จัดหนักอัดเต็มอีกแล้วครับ คราวนี้บริษัท เอเอเอส ออโต้เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่แต่เพียงผู้เดียวในไทย เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวได้ลองขับ ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า เอส (911 Carrera S) กันแบบถึงใจ โดยยึดลานอเนกประสงค์ของกรมทหารราบ 11 รักษาพระองค์ บางเขน เป็นสังเวียนทดสอบเหมือนเช่นเคย
สำหรับ “ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า เอส” ตอนนี้ต้องถือว่าเป็นตัวท็อปสุดของ 911 โมเดลเชนจ์ รหัสตัวถัง 991 ซึ่งเอเอเอส เริ่มส่งมอบรถให้ลูกค้าไปบ้างแล้ว ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ตัวรถถ้าดูจากรูปหรือมองผ่านๆ อาจจะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงจากโฉมเดิมเท่าใดนัก แต่จริงๆแล้ว 991 ปรับทั้ง ฮาร์ดแวร์และซอร์ฟแวร์ ใหม่ ให้ต่างจาก 997 ไปเยอะพอสมควร โดยพัฒนาเรื่องสมรรถนะการขับขี่และการประหยัดพลังงานพร้อมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป ซึ่งปอร์เช่แจ้งว่า ชิ้นส่วนของรถกว่า 90% ได้รับการออกแบบและพัฒนาใหม่ทั้งหมด
ด้วยรูปลักษณ์สปอร์ตคูเป้ที่ดูใหญ่สง่างาม สัดส่วนต่างๆยังดูลู่ลมลงตัว พร้อมแต้มแต่งความโดดเด่นด้วยไฟหน้าไบซีนอน ใช้หลอด LED กับโคมไฟหลัง กระจกมีความโค้งนูนมากขึ้น และล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วเต็มตาเต็มซุ้ม ขณะที่ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานCd ต่ำเพียง0.29
มิติด้านหน้ากว้างขึ้น52 มิลลิเมตร(ในรุ่น911 คาร์เรร่า เอส) ยาวกว่าเดิม56 มิลลิเมตร ขณะที่ระยะฐานล้อขยายเพิ่ม100 มิลลิเมตร แต่โอเวอร์แฮงค์หน้าสั้นลง 32 มิลลิเมตร และหลังสั้นลง 12 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม
ภายในดูทันสมัยให้อารมณ์หรูหราแบบผิดหูผิดตา ตำแหน่งของคันเกียร์ปรับเปลี่ยนให้อยู่สูงและใกล้กับพวงมาลัยมากขึ้น ปุ่มควบคุมต่างๆจัดวางให้ใช้งานง่าย โดยฝังรวมก้อนอยู่บริเวณคอนโซลกลาง พร้อมจอแสดงผลทัชสกรีนขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 7 นิ้ว
การเข้าออกภายในห้องโดยสารก็ยังต้องมุด แม้ประตูจะบานกว้างแต่รู้สึกว่าหลังคารถ-ตัวรถจะเตี้ยลงกว่าเดิมเล็กน้อย ซึ่งตำแหน่งผู้ขับอาจจะไม่ลำบากเท่า ผู้โดยสารกับที่นั่งด๊อกซีทด้านหลัง (แต่ใครจะสนใจ? เพราะนี่มัน 911 เชียวนะ)
