ไม่รู้ว่าเพราะเป็นเจนเนอเรชันที่ 9 เหมือนกันหรือเปล่า จึงทำให้ฮอนด้าดำเนินกลยุทธ์ในการสร้างสีสันในตลาดให้กับแอคคอร์ดใหม่ที่จะเปิดตัวรุ่นขายจริงปลายปีนี้เหมือนกับที่ทำให้กับซีวิคใหม่
หากถ้ายังจำกันได้ในปีที่แล้ว ก่อนการเปิดตัวซีวิคใหม่เจนเนอเรชันที่ 9 เพื่อเข้ามาแทนที่รหัส FA/FD ที่ขายมาตั้งแต่ปี 2005 ทางฮอนด้าใช้กลยุทธ์เปิดตัวต้นแบบในงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ เมื่อเดือนมกราคมปี 2011 จากนั้นรุ่นขายจริงค่อยเผยโฉมพร้อมรายละเอียดออกมาหลังจากนั้นอีกไม่นาน ก่อนเริ่มขายจริงประมาณกลางปี...ด้วยรูปโฉมที่แทบจะเหมือนกันเด๊ะๆ กับตัวต้นแบบ
มาถึงดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ ปีนี้ ฮอนด้าก็ใช้วิธีเดียวกันเป๊ะ แถมตัวต้นแบบที่นำมาโชว์ก็ยังเป็นรุ่นคูเป้เหมือนกันอีก เรียกว่าเก็บตัวถังซีดานที่คนทั่วโลกสนใจเอาไว้ก่อน แล้วเอาตัวถังที่เน้นขายเฉพาะตลาดอเมริกาเหนือมาโชว์รายละเอียดของรูปลักษณ์ภายนอก
แม้จะต่อท้ายชื่อรุ่นว่าเป็นต้นแบบ แต่ใครที่ได้เห็นหน้าตาของแอคคอร์ด คูเป้ คอนเซปต์ ต่างก็เอ่ยปากเหมือนกันว่านี่คือ เวอร์ชันขายจริงที่พร้อมลงสู่ตลาดแล้ว เพียงแต่ถูกปรับสเปกและการตกแต่งทั้งภายนอกและภายในให้ดูเป็นต้นแบบ เรียกว่านำรุ่นขายจริงมาทำเป็นคอนเปต์ ไม่เหมือนกับรถยนต์บางรุ่นที่เกิดมาเป็นต้นแบบสำหรับโชว์ตัวก่อน แล้วจากนั้นจึงค่อยถูกพัฒนาให้กลายเป็นคันจริงสำหรับทำตลาดในเวลาต่อมา
ว่ากันว่าเหตุผลของการทำในลักษณะนี้ก็เพื่อเป็นการกระตุกยอดขายของคู่แข่ง ในช่วงเวลาที่ตัวเองยังไม่พร้อมรบ เพราะในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว โตโยต้าเพิ่งส่งคัมรี่ใหม่ออกขายในสหรัฐอเมริกา และน่าจะสร้างความปั่นป่วนให้กับฮอนด้าอย่างมาก ดังนั้น การเปิดตัวความเคลื่อนไหวของแอคคอร์ดใหม่ออกมาให้ลูกค้าได้รับทราบ (และยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่ารุ่นจำหน่ายจริงใกล้จะมาถึงโชว์รูมแล้วด้วยการเปิดตัวในลักษณะนี้) น่าจะช่วยกระตุกความแรงของคัมรี่ใหม่ได้ไม่มากก็น้อย
นอกจากนั้น การเปิดตัวในครั้งนี้ยังถือว่าเป็นช่วงเวลาในวาระแห่งความพิเศษ เพราะเป็นการฉลองครบรอบ 30 ปีที่ฮอนด้าผลิตรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา
สำหรับแอคคอร์ด รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวขายในเมืองลุงแซมประมาณปลายปีนี้ จะมาพร้อมกับรูปลักษณ์สุดสปอร์ตที่ถอดรหัสจากต้นแบบที่เห็นอยู่ในภาพนี้ โดยมีขายทั้งรุ่นคูเป้ และซีดาน 4 ประตูเหมือนกับรุ่นที่ผ่านมา โดยแอคคอร์ดที่ขายในอเมริกาเหนือจะเป็นเวอร์ชันเดียวกับที่ขายในบ้านเรา ต่างจากแอคคอร์ด อีกแบบที่มีตัวถังซีดาน และสเตชันแวกอน ซึ่งเป็นเวอร์ชันสำหรับขายในญี่ปุ่นและยุโรป (แต่อเมริกาก็มีเข้ามาขายโดยใช้ชื่อว่าอาคูรา TSX) อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่ในภาพสำหรับแจกให้กับสื่อมวลชนไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของห้องโดยสารด้วย
