รถคลาสสิกหรูสัญชาติญี่ปุ่น “มิทสึโอกะ” ปรับเกมรุกเน้นสร้างฐานในไทยแข็งแกร่ง ยึดกุมบังเหียนทำตลาดจากพันธมิตร “ยนตรกิจ คอร์ป” ภายใต้การดำเนินงานของมิทสึโอกะ มอเตอร์เซลส์ ประเทศไทย ที่ญี่ปุ่นเป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่แทน ตั้งเป้าหมายการขายปีมังกรทอง มากกว่าปีที่ผ่านมาถึง 3 เท่าตัว เพราะนอกจากยอดขายหลักมาจาก “มิทสึโอกะ ฮิมิโกะ” แล้ว ยังมาจาก “มิทสึโอกะ วิวโต” หรือรุ่นวิวท์โฉมใหม่ รถคลาสสิกคันเล็กวางเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ซึ่งเตรียมจะขึ้นไลน์ผลิตในไทยเช่นกัน ที่สำคัญนับเป็นรถรุ่นแรกเคาะราคาในระดับกว่าล้านบาท จากรุ่นอื่นๆ ที่ล้วนกว่า 3 ล้านบาทขึ้นไป นี่จึงเป็นเหตุผลทำให้มั่นจะผลักดันยอดขายเฉพาะรุ่นนี้ได้ไม่ต่ำกว่า 50 คัน โดยกำหนดเปิดตัวในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 และถือเป็นครั้งแรกที่ฉายเดี่ยวไม่ร่วมกับยนตรกิจคอร์ปเหมือนเช่นเคย
กลุ่มรถคลาสสิกหรูแนวย้อนยุค หรือรถสไตล์วินเทจ (Vintage) อาจจะเป็นตลาดไม่ใหญ่ แต่มีกลุ่มลูกค้าที่ค่อนข้างชัดเจน และได้การตอบรับจากผู้บริโภคชาวไทยอย่างดี เห็นได้จากยอดขายที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ และมีอย่างน้อย 2 ยี่ห้อที่เข้ามาทำตลาด ซึ่งแน่นอน “มิทสึโอกะ” (Mitsuoka) เป็นรายแรกที่เข้ามาบุกเบิกตลาดอย่างจริงจัง ตั้งแต่เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน และล่าสุดเมื่อปีที่ผ่านมามีรถคลาสสิกสไตล์วิทเทจจากอังกฤษ “มอร์แกน” (Morgan) เข้ามาบุกตลาดอีกยี่ห้อ ซึ่งการมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นและเพื่อรับมือแผนจะเติบโตต่อเนื่อง มิทสึโอกะในไทยจึงได้มีการปรับธุรกิจและขยายแนวรุกตลาดมากขึ้น
ทั้งนี้มิทสึโอกะเข้ามาทำตลาดในไทย ตั้งแต่เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน โดย “ยนตรกิจ คอร์ปอเรชั่น” หรือยนตรกิจ คอร์ป ได้รับสิทธิ์เป็นผู้แทนจำหน่าย จากนั้นเมื่อปลายปี 2553 ที่ผ่านมา มิทสึโอกะ ประเทศญี่ปุ่น จึงตัดสินใจเข้ามาร่วมทุนกับยนตรกิจคอร์ปในสัดส่วน 45 : 40 และที่เหลือเป็นหุ้นส่วนอื่นๆ ตั้งบริษัท มิตสึโอกะ มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด ดูแลการผลิตโดยใช้โรงงานประกอบรถยนต์ยนตรกิจอุตสาหกรรม (YKI) ของยนตรกิจคอร์ป ในการขึ้นไลน์ประกอบรถยนต์มิทสึโอกะเป็นแห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น รองรับการทำตลาดในประเทศและส่งออก แต่สัดส่วนการผลิตจะรองรับส่งออกเป็นหลักประมาณ 90% จึงทำให้ได้เปรียบกว่าคู่แข่งในการทำตลาด
โดยตามแผนในปี 2554 จะทำการผลิตรถยนต์คลาสสิกหรู 2 รุ่น ได้แก่ มิทสึโอกะ กาลู (Mitsuoka Galue) และมิทสึโอกะ ฮิมิโกะ (Mitsuoka Himiko) ซึ่งตลอดปีที่ผ่านมาทุกอย่างเป็นไปตามแผนงานพอสมควร โดยเฉพาะการผลิตรองรับตลาดในประเทศ ขณะที่การผลิตส่งออกยังไม่ก้าวหน้ามากนัก แต่การตอบรับของผู้บริโภคชาวไทยที่ใกล้เคียงเป้าหมาย ด้วยยอดขายกว่า 30 คัน นับว่าประสบความสำเร็จทีเดียว แม้จะเจอเหตุการณ์มหาอุทกภัยในไทยช่วงท้ายปีก็ตาม
การที่ผู้บริโภคให้การตอบรับอย่างดี มิทสึโอกะจึงได้หันมาเน้นตลาดไทยเป็นหลัก เพื่อให้มิทสึโอกะในประเทศไทยมีความแข็งแกร่งก่อน จากนั้นจึงจะเริ่มรุกตลาดต่างประเทศ พร้อมกับปรับธุรกิจการขายในไทยใหม่ ซึ่งจากเดิมจะให้ทางยนตรกิจ คอร์ปอเรชั่น รับผิดชอบในการดูแลเป็นหลัก แต่เมื่อปลายปี 2554 ที่ผ่านมา ได้มีการแยกออกมาเป็นทีมของมิทสึโอกะโดยตรง ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท มิตสึโอกะ มอเตอร์เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งถือหุ้นใหญ่โดยมิทสึโอกะ มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น และยนตรกิจคอร์ปถือหุ้นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น โดยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่โชว์รูมและศูนย์บริการพระราม 9 เช่นเดียวกัน