หลังจากผู้เขียนเข้าไปนั่งตำแหน่งคนขับ ปรับเบาะ(ไฟฟ้า)ให้ถนัดถนี่ ยังไม่มีเวลาเก็บรายละเอียดฟังก์ชันการใช้งานอะไรมากมายครับ เครื่องยนต์ที่สตาร์ทรอไว้อยู่แล้ว (เพราะมีคนขับก่อนหน้า) ก็ใส่เกียร์เยียบคันเร่ง ควบสปอร์ตคาร์รุ่นใหญ่ออกไปทันที
ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า เอส ยังใช้เครื่องยนต์ขนาดเดิมคือ 6 สูบนอน 3.8 ลิตร แต่ปรับแรงม้า-แรงบิดเพิ่มขึ้น โดยให้กำลังสูงสุด 400 แรงม้าที่ 7,400 รอบต่อนาที (เดิม 385 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที) แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตรที่ 5,600 รอบต่อนาที (เดิม 420 นิวตันเมตรที่ 4,400รอบต่อนาที) ขณะเดียวกันด้วยโครงสร้างตัวถังใหม่ ที่หันมาใช้วัสดุน้ำหนักเบา น้ำหนักตัวจึงลดลงกว่าเดิมถึง 45 กิโลกรัม ย่อมส่งผลให้ แรงม้าต่อน้ำหนัก (power to weight ratio) ดีขึ้นแน่นอน
ดังนั้นเมื่อดูจากตัวเลขต่างๆ จึงมั่นใจว่าสมรรถนะคงจัดจ้านกว่าเดิม เหนืออื่นใดรุ่นที่ผู้เขียนได้ลองยังจะกำลังด้วยเกียร์ PDK (เป็นออปชันที่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม) ที่ขึ้นเชื่อเรื่องถ่ายทอดกำลังฉับไว ไม่สูญเสียกำลัง ยังจะเพิ่มความเร้าใจยิ่งขึ้นไปอีก
ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า เอส เกียร์ PDK สามารถทำอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่ง ไปจนถึงความเร็ว 100 กม./ชม. ได้ในเวลา 4.3 วินาที และมาพร้อมๆกับเสียงเครื่องยนต์บ็อกเซอร์วางหลังคำรามดังหวานหู ซึ่งประเด็นของเสียงเครื่องยนต์นี้ก็น่าสนใจ เพราะวิศวกรปอร์เช่ได้พัฒนาระบบ Sound Symposer ที่จะช่วยสร้างเสียงเร่งของเครื่องยนต์ให้เปล่งปลั่ง ฟังสุนทรีย์เข้ามาภายในห้องโดยสาร
โดยช่องทางของเสียงนี้มาจากการสั่นสะเทือนของท่อระหว่างวาล์วปีกผีเสื้อ (throttle valve) และตัวกรองอากาศ (air filter) ซึ่งจะถูกรวมเข้าไว้กับเยื่อบุผิวที่ทำการส่งสัญญาณเข้าสู่ภายในห้องโดยสาร ในส่วนของที่เก็บของกระจกด้านหลัง
…ให้อารมณ์พลุ่งพล่านไปอีกแบบครับกับระบบแต่งเสียงแบบนี้ ซึ่งรถสปอร์ตหลายๆรุ่นก็ทำกัน แต่ถ้าอยากอยู่(ขับ)เงียบๆ เพียงแค่กดโหมดสปอร์ตออกไปเท่านั้น
กลับมาที่เรื่องของการขับขี่ โดยในโหมดปกติจังหวะเปลี่ยนเกียร์(ทำงานอัตโนมัติ)รวดเร็ว และมีอาการดึงให้รู้สึกถึงความสปอร์ตนิดๆ แต่กระนั้นถ้าเลือกโหมดสปอร์ต พลัส แล้วเหยีบคันเร่งลึกๆแรงๆ การเปลี่ยนเกียร์จะเป็นบุคลิกแบบโหดสุดๆ ด้วยจังหวะกระฉากแบบหัวทิ่มหัวตำ พร้อมกับการลากรอบยาวๆไปแถว 6,000 รอบนั่นละครับ
