กระแสตอบรับ “อีโคคาร์” แรงสุดๆ โดยเฉพาะ 3 โมเดลฮอต มิตซูบิชิ มิราจ, ซูซูกิ สวิฟท์ และนิสสัน อัลเมร่า มียอดจองมากกว่าหมื่นคัน ต้องใช้เวลาทยอยส่งมอบ 3-4 เดือน ยิ่งรุ่นสวิฟท์คิวส่งมอบตอนนี้ ลากยาวข้ามปีไปแล้ว แม้แต่รถขายมานานอย่าง นิสสัน มาร์ช ยังต้องรอ 2-3 เดือน เช่นเดียวกับ ฮอนด้า บริโอ้ ที่เพิ่งกลับมาผลิต กว่าจะเคลียร์ลูกค้าเดิมหมดก็หลังครึ่งปีโน้น ทำให้เกิดเสียงบ่นระงมไปทั่ว แต่ใครที่ไม่อยาก “เซ็งรอ” หรือ “เบื่อ” อีโคคาร์ ยังมีตัวเลือกอื่นทดแทนเช่นกัน…
จริงๆ แล้วหากไม่ยึดติดรถในโครงการ “อีโคคาร์” ยังมีเก๋งเล็กรุ่นอื่นๆ ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน อาจจะมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่า แต่เวลาใช้งานจริงก็ไม่ถึงกับต่างกันจนน่าเกลียด อย่างล่าสุดค่ายรถเพื่อนบ้านมาเลเซีย “โปรตอน” เพิ่งปรับเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติของรุ่น “ซาก้า” ให้เป็นแบบอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT (Continuously Variable Transmission) ซึ่งนอกจากจะให้กำลังเครื่องยนต์ไหลลื่น ยังช่วยประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น โดยทางโปรตอนเคลมว่า รุ่นเกียร์ซีวีทีใหม่มีอัตราบริโภคน้ำมัน 16.66 กม./ลิตร จากเดิม 15.87 กม./ลิตร
โปรตอน ซาก้า วางเครื่องยนต์แคมโปร (CamPro) ขนาด 1.3 ลิตร 94 แรงม้า ออปชันมาตรฐานมาให้ครบ ไม่ได้ด้อยกว่าอีโคคาร์เท่าไหร่ เช่นเดียวกับระบบความปลอดภัย มีทั้งถุงลมนิรภัย เบรก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD มีให้เลือกทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดา และอัตโนมัติ ราคา 3.99-4.79 แสนบาท
ซาก้าเป็นเก๋งแบบซีดาน ซึ่งตอนนี้อีโคคาร์มีเพียงรุ่นเดียว นิสสัน อัลเมร่า แต่หากต้องการรถแบบท้ายตัด 5 ประตู โปรตอนยังมีอีกตัวเลือกกับรุ่น “แซฟวี” ที่วางเครื่องยนต์ 1149 ซีซี 74 แรงม้า ตามข้อมูลมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 19 กม./ลิตร มีทั้งเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติให้เลือก เคาะราคา 3.99-4.69 แสนบาท
แต่หากต้องการแบรนด์ชื่อชั้นระดับโลกหน่อย ยังตัวเลือกอีกหลายโมเดล เริ่มที่ “ฟอร์ด เฟียสต้า” ที่หลายคนอาจจะข้ามไปมองเฉพาะรุ่น 1.6 ลิตร หรือล่าสุด 1.5 ลิตร แต่หากเทียบเครื่องยนต์และราคาในกลุ่มอีโคคาร์ จะเห็นว่าเฟียสต้ายังมีรุ่น 1.4 ลิตร 95 แรงม้า ซึ่งออปชันมาตรฐานไม่แตกต่างจากเฟียสต้ารุ่นอื่นๆ มีเพียงอุปกรณ์ทันสมัยและไฮเทคโนโลยีบางอย่างเท่านั้น อย่างเกียร์อัตโนมัติที่เป็นแบบ 4 จังหวะ ไม่ใช่เพาเวอร์ชิป 6 จังหวะ และรุ่นนี้ยังมีเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะให้เลือกด้วย โดยตัวถังมีทั้งแบบซีดาน และ 5 ประตู สนนราคา 5.49 -5.94 แสนบาท ที่สำคัญยังได้สิทธิ์คืนเงินภาษีรถคันแรก 1 แสนบาทด้วย
