จากที่ถูกมองเป็นปีกระต่ายกระโจน กลับกลายหัวทิ่มไม่เป็นท่า เพราะเจอภัยธรรมชาติถล่ม ไม่ว่าจะเป็นสึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น และอุทกภัยครั้งใหญ่ในไทยรอบ 50 ปี แต่สำหรับปีงูใหญ่ 2555 ทุกฝ่ายต่างหวังว่า ตลาดรถจะกลับมาพุ่งสุดๆ อีกครั้ง หากไม่มีเหตุการณ์อะไรมาฉุดรั้งอีก และเมื่อสำรวจบรรยากาศของตลาดก็ยิ่งเป็นใจ โดยจากการส่องกล้องตรวจสังเวียนรถใหม่ของ “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” เจาะเข้าไปแต่ละเซกเมนท์หลักๆของรถตลาดพบว่าค่ายรถต่างพร้อมใจเปิดตัวโมเดลใหม่เพียบ จนแทบจะเลือกถอยกันไม่ถูก ส่วนเซกเมนท์ไหนมีรถใหม่อะไรบ้าง? และจะแข่งขันกันดุเดือดแค่ไหน? เชิญติดตามได้…
ปิกอัพจัดเต็มทางเลือกเพียบ
ปลายปีที่ผ่านมา หากไม่เจอเหตุการณ์มหาอุทกภัยถล่ม ตลาดปิกอัพคงจะเดือดแบบสุดๆ เพราะมีการเปิดตัวปิกอัพโฉมใหม่ถึง 3 ยี่ห้อ(อย่างเป็นทางการ) ไล่มาตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมกับ “อีซูซุ ดีแมคซ์” ที่ครั้งนี้พลิกรูปลักษณ์เรียกเสียงฮือฮาอย่างมาก โดยมาในสไตล์สปอร์ตมากขึ้น
จากนั้นห่างกันเพียงสัปดาห์เดียว ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน “จีเอ็ม ประเทศไทย” ส่งโฉมใหม่ของปิกอัพ “เชฟโรเลต โคโลราโด” สู่ตลาด ด้วยรูปลักษณ์แบบเอสยูวีปิกอัพ พร้อมกับประกาศการพึ่งพาตัวเองมากขึ้น ด้วยการพัฒนาขุมพลังเป็นของตนเอง เครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ 2.5 และ 2.8 ลิตร ขณะที่ “ฟอร์ด เรนเจอร์” ไม่น้อยหน้า ส่งโฉมใหม่มาท้าชนทันที พร้อมกับทางเลือกขุมพลังหลากหลาย ทั้งเครื่องยนต์ดีเซลดูราทอร์ค 2.2 และ 3.2 ลิตร รวมถึงเครื่องยนต์เบนซินดูราเทค 2.5 ลิตร
ด้านพันธมิตร “มาสด้า” ได้มีการเผยโฉมปิกอัพ “บีที-50” ใหม่ในเวทีมอเตอร์เอ็กซ์โป 2011 เช่นเดียวกัน แต่กำหนดเปิดตัวคันจริงเป็นทางการปลายเดือนมกราคมนี้ ซึ่งจะทำให้บีที-50 ใหม่เป็นปิกอัพโมเดลแรกที่เปิดตัวในปี 2555 โดยรูปลักษณ์ฉีกแนวเส้นสายแทบไม่ต่างจากรถยนต์นั่ง หรือเก๋ง ไม่ว่าจะภายนอกและภายใน ขณะที่ขุมพลังเป็นบล็อกเดียวกับฟอร์ด เรนเจอร์ ตามข้อตกลงที่โฉมใหม่จะยกให้ฟอร์ดพัฒนา แต่ใช้ชื่อเรียกใหม่ว่า DI-THUNDER และมีให้เลือกเพียงเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร 150 แรงม้า และ 3.2 ลิตร 200 แรงม้า ไม่มีเครื่องยนต์เบนซินเหมือนฟอร์ด
ส่วนปิกอัพรุ่นอื่นๆ แม้จะยังไม่ปรับโฉมใหม่ แต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมาได้มีการแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ ไม่ว่าจะเป็น โตโยต้า วีโก้ แชมป์(ปีนี้จะปรับและเพิ่มรุ่นเกียร์อัตโนมัติใหม่), มิตซูบิชิ ไทรทัน และนิสสัน นาวารา(ไทรทัน-นาวาราจะโมเดลเชนจ์ในปี 2556 ) ส่วนปิกอัพ “ทาทา ซีนอน” ได้เพิ่มทางเลือกในรุ่นแค็บ เปิดตัวรุ่นย่อยกระบะพื้นเรียบมาเสริมทัพ เป็นต้น