นอกจากหน้าตาแล้ว อีกประเด็นหลักของการเปลี่ยนแปลง คือ การใช้เครื่องยนต์บล็อกใหม่ ซึ่งจะมีด้วยกัน 3 ทางเลือก โดยเริ่มจากรุ่น 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว i-VTEC รหัสใหม่ที่เรียกว่า Earth Dreams ที่มาพร้อมกับระบบ Di หรือ Direct Injection ซึ่งเป็นการจ่ายน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง
สำหรับรหัสรุ่นเครื่องยนต์ถือว่าน่าจะคุ้นหูกันบ้าง เพราะเป็นแคมเปญที่ทางฮอนด้านำมาใช้กับรถแข่ง F1 เมื่อปี 2007 กับรถแข่ง RA107 หรือที่เรียกว่า Earth Car ซึ่งมีการเพนท์ลวดลายที่ออกแนวอนุรักษ์โลก และชวนคนทั่วโลกลงชื่อเพื่อช่วยลดการสร้างภาระให้กับโลก โดยชื่อเหล่านั้นจะถูกนำมาสกรีนลงบนตัวถังของรถแข่ง...แต่ก็ไม่รู้ว่า 2 เรื่องนี้เกี่ยวข้องกันหรือไม่
กลับมาที่ตัวเครื่องยนต์กันต่อ สำหรับเครื่องยนต์ใหม่บล็อกนี้ได้รับการพัฒนาให้ตอบสนองด้วยกำลังขับเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น แต่ประหยัดน้ำมัน โดยมีกำลังสูงสุดมากกว่า 181 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 24.6 กก.-ม. ซึ่งเป็นสเปกเครื่องยนต์ 2400 ซีซี เดิม เพียงแต่ไม่มีการระบุตัวเลขที่ชัดเจนออกมาในตอนนี้ โดยตัวเครื่องยนต์บล็อกนี้จะจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT เพื่อความประหยัดน้ำมันที่เหนือระดับจากรถยนต์ในคลาสเดียวกัน
อีกรุ่นที่ทำตลาดคือ เครื่องยนต์วี6 SOHC 24 วาล์ว i-VTEC 3500 ซีซี ที่ฮอนด้าบอกว่าจะมีการปรับปรุงจากสเปกที่ขายอยู่ในปัจจุบัน พร้อมกับจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ หรือธรรมดา 6 จังหวะรุ่นใหม่ โดยตัวเครื่องยนต์จะมีทั้งแรงม้าและแรงบิดเพิ่มขึ้น และคงความประหยัดด้วยเทคโนโลยี VCM หรือ Variable Cylinder Management ที่มีการลดจำนวนการทำงานของกระบอกสูบให้สัมพันธ์กับการขับขี่
ปิดท้ายกับเครื่องยนต์ไฮบริด ซึ่งฮอนด้าเว้นวรรคการทำตลาดให้กับแอคคอร์ดไป 1 เจนเนอเรชัน โดยระบบไฮบริดของแอคคอร์ดรุ่นนี้จะไฮเทคขึ้นในรูปแบบของ Plug-in เพราะใช้มอเตอร์ 2 ตัวขนาด 120 กิโลวัตต์ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ 4 สูบ 2000 ซีซี ที่มีการปรับปรุงระบบการเผาไหม้เป็นแบบ Atkinson Cycleส่วนแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออนมีขนาด 6 kWh และสามารถขับเคลื่อนได้ 3 โหมด คือ ไฟฟ้าอย่างเดียว, แบบผสมผสานทั้ง 2 ระบบ และแบบเครื่องยนต์อย่างเดียว ซึ่งในโหมดไฟฟ้าสามารถแล่นทำระยะทางได้ประมาณ 10-15 ไมล์ (16-24 กิโลเมตร/ชั่วโมง) และทำความเร็วสูงสุดในโหมดนี้ได้ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
สำหรับแฟนๆ ของแอคคอร์ดก็เตรียมเก็บเงินรอได้เลย เพราะในปลายปีนี้จะมีการเปิดตัวอย่างแน่นอน ส่วนบ้านเรา ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด หรือเกิดเหตุบางอย่างเหมือนกับปีที่แล้ว ปลายปีนี้หรืออย่างช้าต้นปีหน้า คงจะได้สัมผัสกับแอคคอร์ดใหม่เช่นกัน