xs
xsm
sm
md
lg

จากไทยสู่ลาว-อีซูซุพิชิตหมื่นโค้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด นำประชาคมอีซูซุปิดทริปคาราวานท่องเที่ยวประจำปี 2555 ภายใต้ชื่อ “อีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรล คาราวานสัญจร” อันเป็นหนึ่งในกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ของบริษัทฯ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ด้วยการพาตะลุยเส้นทางหฤโหดกว่าหมื่นโค้งจากดินแดนไทยสู่ลาว เมื่อวันที่ 1-5 สิงหาคม ที่ผ่านมา

สำหรับเส้นทางที่ 4 ของกิจกรรมคาราวานสัญจรในปีนี้ เป็นการเดินทางออกนอกประเทศจากไทยสู่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยจุดรวมพลประชาคมอีซูซุอยู่ที่โรงแรมรอยัล นาคารา จังหวัดหนองคาย และในคืนแรกก่อนการเดินทางเช่นเคยกับการบรรยายสรุปเส้นทางพร้อมชี้แจงกฏ กติกา มารยาท ในการขับรถร่วมขบวนคาราวาน ซึ่งหัวข้อที่อาจารย์พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ผู้อำนวยการจัดทริปครั้งนี้เน้นย้ำเป็นพิเศษก็คือ ต้องขับรถชิดขวาตามกฏจราจรตลอดระยะเวลาที่อยู่ในสปป.ลาว
เส้นทางคดโค้งและสวยงาม โอบล้อมด้วยขุนเขาและธรรมชาติ
หลังพระอาทิตย์ลอยขึ้นเหนือขอบฟ้า เวลา 07.45 น. คณะคาราวานสัญจรวิ่งผ่านซุ้ม ณ จุดปล่อยรถบริเวณโชว์รูม หจก.เฮียบหงวนมิลเลอร์ สาขาหนองคาย ก่อนเข้าสู่จุดข้ามแดนที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว พร้อมเช็คเอกสารตรวจคนเข้าเมืองและมุ่งหน้าเข้าสู่จุดหมายแรกที่วังเวียง เพื่อแวะพักรับประทานอาหารกลางวัน ซึ่งสมาชิกทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้น เพราะนับเป็นอาหารมื้อแรกในพื้นที่ต่างแดนในดินแดนลุ่มน้ำโขงแห่งนี้

กล่าวถึงเมืองวังเวียง ตามคำบอกเล่าของปูเป้-ไกด์ท้องถิ่นที่ร่วมคณะไปกับเรา เธอเล่าว่า ในสมัยก่อนเมืองแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า “วังเว” แปลว่า เมืองที่เงียบเหงา แต่สิ่งที่เห็นปัจจุบันแตกต่างจากที่เคยเป็นอย่างสิ้นเชิง เพราะล่าสุดกลายเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่คึกคักที่สุดรองจากหลวงพระบาง โดยขึ้นชื่อในเรื่องทัศนียภาพของทิวเขาตระการตา สลับกับไร่นาแบบขั้นบันได และหมู่บ้านชนพื้นเมืองเผ่าต่างๆ
ผาตั้ง สัญลักษณ์ของวังเวียง อีกหนึ่งวิวที่นิยมนำมาทำโปสการ์ด
วังเวียงมีผาตั้งเป็นสัญลักษณ์ประจำถิ่น รูปร่างเป็นภูเขาลูกเดียวที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว ด้านหน้ามีแม่น้ำซองไหลผ่าน ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างขนานนามให้เป็น “กุ้ยหลินเมืองลาว”

เข้าสู่ในช่วงบ่ายแม้จะเกิดอุปสรรคจากดินถล่มขวางปิดเส้นทาง ทำให้คณะเดินทางต้องเสียเวลารอนานกว่า 4 ชั่วโมง แต่ท้ายที่สุดรถทุกคันก็เข้าถึงที่พักในเมืองโพนสะหวัน จังหวัดเชียงขวาง ได้โดยสวัสดิภาพ
ระหว่างทางผ่านเขานมสาว
เขาอ้าปากและเขานมสาว มองมุมไหนก็อยู่คู่กันเสมอ
ทุ่งไหหิน
เริ่มต้นการเดินทางในต่างแดนของเช้าตรู่วันถัดมา ขบวนคาราวานเคลื่อนพลสู่ทุ่งไหหิน แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเชียงขวาง เป็นทุ่งกว้างประดับด้วยหินรูปทรงคล้ายไห มีทั้งขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ น้ำหนักเบาที่สุดตั้งแต่ 40 กิโลกรัม ไปจนถึงหนักสุด 15 ตัน วางเรียงรายจำนวนกว่าร้อยใบ

ด้านความเป็นมาของทุ่งไหหินยังไม่ปรากฎแน่ชัด มีข้อสันนิษฐานไปต่างๆ นานา บ้างว่าสร้างเพื่อใช้หมักเหล้าดื่มฉลองหลังจบสงครามอินโดจีน บ้างว่าใช้เป็นที่ใส่ซากศพของคนที่เสียชีวิตในยุค 2-3 พันปีก่อน เพราะค้นพบหลักฐานโครงกระดูกมนุษย์ในไหบางลูก แต่ท้ายที่สุดนักโบราณคดีก็ยังไม่อาจชี้ชัดถึงจุดกำเนิดที่แน่นอนได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยู่รอบบริเวณทุ่งแห่งนี้ กลับดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวได้มากกว่าเสียอีก นั่นคือ ร่องรอยความสูญเสียจากภาวะสงคราม โดยเฉพาะลูกระเบิดที่ยังต้องรอการเก็บกู้อยู่อีกมาก
ปูเป้-ไกด์สาวชาวลาว
“เคยพานักท่องเที่ยวมาแล้ว จู่ๆ เกิดเสียงดัง ตู้ม เนื่องจากพื้นที่โดยรอบเจ้าหน้าที่กำลังเก็บกู้ระเบิดอยู่ เพราะฉะนั้นอย่าเดินออกนอกเขตธงที่ปักไว้นะคะ” ปูเป้ เล่าพร้อมสีหน้ายิ้มแย้ม ผิดกับคนฟังที่ยิ้มไม่ออก แต่พร้อมปฏิบัติตามคำบอกอย่างเคร่งครัด