แม้ว่าส่วนใหญ่จะเปิดตัวปิกอัพโฉมใหม่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่การทำตลาดจริงจะเริ่มในปีนี้ ยิ่งช่วงเปิดตัวเจออุทกภัยถล่มทำให้การผลิตและทำตลาดชะลอชั่วคราว ปี 2555 จึงถือเป็นสังเวียนรบจริงของตลาดปิกอัพ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตและเปิดศึกชิงลูกค้ากันอย่างดุเดือดแน่นอน โดยเฉพาะมหาอุทกภัยจะเป็นอีกแรง กระตุ้นให้ตลาดปิกอัพได้รับตอบรับมากขึ้น
อีโคคาร์สงครามเต็มรูปแบบ
ตลาดรถอีกประเภทที่จะร้อนแรงปีนี้ ย่อมต้องเป็นเก๋งขนาดเล็กกลุ่ม “อีโคคาร์” เพราะบริษัทรถยนต์ที่ขอเข้าร่วมโครงการ 5 ยี่ห้อ ตอนนี้เปิดตัวสู่ตลาดเพียง 2 ยี่ห้อ คือ นิสสัน มาร์ช และฮอนด้า บริโอ้ โดยล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา นิสสันก็เพิ่งเปิดตัวอีโคคาร์แบบซีดาน “นิสสัน อัลเมร่า” มาเสริมทัพอีกรุ่น
ที่ผ่านมาคงต้องบอกว่า มีเพียงนิสสันเท่านั้นที่ทำตลาดอีโคคาร์อย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่ “ฮอนด้า บริโอ้” แม้จะเปิดตัวมาตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา แต่แทบจะไม่สามารถทำตลาดและผลิตได้ เพราะเจอพิษเหตุการณ์สึนามิที่ญี่ปุ่น ภายหลังจากเปิดตัวได้ไม่ถึงเดือนเมื่อต้นปี 2554 และต้องมาเจอกับมหาอุทกภัยในไทยซ้ำอีกช่วงปลายปี และกว่าจะกลับมาฟื้นการผลิตได้คงต้องใช้เวลาอีก 2-3 เดือน นั่นหมายความว่าหากไม่เกิดเหตุการณ์อะไรอีก ฮอนด้า บริโอ้ จะสามารถทำตลาดและส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้เต็มที่ หลังจากเปิดตัวมาเป็นเวลาถึง 1 ปีเต็มๆ
ด้าน “นิสสัน อัลเมร่า” ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมนิดหน่อย แต่ตอนนี้กลับมาผลิตได้ปกติ และปีนี้จะถือเป็นการรุกตลาดเต็มรูปแบบ ผนึกกำลังกับรุ่นมาร์ชกวาดยอดขาย เรียกว่าตลาดอีโคคาร์ค่ายนิสสันพร้อมและแข็งแกร่งที่สุด
แต่ปีนี้จะถือเป็นด่านทดสอบนิสสันอย่างแท้จริง เพราะนอกจาก “ฮอนด้า บริโอ้” จะลงสังเวียนแบบเต็มที่แล้ว ยังจะมีอีโคคาร์โมเดลใหม่ที่จะเปิดศึกแย่งชิงยอดขายถึง 2 ยี่ห้อ โดยที่เปิดหน้าเปิดตาให้เห็นกันแล้ว “มิตซูบิชิ มิราจ” ในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2011 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่จะผลิตและขายจริงในไทยเป็นแห่งแรกในโลกเดือนมีนาคมนี้ และวางเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร เช่นเดียวกับคู่แข่ง แตกต่างจากญี่ปุ่นจะเป็นเครื่อง 1.0 ลิตร ซึ่งมิราจมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ CVT พร้อมระบบ Start/Stop ด้วย
