ข่าวในประเทศ - สองแบรนด์รถหรูชิงเปิดฉากกวาดยอดขาย ค่าย“เลกซัส” หลังจากได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมาย ในการจัดงานเอ็กซ์คลูซีฟพรีวิว “เลกซัส จีเอส” โฉมใหม่ ประกาศเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 8 มีนาคมนี้ ด้วยจุดขายรูปลักษณ์ใหม่หมดจด พร้อมกับเทคโนโลยีทันสมัยครบครัน ประเดิมนำเข้าจากญี่ปุ่นมาทำตลาด 2 รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน “จีเอส250” และ “จีเอส350” เคาะราคาเริ่มต้นชนกับคู่แข่งที่เป็นรถประกอบในประเทศ แต่งานนี้โดนตัดหน้าจาก “วอลโว่” ที่ปฏิบัติการเดินหน้าเสริมทัพครบไลน์ ส่งรุ่น “วี60” เวอร์ชั่นสเตชันแวกอน หรือเอสเตท เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ที่ไม่ชื่นชอบตัวถังซีดานของรุ่น “เอส60” โดยนำเข้าจากโรงงานในเมาเลเซียเช่นเดียวกัน กำหนดแนะนำสู่ตลาดช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป เปิดราคาอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านบาท
หากพูดถึงตลาดรถหรูในไทย คงต้องยกให้แบรนด์ “เมอร์เซเดส-เบนซ์” และ “บีเอ็มดับเบิลยู” ที่ครองตลาดแบบทิ้งขาดคู่แข่งรายอื่นๆ โดยในสัปดาห์นี้ค่ายใบพัดสีฟ้าจะแถลงทิศทางและนโยบายการทำตลาดปีนี้ แน่นอนไฮไลต์คงเป็น “บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์3” โฉมใหม่ ที่จะขึ้นไลน์ประกอบในช่วงปลายปี ขณะที่ค่ายตราดาวคงไม่มีโมเดลใหม่หลักๆ เป็นทีเด็ด การที่จะรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้ ทางหนึ่งจึงต้องหันไปเปิดศึกกับผู้นำเข้าอิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ต เพื่อปิดรูโหว่ไม่ให้ถูกดูดลูกค้าออกไปมาก แต่ในปีงูใหญ่หรือมังกรไฟนี้ ทั้งสองค่ายคงต้องมีแนวรบที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้น เพราะบรรดารถหรูนอกสายตา อย่าง “เลกซัส” จากญี่ปุ่น หรือ “วอลโว่” ที่เคยร้อนแรงในอดีต เริ่มกลับมาทำตลาดได้คึกคัก พร้อมกับมีทีเด็ดใหม่ๆ ออกมาดึงดูดลูกค้าต่อเนื่อง และในปีนี้ได้ปฏิบัตการชิงเปิดเกมรุกก่อนสองยักษ์แล้ว...
โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ในฐานะผู้ทำตลาดและเจ้าของแบรนด์ “เลกซัส” ได้จัดงานเอ็กซ์คลูซีฟพรีวิว “เลกซัส จีเอส” (Lexus GS) โฉมใหม่ เพื่อเปิดโอกาสสำคัญให้กับลูกค้าระดับวีไอพีของเลกซัส รวมไปถึงบุคคลในแวดวงสังคมและเซเลบริตี้มากมาย ได้ร่วมยลโฉมโมเดลเชนจ์ของเก๋งหรูขนาดกลางรุ่นนี้ ก่อนจะเปิดตัวในวันที่ 8 มีนาคมที่จะถึงนี้อย่างเป็นทางการ
เลกซัส จีเอส เป็นรถยนต์หรูแบบ Gran Touring Sedan ซึ่งโฉมใหม่นี้นับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 4 ของตระกูลจีเอสที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 1993 โมเดลใหม่นี้โดดเด่นด้วยดีไซน์กระจังหน้าใหม่แบบ Spindle Grill ที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์เลกซัสเจเนอเรชั่นใหม่ๆ ที่เปิดตัวออกสู่ตลาด พร้อมกับแนวคิดการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกอย่างพอเหมาะ แต่เน้นดีไซน์ภายในที่ให้ความสะดวกสบาย และประโยชน์ใช้สอยสูงสุด
นอกจากนี้จีเอสโฉมใหม่ ยังเด่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดครั้งแรกจากเลกซัส นั่นคือ LED Interior Lighting ที่ให้ความสว่างเจิดจ้า และมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยทันสมัย อาทิ ถุงลมนิรภัยเสริมความปลอดภัยรอบคัน 10 ตำแหน่ง ระบบ Whiplash Injury Lessening (WIL) สำหรับที่นั่งตอนหน้าช่วยลดการบาดเจ็บบริเวณต้นคอ ระบบจัดการรวมไดนามิค(VDIM) ที่ผสานการทำงานของระบบต่างๆ ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ การทรงตัว และการป้องกันล้อหมุนฟรี ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist) ระบบเบรกแบบอิเลกทรอนิค(ECB) และ Brake Hold Function ช่วยป้องกันการไหลของตัวรถ เป็นต้น