จากการมุ่งสร้างตลาดไทยให้แข็งแกร่ง และการผลิตเริ่มขับเคลื่อนได้เต็มที่ ทำให้ปีนี้มิทสึโอกะในประเทศไทย ตั้งเป้าหมายการขาย 91 คัน ซึ่งเพิ่มจากปีที่ผ่านมาเป็น 3 เท่าตัว และเป็นการปรับเพิ่มยอดขายอย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วงที่เข้ามาทำตลาดเต็มปีแรก 20 คัน จนมาปีที่แล้วมาทำได้กว่า 30 คัน
แน่นอนว่าตัวเลขการขายหลักประมาณกว่า 30 คัน ย่อมมาจากมิทสึโอกะ ฮิมิโกะ ซึ่งเป็นรถสปอร์ตคลาสสิก ที่นำแนวคิดการออกแบบมาจากเกียรติยศและรัศมีแห่งความสง่างามของเจ้าหญิงญี่ปุ่นในอดีต นามว่า “ฮิมิโกะ” มาถ่ายทอดเป็นรถสปอร์ตคลาสสิกสไตล์โมเดิร์น จึงเป็นยนตรกรรมที่งดงามและน่าหลงไหล ซึ่งรุ่นฮิมิโกะวางเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ที่นำมาจากมาสด้า เอ็กซ์-5 และได้รับการปรับปรุงสมรรถนะให้เหมาะสม มีกำลังสูงสุด 162 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ราคากว่า 3.75 ล้านบาท
ในส่วนมิทสึโอกะ กาลู ซีดานหรูคลาสสิกที่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 2 คันเท่านั้น เพราะอยู่ระหว่างเตรียมไลน์การผลิตรองรับรถรุ่นใหม่ “มิทสึโอกะ วิวท์” (Mitsuoka Viewt) แต่จะเรียกชื่อรุ่นตามการออกเสียงของญี่ปุ่นว่า “วิวโตะ” ซึ่งจะมาเป็นหัวหอกในการทำตลาดปีมังกรทอง หรือปีงูใหญ่นี้ โดยจะเปิดตัวสู่ตลาดไทยในช่วงงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2012 ต้นเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ และนับเป็นครั้งแรกที่มิทสึโอกะจะออกงานเอง ไม่รวมกับยนตรกิจคอร์ปเหมือนเช่นที่ผ่านมา
มิทสึโอกะ วิวโตะ ที่จะทำตลาดในไทยเป็นโฉมใหม่แทนรุ่นเดิม จึงยังไม่มีการเปิดเผยภาพคันจริงออกมาแต่อย่างใด รวมถึงรายละเอียดทางเทคนิคด้วย โดยจะขึ้นไลน์ผลิตในโรงงานประเทศไทย และจะเป็นโมเดลหลักในการทำยอดขาย โดยมิทสึโอกะในไทยตั้งเป้ายอดขายไว้สูงถึง 50 คันในปีนี้ เพราะเป็นรถคลาสสิกขนาดเล็กวางเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ราคาขายอยู่ที่ประมาณกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นราคาต่ำสุดของรถยนต์คลาสสิกมิทสึโอกะในไทย(ปัจจุบันรถที่ทำตลาดราคาเริ่มต้นกว่า 3 ล้านบาท) จึงมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างดี
นอกจากผลิตภัณฑ์ใหม่แล้ว มิทสึโอกะยังจะจัดกิจกรรมโรดโชว์ไปยังหัวเมืองใหญ่ๆ เพื่อสร้างการรับรู้และขยายฐานลูกค้าไปยังต่างจังหวัด เสริมจากปัจจุบันที่มีโชว์รูมเพียงแห่งเดียวบนถนนพระราม 9 และหากได้รับการตอบรับดีในอนาคตอาจจะเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการขึ้นจังหวัดสำคัญอีก 2-3 แห่ง โดยมุ่งไปยังเมืองท่องเที่ยวและจังหวัดหลักๆ ของแต่ละภูมิภาคทั่วประเทศ
ส่วนการเข้ามาทำตลาดของรถสไตล์วิทเทจจากอังกฤษ “มอร์แกน” “มิทสึโอกะ” ประกาศก้องไม่ได้มองเป็นคู่แข่ง เพราะมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน และผู้บริโภคมีความคุ้นเคยมากกว่า ที่สำคัญตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมา… ลูกค้าไม่เคยเปรียบเทียบเป็นคู่แข่งให้ได้ยินเลย?!!