ในโหมดสปอร์ต พลัส ให้การขับขี่ดุดัน และเกียร์จะไม่ไปที่ตำแหน่งสูงสุดหรือเกียร์ 7 ขณะเดียวกันถ้าเราเลือกโหมดนี้ตั้งแต่แรก สปอยเลอร์หลังของ911 คาร์เรร่า เอส จะยกตัวขึ้นอัตโนมัติทันที ซึ่งต่างจากโหมดปกติที่จะเริ่มยกตัวเมื่อความเร็ว 120 กม./ชม.ขึ้นไป
911 คาร์เรร่า เอส ใหม่หันมาใช้พวงมาลัยแบบผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ามาแทนที่แบบไฮดรอลิกเดิม ซึ่งน้ำหนักก็ยังหน่วงมือ แต่จะรู้สึกถึงแรงต้านที่น้อยลง(เมื่อเทียบกับปอร์เช่รุ่นเก่าๆที่ผู้เขียนเคยลองขับ) พร้อมกับการควบคุมที่คล่องแคล่วและแม่นยำมากขึ้น ที่สำคัญรถระดับนี้ทั้งน้ำหนักพวงมาลัยและองศาการเลี้ยวจะปรับตามสภาพการขับขี่ (ความเร็ว,ทิศทาง) เพื่อให้เกิดเสถียรภาพและตอบสนองได้ตรงใจคนขับมากที่สุด
อีกโหมดที่ถูกติดตั้งมาเป็นมาตรฐานใน 911 คาร์เรร่า เอส คือระบบช่วงล่างแบบแอคทีฟ(PASM - Porsche Active Suspension System) ซึ่งปอร์เช่ระบุว่า ได้อัพเกรดใหม่ โดยเพิ่มเซนเซอร์อีก4 ตัว บริเวณล้อหน้าและหลัง เพื่อคอยตรวจจับสัญญาณ อาทิ อัตราเร่ง องศาของพวงมาลัย แรงดันเบรก แรงบิดของเครื่องยนต์ และความเร็วในการขับขี่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งไปยังตัวควบคุมไฟฟ้าที่ส่งแรงกดที่ล้อแต่ละล้อภายในเสี้ยววินาที กล่าวคือแรงดันโช็กอัพจะปรับให้แข็ง-อ่อน ตามสภาวะการขับขี่ที่เกิดขึ้นจริงนั่นเอง
อย่างไรก็ตามผู้เขียนลองเปิดทั้งโหมดสปอร์ต พลัส และ PASM ไปพร้อมกัน ซึ่งรถเขารู้ครับว่าเราต้องการอะไร แม้ผู้เขียนจะไม่ได้ใช้ความเร็วสูงมาก หรืออยู่ประมาณ100-150 กม./ชม. (หน้าปัดวัดความเร็วขึ้นที่ละ 50 กม./ชม.) แต่รับรู้ได้ถึงความคล่องตัว จังหวะกระชากของเกียร์ การตอบสนองของช่วงล่างที่จงใจแข็ง รวมถึงพวงมาลัยหนึบแน่น ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงมาพร้อมกันหมด
….เรียกว่าจะจัดหนัก อัดค่อย รถก็ฉลาดที่จะเรียนรู้ไปตามผู้ขับ ดังนั้นถ้าเราขับแบบเรื่อยๆความเร็วปกติทั่วไป เจ้า 911 คาร์เรร่า เอส ก็เชื่องมือหรือควบคุมไม่ยากอย่างที่คิด เพียงแต่ว่าอย่าไปเผลอกดคันเร่งหนักเท่านั้นเอง
ยังมีอีกหนึ่งข้อมูลที่น่าสนใจของ 911 คาร์เรร่า เอส อันเป็นระบบที่ผู้เขียนไม่ได้ลองคือ ระบบสตาร์ท/หยุด อัตโนมัติ (Auto start stop function) ที่สามารถเลือกเปิด/ปิดได้ตรงปุ่มที่ฝังอยู่คอนโซลกลาง โดยเครื่องยนต์จะดับเองอัตโนมัติเมื่อรถจอดหยุดนิ่งหรือติดไฟแดง ซึ่งปอร์เช่เคลมว่าการติดตั้งระบบนี้จะช่วยให้รถประหยัดน้ำมันลงได้ 0.6 ลิตร/100 กม. เลยทีเดียว