สำหรับเลกซัส จีเอส ใหม่ ในต่างประเทศเปิดตัวทำตลาด 3 ทางเลือก กับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นจีเอส250 (GS250), จีเอส350 (GS350) และรุ่นไฮบริด เลกซัส จีเอส450เอช(GS450h) โดยในไทยจะเปิดตัวก่อนกับรุ่นจีเอส250 และ350 เพื่อท้าชนกับคู่แข่งอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์5, เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส และออดี้ เอ6 ด้วยสนนราคาอยู่ที่ประมาณ 3.8-4.2 ล้านบาท สำหรับรุ่นจีเอส 250 และน่าจะไม่เกิน 5 ล้านบาทต้นๆ กับรุ่นจีเอส 300 นับเป็นราคาที่คู่แข่งจะต้องสะท้านแน่ เพราะแม้จะนำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งคัน แต่ถือว่ามีราคาใกล้เคียงกับรถคู่แข่งที่ประกอบในประเทศมาก
ส่วนขุมพลังของ เลกซัส จีเอส ตัวพื้นฐานรุ่น 250 วางเครื่องยนต์ 4GR-FSE บล็อก V6 DOHC 24 วาล์ว ขนาด 2.5 ลิตร 215 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และรุ่นจีเอส350 ที่มีทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหลัง และ AWD วางเครื่องยนต์ 2GR-FE บล็อก V6 DOHC 24 วาล์ว 3.5 ลิตร 306 แรงม้า ขับเคลื่อนผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ Super ECT
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะพบกับ เลกซัส จีเอส ใหม่ ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ วอลโว่ชิงเปิดเกมรุกเก๋งหรูขนาดกลาง เตรียมส่ง “วอลโว่ วี60” (Volvo V60) ซึ่งเป็นรถแบบสเตชั่นแวกอน หรือเอสเตท(Estate) หลังจากเพิ่งเปิดตัวรุ่นซีดาน วอลโว่ เอส60” (Volvo S60) ที่มากับรหัส “DRIVe” สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี85 (E85) ได้ ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2011 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
วอลโว่ วี60 ได้รับการออกแบบให้เป็นรถสปอร์ตแวกอน ด้วยเส้นสายที่มีความสปอร์ต เช่นเดียวกับรุ่นซีดาน วอลโว่ เอส60 เก๋งซีดานที่ออกแบบเหมือนกับรถคูเป้ โดยมีเครื่องยนต์ให้เลือกหลาย ตั้งแต่เบนซิน 1.6 ลิตร 150 แรงม้า ไปจนถึงเครื่องยนต์เทอร์โบ 3.0 ลิตร 304 แรงม้า และเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร 115 แรงม้า, รุ่น 2.0 ลิตร 163 แรงม้า และ 2.4 ลิตร 205 แรงม้า แต่หากดูจากการทำตลาดรุ่นซีดาน เบื้องต้นวอลโว่น่าจะเลือกเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร เช่นเดียวกับรุ่นเอส60 ที่เพิ่งเปิดตัวทำตลาดในไทย และนำเข้าจากโรงงานประกอบในมาเลเซีย แต่ราคาจะสูงกว่าเอส 60 ( 1.899-2.149 ล้นบาท) หรือเริ่มต้นไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท
ทั้งนี้วอลโว่นับเป็นค่ายที่มีการเติบโตอย่างชัดเจนในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยปีนี้ตั้งเป้าการขายไว้ครอบ 1,600 คัน จากปีที่ผ่านมาทำได้ 1,200 คัน โดยกลยุทธ์หลักมาจากตัวผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น ในเรื่องของสมรรถนะ ระบบความปลอดภัย และสามารถใช้พลังงานทดแทนได้ พร้อมกับเตรียมเปิดพอร์ตรถใหม่ให้ครบเซกเม้นท์ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายกว้างขวาง (อ่านล้อมกรอบ - เวิร์นส์ขุมกำลังสานฝันวอลโว่)
จากความเคลื่อนไหวของสองค่ายรถหรู “เลกซัส-วอลโว่” ดังกล่าว เชื่อว่าจะทำให้ผู้นำอย่าง “เมอร์เซเดส-เบนซ์” และ “บีเอ็มดับเบิลยู” คงต้องหันกลับมามองอย่างระวังขึ้น แต่จะสร้างผลสะเทือนแค่ไหน? เดี๋ยวได้รู้กัน?!