ก่อนพลบค่ำกว่าจะเดินทางมาถึงเมืองหลวงพระบาง ขบวนคาราวานต้องขับลุยฝ่าเส้นทางหฤโหด ทั้งหลุม บ่อ และทางคดโค้งที่สร้างปัญหาให้ท้องไส้ปั่นป่วนได้เป็นอย่างดี ทำเอาสมาชิกทั้งลูกค้าอีซูซุและคณะผู้สื่อข่าวต่างเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียไปตามๆ กัน

“เส้นทางจากเวียงจันทร์มาถึงหลวงพระบาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 13 มีทางโค้งประมาณ 3,870 กว่าโค้ง จากเชียงขวางไปหลวงพระบางก็มีจำนวนโค้งพอๆ กัน หากนับรวมไป-กลับ เราต้องวิ่งผ่านกว่าหมื่นโค้งแน่ๆ” ไกด์สาวเล่าเหมือนเป็นเรื่องปกติของคนท้องถิ่น
เจ้าหน้าที่กู้ระเบิดที่ตกค้างจากสงคราม (จุดสีฟ้าคือบริเวณที่รอการเก็บกู้)
บรรยากาศเมืองมรดกโลก

เช้ารุ่งขึ้นเราตื่นขึ้นมาสูดอากาศบริสุทธิ์ในเมืองที่บรรจุอยู่ในบัญชีรายชื่อ “เมืองมรดกโลก” พร้อมกับการร่วมทำบุญตักบาตรข้าวเหนียว ประเพณีไฮไลต์สำคัญด้านการท่องเที่ยวของที่นี่ และต่อเนื่องกับการเข้าชมวัดเชียงทอง วัดสำคัญคู่เมืองที่งดงามที่สุด จนได้รับการยกย่องจากนักโบราณคดีว่าเป็นดั่ง “อัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมลาว” สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ปีพ.ศ.2103 เป็นสุดยอดแห่งสถาปัตยกรรมล้านช้างที่ใครไปเยือนหลวงพระบางแล้วไม่ควรพลาด
กระติ๊บข้าวเหนียววางเรียงรายเป็นแถวยาว
ยังคงอยู่ในอดีตราชธานีของอาณาจักรล้านช้างเกือบ 200 ปี คาราวานสัญจรเคลื่อนขบวนเข้าชมพระราชวังหลวง หรือหอพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง แต่เดิมเคยเป็นที่พำนักของเจ้ามหาชีวิต เริ่มก่อสร้างในปีพ.ศ.2447 ในสมัยพระเจ้าสักกะริน และแล้วเสร็จในปีพ.ศ.2452 ในสมัยพระเจ้าศรีสว่างวงศ์ ออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส ลักษณะเป็นหมู่อาคารชั้นเดียว มีแผนผังเป็นรูปกากบาท และสร้างฐานซ้อนกันหลายชั้น หลังคามุงกระเบื้อง นับเป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของอาคารแบบฝรั่งเศสกับศิลปะแบบล้านช้าง

ทุกสิ่งที่เห็นล้วนประทับใจ แต่น่าเสียดายที่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปโดยเด็ดขาด
พระสงฆ์นับร้อยรูปเดินบิณฑบาตรต่อแถวยาวเหยียด
ช่วงเย็นเราเดินทางกลับมาเยือนวังเวียงอีกครั้ง เพื่อชาร์จแบตพักผ่อนให้เต็มที่ ก่อนเข้าสู่การท่องเที่ยวปิดทริปในวันรุ่งขึ้น

เช้าวันสุดท้ายของ “อีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรล คาราวานสัญจร” ประจำปีนี้ หลังรับประทานอาหารกันเรียบร้อย คณะเรามุ่งหน้าสู่นครหลวงเวียงจันทร์ พร้อมเที่ยวชมเมืองและศาสนสถานที่สำคัญของเมืองหลวง สปป.ลาว อาทิ พระธาตุหลวง ประตูชัย และปิดท้ายกับการสวมฐานะเศรษฐีเฉพาะกิจบริเวณจุดผ่านแดน สังเกตเห็นบางคนต้องถือเงินล้านสกุลกีบช้อปปิ้งนับเงินทอนกันไม่หวาดไหวเลยทีเดียว...

หมายเหตุ-สกุลเงินหลักของลาวคือ “กีบ” ไม่มีเงินเหรียญกษาปณ์ โดยเป็นธนบัตรทั้งหมด มีตั้งแต่ฉบับละ 500-50,000 กีบ อัตราแลกเปลี่ยน 1 บาท = 250 กีบ
วัดเชียงทอง


มีบริการล่องเรือไหว้พระชมถ้ำด้วย
ประตูชัย นักท่องเที่ยวที่มานครหลวงเวียงจันทร์ต้องไม่พลาดถ่ายรูปที่ระลึกบริเวณนี้

มุมมองจากใต้ประตูชัย

กำลังโหลดความคิดเห็น