ดังนั้นปอร์เช่จึงภูมิใจว่าด้วยระบบต่างๆที่ใส่เข้ามาใน 911 คาร์เรร่า เอส เกียร์ PDK จึงเป็นสปอร์ตคาร์ที่จิบน้ำมันพร้อมๆกับการปล่อยไอเสียน้อยรุ่นหนึ่งของโลก พร้อมเคลมอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ย 8.7 ลิตร ต่อ 100 กม. (11.49 กม./ลิตร) หรือลดลงกว่ารุ่นเก่า 14%
รวบรัดตัดความ...สปอร์ตคาร์เครื่องยนต์ 6 สูบนอน 3.8 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ รีดม้าได้ 400 ตัว วางบนโครงสร้าง-เลย์เอ้าท์เครื่องยนต์วางหลังขับเคลื่อนล้อหลัง ติดแบรนด์ “ปอร์เช่” จริงๆแค่เดินผ่านก็เสียวแล้ว ดังนั้นแม้จะเป็นการลองขับช่วงสั้นๆ แต่ก็พอรับรู้ถึงบุคลิกของการเป็นรถขับสนุก ขณะเดียวกันยังแฝงความสบายไว้พอสมควร(ปรับโหมดเลือกได้ตามใจชอบ) บวกออปชันทันสมัยและการตกแต่งภายในหรูหราดูผู้ดีกว่าเดิมมาก...สรุปกันง่ายๆนี่ละครับ อ่อลืมบอกไป 911 คาร์เรร่า เอส คันนี้ 14.5ล้านบาท
****นอกจากประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ระบบส่งกำลัง โครงสร้างตัวถังที่เบาขึ้น และลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ ปอร์เช่ยังแจ้งว่าระบบ/ฟังก์ชันใหม่ที่ใส่เข้ามาใน 911 คาร์เรร่า ยังช่วยให้รถกินน้ำมันน้อยลงดังนี้
สำหรับ “ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า เอส” ตอนนี้ต้องถือว่าเป็นตัวท็อปสุดของ 911 โมเดลเชนจ์ รหัสตัวถัง 991 ซึ่งเอเอเอส เริ่มส่งมอบรถให้ลูกค้าไปบ้างแล้ว ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ตัวรถถ้าดูจากรูปหรือมองผ่านๆ อาจจะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงจากโฉมเดิมเท่าใดนัก แต่จริงๆแล้ว 991 ปรับทั้ง ฮาร์ดแวร์และซอร์ฟแวร์ ใหม่ ให้ต่างจาก 997 ไปเยอะพอสมควร โดยพัฒนาเรื่องสมรรถนะการขับขี่และการประหยัดพลังงานพร้อมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป ซึ่งปอร์เช่แจ้งว่า ชิ้นส่วนของรถกว่า 90% ได้รับการออกแบบและพัฒนาใหม่ทั้งหมด
ด้วยรูปลักษณ์สปอร์ตคูเป้ที่ดูใหญ่สง่างาม สัดส่วนต่างๆยังดูลู่ลมลงตัว พร้อมแต้มแต่งความโดดเด่นด้วยไฟหน้าไบซีนอน ใช้หลอด LED กับโคมไฟหลัง กระจกมีความโค้งนูนมากขึ้น และล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วเต็มตาเต็มซุ้ม ขณะที่ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานCd ต่ำเพียง0.29