หากพูดถึงตลาดรถหรูในไทย คงต้องยกให้แบรนด์ “เมอร์เซเดส-เบนซ์” และ “บีเอ็มดับเบิลยู” ที่ครองตลาดแบบทิ้งขาดคู่แข่งรายอื่นๆ โดยในสัปดาห์นี้ค่ายใบพัดสีฟ้าจะแถลงทิศทางและนโยบายการทำตลาดปีนี้ แน่นอนไฮไลต์คงเป็น “บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์3” โฉมใหม่ ที่จะขึ้นไลน์ประกอบในช่วงปลายปี ขณะที่ค่ายตราดาวคงไม่มีโมเดลใหม่หลักๆ เป็นทีเด็ด การที่จะรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้ ทางหนึ่งจึงต้องหันไปเปิดศึกกับผู้นำเข้าอิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ต เพื่อปิดรูโหว่ไม่ให้ถูกดูดลูกค้าออกไปมาก แต่ในปีงูใหญ่หรือมังกรไฟนี้ ทั้งสองค่ายคงต้องมีแนวรบที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้น เพราะบรรดารถหรูนอกสายตา อย่าง “เลกซัส” จากญี่ปุ่น หรือ “วอลโว่” ที่เคยร้อนแรงในอดีต เริ่มกลับมาทำตลาดได้คึกคัก พร้อมกับมีทีเด็ดใหม่ๆ ออกมาดึงดูดลูกค้าต่อเนื่อง และในปีนี้ได้ปฏิบัตการชิงเปิดเกมรุกก่อนสองยักษ์แล้ว...
โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ในฐานะผู้ทำตลาดและเจ้าของแบรนด์ “เลกซัส” ได้จัดงานเอ็กซ์คลูซีฟพรีวิว “เลกซัส จีเอส” (Lexus GS) โฉมใหม่ เพื่อเปิดโอกาสสำคัญให้กับลูกค้าระดับวีไอพีของเลกซัส รวมไปถึงบุคคลในแวดวงสังคมและเซเลบริตี้มากมาย ได้ร่วมยลโฉมโมเดลเชนจ์ของเก๋งหรูขนาดกลางรุ่นนี้ ก่อนจะเปิดตัวในวันที่ 8 มีนาคมที่จะถึงนี้อย่างเป็นทางการ
เลกซัส จีเอส เป็นรถยนต์หรูแบบ Gran Touring Sedan ซึ่งโฉมใหม่นี้นับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 4 ของตระกูลจีเอสที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 1993 โมเดลใหม่นี้โดดเด่นด้วยดีไซน์กระจังหน้าใหม่แบบ Spindle Grill ที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์เลกซัสเจเนอเรชั่นใหม่ๆ ที่เปิดตัวออกสู่ตลาด พร้อมกับแนวคิดการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกอย่างพอเหมาะ แต่เน้นดีไซน์ภายในที่ให้ความสะดวกสบาย และประโยชน์ใช้สอยสูงสุด
นอกจากนี้จีเอสโฉมใหม่ ยังเด่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดครั้งแรกจากเลกซัส นั่นคือ LED Interior Lighting ที่ให้ความสว่างเจิดจ้า และมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยทันสมัย อาทิ ถุงลมนิรภัยเสริมความปลอดภัยรอบคัน 10 ตำแหน่ง ระบบ Whiplash Injury Lessening (WIL) สำหรับที่นั่งตอนหน้าช่วยลดการบาดเจ็บบริเวณต้นคอ ระบบจัดการรวมไดนามิค(VDIM) ที่ผสานการทำงานของระบบต่างๆ ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ การทรงตัว และการป้องกันล้อหมุนฟรี ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist) ระบบเบรกแบบอิเลกทรอนิค(ECB) และ Brake Hold Function ช่วยป้องกันการไหลของตัวรถ เป็นต้น