กลุ่มรถคลาสสิกหรูแนวย้อนยุค หรือรถสไตล์วินเทจ (Vintage) อาจจะเป็นตลาดไม่ใหญ่ แต่มีกลุ่มลูกค้าที่ค่อนข้างชัดเจน และได้การตอบรับจากผู้บริโภคชาวไทยอย่างดี เห็นได้จากยอดขายที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ และมีอย่างน้อย 2 ยี่ห้อที่เข้ามาทำตลาด ซึ่งแน่นอน “มิทสึโอกะ” (Mitsuoka) เป็นรายแรกที่เข้ามาบุกเบิกตลาดอย่างจริงจัง ตั้งแต่เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน และล่าสุดเมื่อปีที่ผ่านมามีรถคลาสสิกสไตล์วิทเทจจากอังกฤษ “มอร์แกน” (Morgan) เข้ามาบุกตลาดอีกยี่ห้อ ซึ่งการมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นและเพื่อรับมือแผนจะเติบโตต่อเนื่อง มิทสึโอกะในไทยจึงได้มีการปรับธุรกิจและขยายแนวรุกตลาดมากขึ้น
ทั้งนี้มิทสึโอกะเข้ามาทำตลาดในไทย ตั้งแต่เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน โดย “ยนตรกิจ คอร์ปอเรชั่น” หรือยนตรกิจ คอร์ป ได้รับสิทธิ์เป็นผู้แทนจำหน่าย จากนั้นเมื่อปลายปี 2553 ที่ผ่านมา มิทสึโอกะ ประเทศญี่ปุ่น จึงตัดสินใจเข้ามาร่วมทุนกับยนตรกิจคอร์ปในสัดส่วน 45 : 40 และที่เหลือเป็นหุ้นส่วนอื่นๆ ตั้งบริษัท มิตสึโอกะ มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด ดูแลการผลิตโดยใช้โรงงานประกอบรถยนต์ยนตรกิจอุตสาหกรรม (YKI) ของยนตรกิจคอร์ป ในการขึ้นไลน์ประกอบรถยนต์มิทสึโอกะเป็นแห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น รองรับการทำตลาดในประเทศและส่งออก แต่สัดส่วนการผลิตจะรองรับส่งออกเป็นหลักประมาณ 90% จึงทำให้ได้เปรียบกว่าคู่แข่งในการทำตลาด
โดยตามแผนในปี 2554 จะทำการผลิตรถยนต์คลาสสิกหรู 2 รุ่น ได้แก่ มิทสึโอกะ กาลู (Mitsuoka Galue) และมิทสึโอกะ ฮิมิโกะ (Mitsuoka Himiko) ซึ่งตลอดปีที่ผ่านมาทุกอย่างเป็นไปตามแผนงานพอสมควร โดยเฉพาะการผลิตรองรับตลาดในประเทศ ขณะที่การผลิตส่งออกยังไม่ก้าวหน้ามากนัก แต่การตอบรับของผู้บริโภคชาวไทยที่ใกล้เคียงเป้าหมาย ด้วยยอดขายกว่า 30 คัน นับว่าประสบความสำเร็จทีเดียว แม้จะเจอเหตุการณ์มหาอุทกภัยในไทยช่วงท้ายปีก็ตาม
การที่ผู้บริโภคให้การตอบรับอย่างดี มิทสึโอกะจึงได้หันมาเน้นตลาดไทยเป็นหลัก เพื่อให้มิทสึโอกะในประเทศไทยมีความแข็งแกร่งก่อน จากนั้นจึงจะเริ่มรุกตลาดต่างประเทศ พร้อมกับปรับธุรกิจการขายในไทยใหม่ ซึ่งจากเดิมจะให้ทางยนตรกิจ คอร์ปอเรชั่น รับผิดชอบในการดูแลเป็นหลัก แต่เมื่อปลายปี 2554 ที่ผ่านมา ได้มีการแยกออกมาเป็นทีมของมิทสึโอกะโดยตรง ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท มิตสึโอกะ มอเตอร์เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งถือหุ้นใหญ่โดยมิทสึโอกะ มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น และยนตรกิจคอร์ปถือหุ้นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น โดยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่โชว์รูมและศูนย์บริการพระราม 9 เช่นเดียวกัน