มิติด้านหน้ากว้างขึ้น52 มิลลิเมตร(ในรุ่น911 คาร์เรร่า เอส) ยาวกว่าเดิม56 มิลลิเมตร ขณะที่ระยะฐานล้อขยายเพิ่ม100 มิลลิเมตร แต่โอเวอร์แฮงค์หน้าสั้นลง 32 มิลลิเมตร และหลังสั้นลง 12 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม
ภายในดูทันสมัยให้อารมณ์หรูหราแบบผิดหูผิดตา ตำแหน่งของคันเกียร์ปรับเปลี่ยนให้อยู่สูงและใกล้กับพวงมาลัยมากขึ้น ปุ่มควบคุมต่างๆจัดวางให้ใช้งานง่าย โดยฝังรวมก้อนอยู่บริเวณคอนโซลกลาง พร้อมจอแสดงผลทัชสกรีนขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 7 นิ้ว
การเข้าออกภายในห้องโดยสารก็ยังต้องมุด แม้ประตูจะบานกว้างแต่รู้สึกว่าหลังคารถ-ตัวรถจะเตี้ยลงกว่าเดิมเล็กน้อย ซึ่งตำแหน่งผู้ขับอาจจะไม่ลำบากเท่า ผู้โดยสารกับที่นั่งด๊อกซีทด้านหลัง (แต่ใครจะสนใจ? เพราะนี่มัน 911 เชียวนะ)
หลังจากผู้เขียนเข้าไปนั่งตำแหน่งคนขับ ปรับเบาะ(ไฟฟ้า)ให้ถนัดถนี่ ยังไม่มีเวลาเก็บรายละเอียดฟังก์ชันการใช้งานอะไรมากมายครับ เครื่องยนต์ที่สตาร์ทรอไว้อยู่แล้ว (เพราะมีคนขับก่อนหน้า) ก็ใส่เกียร์เยียบคันเร่ง ควบสปอร์ตคาร์รุ่นใหญ่ออกไปทันที
ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า เอส ยังใช้เครื่องยนต์ขนาดเดิมคือ 6 สูบนอน 3.8 ลิตร แต่ปรับแรงม้า-แรงบิดเพิ่มขึ้น โดยให้กำลังสูงสุด 400 แรงม้าที่ 7,400 รอบต่อนาที (เดิม 385 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที) แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตรที่ 5,600 รอบต่อนาที (เดิม 420 นิวตันเมตรที่ 4,400รอบต่อนาที) ขณะเดียวกันด้วยโครงสร้างตัวถังใหม่ ที่หันมาใช้วัสดุน้ำหนักเบา น้ำหนักตัวจึงลดลงกว่าเดิมถึง 45 กิโลกรัม ย่อมส่งผลให้ แรงม้าต่อน้ำหนัก (power to weight ratio) ดีขึ้นแน่นอน
ดังนั้นเมื่อดูจากตัวเลขต่างๆ จึงมั่นใจว่าสมรรถนะคงจัดจ้านกว่าเดิม เหนืออื่นใดรุ่นที่ผู้เขียนได้ลองยังจะกำลังด้วยเกียร์ PDK (เป็นออปชันที่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม) ที่ขึ้นเชื่อเรื่องถ่ายทอดกำลังฉับไว ไม่สูญเสียกำลัง ยังจะเพิ่มความเร้าใจยิ่งขึ้นไปอีก
ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า เอส เกียร์ PDK สามารถทำอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่ง ไปจนถึงความเร็ว 100 กม./ชม. ได้ในเวลา 4.3 วินาที และมาพร้อมๆกับเสียงเครื่องยนต์บ็อกเซอร์วางหลังคำรามดังหวานหู ซึ่งประเด็นของเสียงเครื่องยนต์นี้ก็น่าสนใจ เพราะวิศวกรปอร์เช่ได้พัฒนาระบบ Sound Symposer ที่จะช่วยสร้างเสียงเร่งของเครื่องยนต์ให้เปล่งปลั่ง ฟังสุนทรีย์เข้ามาภายในห้องโดยสาร