สำหรับเลกซัส จีเอส ใหม่ ในต่างประเทศเปิดตัวทำตลาด 3 ทางเลือก กับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นจีเอส250 (GS250), จีเอส350 (GS350) และรุ่นไฮบริด เลกซัส จีเอส450เอช(GS450h) โดยในไทยจะเปิดตัวก่อนกับรุ่นจีเอส250 และ350 เพื่อท้าชนกับคู่แข่งอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์5, เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส และออดี้ เอ6 ด้วยสนนราคาอยู่ที่ประมาณ 3.8-4.2 ล้านบาท สำหรับรุ่นจีเอส 250 และน่าจะไม่เกิน 5 ล้านบาทต้นๆ กับรุ่นจีเอส 300 นับเป็นราคาที่คู่แข่งจะต้องสะท้านแน่ เพราะแม้จะนำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งคัน แต่ถือว่ามีราคาใกล้เคียงกับรถคู่แข่งที่ประกอบในประเทศมาก
ส่วนขุมพลังของ เลกซัส จีเอส ตัวพื้นฐานรุ่น 250 วางเครื่องยนต์ 4GR-FSE บล็อก V6 DOHC 24 วาล์ว ขนาด 2.5 ลิตร 215 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และรุ่นจีเอส350 ที่มีทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหลัง และ AWD วางเครื่องยนต์ 2GR-FE บล็อก V6 DOHC 24 วาล์ว 3.5 ลิตร 306 แรงม้า ขับเคลื่อนผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ Super ECT
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะพบกับ เลกซัส จีเอส ใหม่ ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ วอลโว่ชิงเปิดเกมรุกเก๋งหรูขนาดกลาง เตรียมส่ง “วอลโว่ วี60” (Volvo V60) ซึ่งเป็นรถแบบสเตชั่นแวกอน หรือเอสเตท(Estate) หลังจากเพิ่งเปิดตัวรุ่นซีดาน วอลโว่ เอส60” (Volvo S60) ที่มากับรหัส “DRIVe” สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี85 (E85) ได้ ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2011 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
วอลโว่ วี60 ได้รับการออกแบบให้เป็นรถสปอร์ตแวกอน ด้วยเส้นสายที่มีความสปอร์ต เช่นเดียวกับรุ่นซีดาน วอลโว่ เอส60 เก๋งซีดานที่ออกแบบเหมือนกับรถคูเป้ โดยมีเครื่องยนต์ให้เลือกหลาย ตั้งแต่เบนซิน 1.6 ลิตร 150 แรงม้า ไปจนถึงเครื่องยนต์เทอร์โบ 3.0 ลิตร 304 แรงม้า และเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร 115 แรงม้า, รุ่น 2.0 ลิตร 163 แรงม้า และ 2.4 ลิตร 205 แรงม้า แต่หากดูจากการทำตลาดรุ่นซีดาน เบื้องต้นวอลโว่น่าจะเลือกเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร เช่นเดียวกับรุ่นเอส60 ที่เพิ่งเปิดตัวทำตลาดในไทย และนำเข้าจากโรงงานประกอบในมาเลเซีย แต่ราคาจะสูงกว่าเอส 60 ( 1.899-2.149 ล้นบาท) หรือเริ่มต้นไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท
ทั้งนี้วอลโว่นับเป็นค่ายที่มีการเติบโตอย่างชัดเจนในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยปีนี้ตั้งเป้าการขายไว้ครอบ 1,600 คัน จากปีที่ผ่านมาทำได้ 1,200 คัน โดยกลยุทธ์หลักมาจากตัวผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น ในเรื่องของสมรรถนะ ระบบความปลอดภัย และสามารถใช้พลังงานทดแทนได้ พร้อมกับเตรียมเปิดพอร์ตรถใหม่ให้ครบเซกเม้นท์ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายกว้างขวาง (อ่านล้อมกรอบ - เวิร์นส์ขุมกำลังสานฝันวอลโว่)
จากความเคลื่อนไหวของสองค่ายรถหรู “เลกซัส-วอลโว่” ดังกล่าว เชื่อว่าจะทำให้ผู้นำอย่าง “เมอร์เซเดส-เบนซ์” และ “บีเอ็มดับเบิลยู” คงต้องหันกลับมามองอย่างระวังขึ้น แต่จะสร้างผลสะเทือนแค่ไหน? เดี๋ยวได้รู้กัน?!