จากการมุ่งสร้างตลาดไทยให้แข็งแกร่ง และการผลิตเริ่มขับเคลื่อนได้เต็มที่ ทำให้ปีนี้มิทสึโอกะในประเทศไทย ตั้งเป้าหมายการขาย 91 คัน ซึ่งเพิ่มจากปีที่ผ่านมาเป็น 3 เท่าตัว และเป็นการปรับเพิ่มยอดขายอย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วงที่เข้ามาทำตลาดเต็มปีแรก 20 คัน จนมาปีที่แล้วมาทำได้กว่า 30 คัน
แน่นอนว่าตัวเลขการขายหลักประมาณกว่า 30 คัน ย่อมมาจากมิทสึโอกะ ฮิมิโกะ ซึ่งเป็นรถสปอร์ตคลาสสิก ที่นำแนวคิดการออกแบบมาจากเกียรติยศและรัศมีแห่งความสง่างามของเจ้าหญิงญี่ปุ่นในอดีต นามว่า “ฮิมิโกะ” มาถ่ายทอดเป็นรถสปอร์ตคลาสสิกสไตล์โมเดิร์น จึงเป็นยนตรกรรมที่งดงามและน่าหลงไหล ซึ่งรุ่นฮิมิโกะวางเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ที่นำมาจากมาสด้า เอ็กซ์-5 และได้รับการปรับปรุงสมรรถนะให้เหมาะสม มีกำลังสูงสุด 162 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ราคากว่า 3.75 ล้านบาท
ในส่วนมิทสึโอกะ กาลู ซีดานหรูคลาสสิกที่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 2 คันเท่านั้น เพราะอยู่ระหว่างเตรียมไลน์การผลิตรองรับรถรุ่นใหม่ “มิทสึโอกะ วิวท์” (Mitsuoka Viewt) แต่จะเรียกชื่อรุ่นตามการออกเสียงของญี่ปุ่นว่า “วิวโตะ” ซึ่งจะมาเป็นหัวหอกในการทำตลาดปีมังกรทอง หรือปีงูใหญ่นี้ โดยจะเปิดตัวสู่ตลาดไทยในช่วงงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2012 ต้นเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ และนับเป็นครั้งแรกที่มิทสึโอกะจะออกงานเอง ไม่รวมกับยนตรกิจคอร์ปเหมือนเช่นที่ผ่านมา
มิทสึโอกะ วิวโตะ ที่จะทำตลาดในไทยเป็นโฉมใหม่แทนรุ่นเดิม จึงยังไม่มีการเปิดเผยภาพคันจริงออกมาแต่อย่างใด รวมถึงรายละเอียดทางเทคนิคด้วย โดยจะขึ้นไลน์ผลิตในโรงงานประเทศไทย และจะเป็นโมเดลหลักในการทำยอดขาย โดยมิทสึโอกะในไทยตั้งเป้ายอดขายไว้สูงถึง 50 คันในปีนี้ เพราะเป็นรถคลาสสิกขนาดเล็กวางเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ราคาขายอยู่ที่ประมาณกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นราคาต่ำสุดของรถยนต์คลาสสิกมิทสึโอกะในไทย(ปัจจุบันรถที่ทำตลาดราคาเริ่มต้นกว่า 3 ล้านบาท) จึงมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างดี
นอกจากผลิตภัณฑ์ใหม่แล้ว มิทสึโอกะยังจะจัดกิจกรรมโรดโชว์ไปยังหัวเมืองใหญ่ๆ เพื่อสร้างการรับรู้และขยายฐานลูกค้าไปยังต่างจังหวัด เสริมจากปัจจุบันที่มีโชว์รูมเพียงแห่งเดียวบนถนนพระราม 9 และหากได้รับการตอบรับดีในอนาคตอาจจะเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการขึ้นจังหวัดสำคัญอีก 2-3 แห่ง โดยมุ่งไปยังเมืองท่องเที่ยวและจังหวัดหลักๆ ของแต่ละภูมิภาคทั่วประเทศ
ส่วนการเข้ามาทำตลาดของรถสไตล์วิทเทจจากอังกฤษ “มอร์แกน” “มิทสึโอกะ” ประกาศก้องไม่ได้มองเป็นคู่แข่ง เพราะมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน และผู้บริโภคมีความคุ้นเคยมากกว่า ที่สำคัญตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมา… ลูกค้าไม่เคยเปรียบเทียบเป็นคู่แข่งให้ได้ยินเลย?!!