โดยช่องทางของเสียงนี้มาจากการสั่นสะเทือนของท่อระหว่างวาล์วปีกผีเสื้อ (throttle valve) และตัวกรองอากาศ (air filter) ซึ่งจะถูกรวมเข้าไว้กับเยื่อบุผิวที่ทำการส่งสัญญาณเข้าสู่ภายในห้องโดยสาร ในส่วนของที่เก็บของกระจกด้านหลัง
…ให้อารมณ์พลุ่งพล่านไปอีกแบบครับกับระบบแต่งเสียงแบบนี้ ซึ่งรถสปอร์ตหลายๆรุ่นก็ทำกัน แต่ถ้าอยากอยู่(ขับ)เงียบๆ เพียงแค่กดโหมดสปอร์ตออกไปเท่านั้น
กลับมาที่เรื่องของการขับขี่ โดยในโหมดปกติจังหวะเปลี่ยนเกียร์(ทำงานอัตโนมัติ)รวดเร็ว และมีอาการดึงให้รู้สึกถึงความสปอร์ตนิดๆ แต่กระนั้นถ้าเลือกโหมดสปอร์ต พลัส แล้วเหยีบคันเร่งลึกๆแรงๆ การเปลี่ยนเกียร์จะเป็นบุคลิกแบบโหดสุดๆ ด้วยจังหวะกระฉากแบบหัวทิ่มหัวตำ พร้อมกับการลากรอบยาวๆไปแถว 6,000 รอบนั่นละครับ
ในโหมดสปอร์ต พลัส ให้การขับขี่ดุดัน และเกียร์จะไม่ไปที่ตำแหน่งสูงสุดหรือเกียร์ 7 ขณะเดียวกันถ้าเราเลือกโหมดนี้ตั้งแต่แรก สปอยเลอร์หลังของ911 คาร์เรร่า เอส จะยกตัวขึ้นอัตโนมัติทันที ซึ่งต่างจากโหมดปกติที่จะเริ่มยกตัวเมื่อความเร็ว 120 กม./ชม.ขึ้นไป
911 คาร์เรร่า เอส ใหม่หันมาใช้พวงมาลัยแบบผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ามาแทนที่แบบไฮดรอลิกเดิม ซึ่งน้ำหนักก็ยังหน่วงมือ แต่จะรู้สึกถึงแรงต้านที่น้อยลง(เมื่อเทียบกับปอร์เช่รุ่นเก่าๆที่ผู้เขียนเคยลองขับ) พร้อมกับการควบคุมที่คล่องแคล่วและแม่นยำมากขึ้น ที่สำคัญรถระดับนี้ทั้งน้ำหนักพวงมาลัยและองศาการเลี้ยวจะปรับตามสภาพการขับขี่ (ความเร็ว,ทิศทาง) เพื่อให้เกิดเสถียรภาพและตอบสนองได้ตรงใจคนขับมากที่สุด
อีกโหมดที่ถูกติดตั้งมาเป็นมาตรฐานใน 911 คาร์เรร่า เอส คือระบบช่วงล่างแบบแอคทีฟ(PASM - Porsche Active Suspension System) ซึ่งปอร์เช่ระบุว่า ได้อัพเกรดใหม่ โดยเพิ่มเซนเซอร์อีก4 ตัว บริเวณล้อหน้าและหลัง เพื่อคอยตรวจจับสัญญาณ อาทิ อัตราเร่ง องศาของพวงมาลัย แรงดันเบรก แรงบิดของเครื่องยนต์ และความเร็วในการขับขี่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งไปยังตัวควบคุมไฟฟ้าที่ส่งแรงกดที่ล้อแต่ละล้อภายในเสี้ยววินาที กล่าวคือแรงดันโช็กอัพจะปรับให้แข็ง-อ่อน ตามสภาวะการขับขี่ที่เกิดขึ้นจริงนั่นเอง