อีกค่ายรถจากอเมริกาเช่นกัน “เชฟโรเลต” ที่มีเก๋งขนาดเล็กรุ่น “อาวีโอ” แม้ปัจจุบันจะไปเน้นรุ่น 1.6 ลิตร และรุ่นรองรับพลังงานซีเอ็นจี (CNG) แต่เชฟโรเลตไม่ได้ทิ้งอาวีโอรุ่นบุกเบิก 1.4 ลิตร 94 แรงม้า เพราะมีถึง 8 รุ่นย่อยให้เลือก ทั้งเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ และธรรมดา 5 จังหวะ เปิดราคาออกมาตั้งแต่ 5.05-6.84 บาท ขึ้นอยู่กับชุดแต่งและออปชันให้เลือกตามต้องการ และแน่นอนได้รับสิทธิ์คืนเงินภาษีรถคันแรกเช่นกัน
หันกลับมาแถบเอเชีย ยังมีแบรนด์ “เกีย” เป็นอีกทางเลือก ซึ่งในไทยได้มีการรุกตลาดเก๋งขนาดเล็กมานาน โดยที่คุ้นเคยพอเป็นที่รู้จัก “เกีย พิแคนโต” โดยจนถึงปัจจุบันได้มีการปรับโฉมใหม่ ทำตลาดด้วยการใส่คำว่า “เค 1” ต่อท้ายพิแคนโตเข้าไป และเปิดตัวในไทยมา 1 ปีแล้ว ด้วยรูปลักษณ์สวยงามทันสมัย ไม่แพ้เก๋งแฮตช์แบ็กดังๆ ของญี่ปุ่นเลย
เกีย พิแคนโต เค 1 วางเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 87 แรงม้า อุปกรณ์มาตรฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกหลักๆ มีมาให้พอประมาณ แต่ระบบความปลอดภัยอาจจะด้อยกว่าคู่แข่งไปบ้าง ส่วนระบบขับเคลื่อนมีทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติ 4 จังหวะ เปิดราคาที่ 4.25-5.51 แสนบาท และรถรุ่นนี้ยังได้รับสิทธิ์รถคันแรกกับเขาด้วย เพราะมีการประกอบชิ้นส่วนบางอย่างในไทย
แน่นอนพูดถึงอะไรที่ราคาต่ำแล้ว คงจะพลาดผลิตภัณฑ์จากจีนไปไม่ได้ และค่ายรถ “เฌอรี่” ภายใต้การทำตลาดของกลุ่มไทยยานยนต์ ได้นำทางเลือกมาให้กับชาวไทยหลากหลายทีเดียว รวมถึงเก๋งขนาดเล็กที่มีให้เลือก 2 รุ่น กับซิตี้คาร์รุ่น “คิวคิว” เครื่องยนต์ 1.1 ลิตร กำลัง 50 กิโลวัตต์ ออปชันมีไม่น้อยเช่นกัน รวมถึงอุปกรณ์ความปลอดภัยอย่างเบรก ABS และถุงลมนิรภัยคู่หน้า ราคา 3.89-4.34 แสนบาท หรือหากชอบใหญ่ขึ้นมาหน่อย ยังมีเครื่องยนต์ 1.3 ลิตร ที่วางในรุ่น “เอ 1” ให้เลือก แต่รุ่นนี้จะมีเฉพาะเกียร์ธรรมดาให้เลือกเท่านั้น ในราคา 4.29 แสนบาท
พูดถึงรถยนต์จากจีนแล้ว ย่อมต้องมีรถจากประเทศอินเดียด้วย ซึ่งในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา คนไทยพอจะเริ่มคุ้นเคยกับแบรนด์ “ทาทา” กันบ้างแล้ว แต่นั่นเป็นปิกอัพ 1 ตันมากกว่า ล่าสุดทาทาในประเทศไทย ได้แอบก้าวเข้ามาในตลาดเก๋งเล็ก นำซิตี้คาร์ “ทาทา นาโน” เครื่องยนต์ 600 ซีซี มาให้ดีลเลอร์ทดลองทำตลาดไม่เป็นทางการ โดยมีให้เลือกเพียงเกียร์ธรรมดารุ่นเดียว ราคา 2.75 แสนบาท แต่ไม่ได้รับสิทธิ์รถคันแรก ทำให้เหนื่อยพอสมควรหากจะทำตลาดแข่งอีโคคาร์
ทั้งหมดเป็นเก๋งขนาดเล็ก อีกหลากหลายทางเลือก สำหรับคนที่ไม่อยากรอรถนาน หรือเบื่ออีโคคาร์ ซึ่งเชิญพิจารณาตามความชอบ และปัจจัยต่างๆ ที่คิดว่ารับได้ก็แล้วกัน?!!
