร์ส ก็มีความทันสมัย มีคุณภาพ สมรรถนะสูง ความคุ้มค่าคุ้มราคาเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เราจึงเล็งเห็นว่าควรเปิดตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าและนักธุรกิจในเมืองไทย ที่มองหาคุณภาพ สมรรถนะ และความคุ้มค่าสำหรับการลงทุนกับรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจขนส่งสินค้าต่างๆ รวมไปถึงรถขนส่งมวลชน และขณะนี้เราก็พร้อมแล้วที่จะเดินหน้ากับตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่อย่างเต็มตัว” นายอจิต กล่าว
ด้านบริการหลังการขาย ภายในระยะเวลาเพียง 4 ปีที่ผ่านมา ทาทา มอเตอร์ส มีศูนย์บริการทั้งหมด 49 แห่ง ซึ่ง ทาทา มอเตอร์ส ยังคงต้องการสร้างเครือข่ายในการให้บริการหลังการขายให้กับลูกค้าได้อย่างครอบ คลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งการก้าวขึ้นสู่ปีที่ 5 ของ ทาทา มอเตอร์ส ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ได้วาง เป้าหมายไว้ว่า จะเพิ่มศูนย์บริการเป็น 65 แห่ง ภายในปีงบประมาณ 2555 เพื่อรองรับลูกค้าได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น พร้อมนำระบบการจัดการผู้แทนจำหน่าย DMS (Dealer Management System) เข้ามาใช้กับดีลเลอร์ทั่วประเทศ เพื่อให้ดีลเลอร์สามารถจัดระบบบริหารและตอบสนองลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ทาทา มอเตอร์ส ได้ให้ความสำคัญกับจุดนี้เสมอมา เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความมั่นใจให้กับลูกค้าของ ทาทา มอเตอร์ส
“การพัฒนาคุณภาพและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของ ทาทา มอเตอร์ส รวมไปถึงการพัฒนาและเพิ่มคุณภาพของบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง เป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าของเรา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ทาทา มอเตอร์ส กล่าว