อย่างไรก็ตามผู้เขียนลองเปิดทั้งโหมดสปอร์ต พลัส และ PASM ไปพร้อมกัน ซึ่งรถเขารู้ครับว่าเราต้องการอะไร แม้ผู้เขียนจะไม่ได้ใช้ความเร็วสูงมาก หรืออยู่ประมาณ100-150 กม./ชม. (หน้าปัดวัดความเร็วขึ้นที่ละ 50 กม./ชม.) แต่รับรู้ได้ถึงความคล่องตัว จังหวะกระชากของเกียร์ การตอบสนองของช่วงล่างที่จงใจแข็ง รวมถึงพวงมาลัยหนึบแน่น ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงมาพร้อมกันหมด
….เรียกว่าจะจัดหนัก อัดค่อย รถก็ฉลาดที่จะเรียนรู้ไปตามผู้ขับ ดังนั้นถ้าเราขับแบบเรื่อยๆความเร็วปกติทั่วไป เจ้า 911 คาร์เรร่า เอส ก็เชื่องมือหรือควบคุมไม่ยากอย่างที่คิด เพียงแต่ว่าอย่าไปเผลอกดคันเร่งหนักเท่านั้นเอง
ยังมีอีกหนึ่งข้อมูลที่น่าสนใจของ 911 คาร์เรร่า เอส อันเป็นระบบที่ผู้เขียนไม่ได้ลองคือ ระบบสตาร์ท/หยุด อัตโนมัติ (Auto start stop function) ที่สามารถเลือกเปิด/ปิดได้ตรงปุ่มที่ฝังอยู่คอนโซลกลาง โดยเครื่องยนต์จะดับเองอัตโนมัติเมื่อรถจอดหยุดนิ่งหรือติดไฟแดง ซึ่งปอร์เช่เคลมว่าการติดตั้งระบบนี้จะช่วยให้รถประหยัดน้ำมันลงได้ 0.6 ลิตร/100 กม. เลยทีเดียว
ดังนั้นปอร์เช่จึงภูมิใจว่าด้วยระบบต่างๆที่ใส่เข้ามาใน 911 คาร์เรร่า เอส เกียร์ PDK จึงเป็นสปอร์ตคาร์ที่จิบน้ำมันพร้อมๆกับการปล่อยไอเสียน้อยรุ่นหนึ่งของโลก พร้อมเคลมอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ย 8.7 ลิตร ต่อ 100 กม. (11.49 กม./ลิตร) หรือลดลงกว่ารุ่นเก่า 14%
รวบรัดตัดความ...สปอร์ตคาร์เครื่องยนต์ 6 สูบนอน 3.8 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ รีดม้าได้ 400 ตัว วางบนโครงสร้าง-เลย์เอ้าท์เครื่องยนต์วางหลังขับเคลื่อนล้อหลัง ติดแบรนด์ “ปอร์เช่” จริงๆแค่เดินผ่านก็เสียวแล้ว ดังนั้นแม้จะเป็นการลองขับช่วงสั้นๆ แต่ก็พอรับรู้ถึงบุคลิกของการเป็นรถขับสนุก ขณะเดียวกันยังแฝงความสบายไว้พอสมควร(ปรับโหมดเลือกได้ตามใจชอบ) บวกออปชันทันสมัยและการตกแต่งภายในหรูหราดูผู้ดีกว่าเดิมมาก...สรุปกันง่ายๆนี่ละครับ อ่อลืมบอกไป 911 คาร์เรร่า เอส คันนี้ 14.5ล้านบาท
****นอกจากประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ระบบส่งกำลัง โครงสร้างตัวถังที่เบาขึ้น และลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ ปอร์เช่ยังแจ้งว่าระบบ/ฟังก์ชันใหม่ที่ใส่เข้ามาใน 911 คาร์เรร่า ยังช่วยให้รถกินน้ำมันน้อยลงดังนี้
ระบบ | ช่วยให้ประหยัด |
พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า | 0.1 ลิตร/100 กม. |
ระบบสตาร์ท/หยุดอัตโนมัติ | 0.6 ลิตร/100 กม. |
ระบบไฟฟ้าบนรถแบบหมุนเวียน | 0.15 ลิตร/100 กม. |
ระบบการบริหารจัดการความร้อน | 0.2 ลิตร/100 กม. |