หมายเหตุ - ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง รวบรวม
จริงๆ แล้วหากไม่ยึดติดรถในโครงการ “อีโคคาร์” ยังมีเก๋งเล็กรุ่นอื่นๆ ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน อาจจะมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่า แต่เวลาใช้งานจริงก็ไม่ถึงกับต่างกันจนน่าเกลียด อย่างล่าสุดค่ายรถเพื่อนบ้านมาเลเซีย “โปรตอน” เพิ่งปรับเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติของรุ่น “ซาก้า” ให้เป็นแบบอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT (Continuously Variable Transmission) ซึ่งนอกจากจะให้กำลังเครื่องยนต์ไหลลื่น ยังช่วยประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น โดยทางโปรตอนเคลมว่า รุ่นเกียร์ซีวีทีใหม่มีอัตราบริโภคน้ำมัน 16.66 กม./ลิตร จากเดิม 15.87 กม./ลิตร
โปรตอน ซาก้า วางเครื่องยนต์แคมโปร (CamPro) ขนาด 1.3 ลิตร 94 แรงม้า ออปชันมาตรฐานมาให้ครบ ไม่ได้ด้อยกว่าอีโคคาร์เท่าไหร่ เช่นเดียวกับระบบความปลอดภัย มีทั้งถุงลมนิรภัย เบรก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD มีให้เลือกทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดา และอัตโนมัติ ราคา 3.99-4.79 แสนบาท
ซาก้าเป็นเก๋งแบบซีดาน ซึ่งตอนนี้อีโคคาร์มีเพียงรุ่นเดียว นิสสัน อัลเมร่า แต่หากต้องการรถแบบท้ายตัด 5 ประตู โปรตอนยังมีอีกตัวเลือกกับรุ่น “แซฟวี” ที่วางเครื่องยนต์ 1149 ซีซี 74 แรงม้า ตามข้อมูลมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 19 กม./ลิตร มีทั้งเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติให้เลือก เคาะราคา 3.99-4.69 แสนบาท
แต่หากต้องการแบรนด์ชื่อชั้นระดับโลกหน่อย ยังตัวเลือกอีกหลายโมเดล เริ่มที่ “ฟอร์ด เฟียสต้า” ที่หลายคนอาจจะข้ามไปมองเฉพาะรุ่น 1.6 ลิตร หรือล่าสุด 1.5 ลิตร แต่หากเทียบเครื่องยนต์และราคาในกลุ่มอีโคคาร์ จะเห็นว่าเฟียสต้ายังมีรุ่น 1.4 ลิตร 95 แรงม้า ซึ่งออปชันมาตรฐานไม่แตกต่างจากเฟียสต้ารุ่นอื่นๆ มีเพียงอุปกรณ์ทันสมัยและไฮเทคโนโลยีบางอย่างเท่านั้น อย่างเกียร์อัตโนมัติที่เป็นแบบ 4 จังหวะ ไม่ใช่เพาเวอร์ชิป 6 จังหวะ และรุ่นนี้ยังมีเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะให้เลือกด้วย โดยตัวถังมีทั้งแบบซีดาน และ 5 ประตู สนนราคา 5.49 -5.94 แสนบาท ที่สำคัญยังได้สิทธิ์คืนเงินภาษีรถคันแรก 1 แสนบาทด้วย
อีกค่ายรถจากอเมริกาเช่นกัน “เชฟโรเลต” ที่มีเก๋งขนาดเล็กรุ่น “อาวีโอ” แม้ปัจจุบันจะไปเน้นรุ่น 1.6 ลิตร และรุ่นรองรับพลังงานซีเอ็นจี (CNG) แต่เชฟโรเลตไม่ได้ทิ้งอาวีโอรุ่นบุกเบิก 1.4 ลิตร 94 แรงม้า เพราะมีถึง 8 รุ่นย่อยให้เลือก ทั้งเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ และธรรมดา 5 จังหวะ เปิดราคาออกมาตั้งแต่ 5.05-6.84 บาท ขึ้นอยู่กับชุดแต่งและออปชันให้เลือกตามต้องการ และแน่นอนได้รับสิทธิ์คืนเงินภาษีรถคันแรกเช่นกัน
หันกลับมาแถบเอเชีย ยังมีแบรนด์ “เกีย” เป็นอีกทางเลือก ซึ่งในไทยได้มีการรุกตลาดเก๋งขนาดเล็กมานาน โดยที่คุ้นเคยพอเป็นที่รู้จัก “เกีย พิแคนโต” โดยจนถึงปัจจุบันได้มีการปรับโฉมใหม่ ทำตลาดด้วยการใส่คำว่า “เค 1” ต่อท้ายพิแคนโตเข้าไป และเปิดตัวในไทยมา 1 ปีแล้ว ด้วยรูปลักษณ์สวยงามทันสมัย ไม่แพ้เก๋งแฮตช์แบ็กดังๆ ของญี่ปุ่นเลย
เกีย พิแคนโต เค 1 วางเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 87 แรงม้า อุปกรณ์มาตรฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกหลักๆ มีมาให้พอประมาณ แต่ระบบความปลอดภัยอาจจะด้อยกว่าคู่แข่งไปบ้าง ส่วนระบบขับเคลื่อนมีทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติ 4 จังหวะ เปิดราคาที่ 4.25-5.51 แสนบาท และรถรุ่นนี้ยังได้รับสิทธิ์รถคันแรกกับเขาด้วย เพราะมีการประกอบชิ้นส่วนบางอย่างในไทย
แน่นอนพูดถึงอะไรที่ราคาต่ำแล้ว คงจะพลาดผลิตภัณฑ์จากจีนไปไม่ได้ และค่ายรถ “เฌอรี่” ภายใต้การทำตลาดของกลุ่มไทยยานยนต์ ได้นำทางเลือกมาให้กับชาวไทยหลากหลายทีเดียว รวมถึงเก๋งขนาดเล็กที่มีให้เลือก 2 รุ่น กับซิตี้คาร์รุ่น “คิวคิว” เครื่องยนต์ 1.1 ลิตร กำลัง 50 กิโลวัตต์ ออปชันมีไม่น้อยเช่นกัน รวมถึงอุปกรณ์ความปลอดภัยอย่างเบรก ABS และถุงลมนิรภัยคู่หน้า ราคา 3.89-4.34 แสนบาท หรือหากชอบใหญ่ขึ้นมาหน่อย ยังมีเครื่องยนต์ 1.3 ลิตร ที่วางในรุ่น “เอ 1” ให้เลือก แต่รุ่นนี้จะมีเฉพาะเกียร์ธรรมดาให้เลือกเท่านั้น ในราคา 4.29 แสนบาท
พูดถึงรถยนต์จากจีนแล้ว ย่อมต้องมีรถจากประเทศอินเดียด้วย ซึ่งในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา คนไทยพอจะเริ่มคุ้นเคยกับแบรนด์ “ทาทา” กันบ้างแล้ว แต่นั่นเป็นปิกอัพ 1 ตันมากกว่า ล่าสุดทาทาในประเทศไทย ได้แอบก้าวเข้ามาในตลาดเก๋งเล็ก นำซิตี้คาร์ “ทาทา นาโน” เครื่องยนต์ 600 ซีซี มาให้ดีลเลอร์ทดลองทำตลาดไม่เป็นทางการ โดยมีให้เลือกเพียงเกียร์ธรรมดารุ่นเดียว ราคา 2.75 แสนบาท แต่ไม่ได้รับสิทธิ์รถคันแรก ทำให้เหนื่อยพอสมควรหากจะทำตลาดแข่งอีโคคาร์
ทั้งหมดเป็นเก๋งขนาดเล็ก อีกหลากหลายทางเลือก สำหรับคนที่ไม่อยากรอรถนาน หรือเบื่ออีโคคาร์ ซึ่งเชิญพิจารณาตามความชอบ และปัจจัยต่างๆ ที่คิดว่ารับได้ก็แล้วกัน?!!
หมายเหตุ - ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง รวบรวม