ค่าย “ซูซูกิ” เป็นอีกรายที่จะส่งอีโคคาร์สู่ตลาดในเวลาใกล้เคียงกัน หรือในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 ช่วงปลายเดือนมีนาคม ปัจจุบันซูซูกิยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของอีโคคาร์คันนี้ ยกเว้นยืนยันมีความพร้อมทำตลาดช่วงต้นปีนี้แน่นอน แต่มีรายงานข่าวชัดเจนว่า อีโคคาร์ของซูซูกิ จะเป็นโฉมใหม่ของรุ่น “สวิฟท์” ที่เปิดตัวในตลาดต่างประเทศเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งไม่ใช่รุ่นที่จำหน่ายและนำเข้าจากอินโดนีเซียในปัจจุบัน พร้อมกับวางเครื่องยนต์ใหม่ 1.2 ลิตร 91 แรงม้า เช่นเดียวกับเวอร์ชั่นในตลาดโลก มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา และอัตโนมัติ
เรียกว่า… ปีงูใหญ่เป็นปีสงคราม “อีโคคาร์” เต็มรูปแบบก็ว่าได้ เพราะมีเหลือเพียงโตโยต้าค่ายเดียวเท่านั้น ที่ตามแผนจะเปิดตัวในปี 2556
คอมแพกต์คาร์ดุเดือดไม่แพ้
กลุ่มเก๋งขนาดเล็กปีนี้ไฮไลต์คงต้องอยู่ที่อีโคคาร์ เพราะซับคอมแพกต์ไม่มีอะไรหวือหวา เนื่องจากยังไม่มีคิวที่จะปรับโฉมใหม่กัน จะมีก็เพียงไมเนอร์เชนจ์ตามเวอร์ชันประจำปีเท่านั้น จะมีโฉมใหม่เพียง “เชฟโรเลต อาวีโอ” โฉมใหม่ ที่ครั้งนี้จะมาในชื่อ “โซนิค” เช่นเดียวกับในสหรัฐอเมริกา พร้อมกับมีทั้งตัวถังแบบซีดานและแฮ็ทช์แบ็กให้เลือก
ส่วนกลุ่มที่น่าจะกลับมาร้อนแรง เห็นจะเป็นตลาดคอมแพกต์คาร์ เพราะปีนี้มี “ฮอนด้า ซีวิค” รุ่นยอดนิยมของคนไทยปรับโฉมใหม่สู่ตลาด หลังจากเจอโรคเลื่อนเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากผลกระทบมหาอุทกภัยจมโรงงานประกอบรถฮอนด้ามิดน้ำ ซึ่งกว่าจะกลับมาผลิตได้น่าจะเป็นช่วงไตรมาสแรกปีนี้ และทำให้ต้องมาลุ้นกันว่าซีวิคโฉมใหม่ จะเปิดตัวสู่ตลาดไทยช่วงไหน?
อย่างไรก็ตาม ตามกระแสข่าวที่ออกมาน่าจะภายในช่วงครึ่งปีแรกนี้ และคาดว่าฮอนด้าจะเข็นซีวิคใหม่ออกมาในช่วงงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 โดยรูปลักษณ์อิงกับเวอร์ชั่นในตลาดจีนเป็นหลัก เครื่องยนต์ยังคงมีให้เลือกทั้ง บล็อก 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว 1.8 ลิตร i-VTEC 139 แรงม้า และรุ่น 2.0 ลิตร 152 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ
“ฟอร์ด โฟกัส” โฉมใหม่ เป็นอีกไฮไลต์ของตลาดคอมแพกต์คาร์ปีนี้ โดยฟอร์ดได้ทุ่มเงินกว่าหมื่นล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานในไทยเพื่อประกอบรถรุ่นนี้และรุ่นอื่นๆ ในอนาคต ตอนนี้ก็เกือบสมบูรณ์เรียบร้อย ตามกำหนดจะเริ่มผลิตฟอร์ด โฟกัส ที่โรงงานในไทยปลายปีนี้ แต่เปิดตัวน่าจะก่อนหน้านั้น ซึ่งโฟกัสใหม่มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 1.8 และ 2.0 ลิตรเช่นเดิม
คอมแพกต์คาร์อีกรุ่นเป็น “มาสด้า3” โฉมใหม่ เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร จะถูกส่งเข้ามาเสริมทัพรุ่น 2.0 ลิตร ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2554 ที่ผ่านมา โดยยังคงเป็นบล็อกเดิมที่ปรับปรุงให้ดีขึ้น ไม่ใช่เครื่องยนต์สกายแอคทีฟที่เพิ่งเปิดตัวไปในญี่ปุ่น ซึ่งไทยคงต้องรออีกประมาณ 1-2 ปี ถึงจะได้สัมผัสเครื่องยนต์บล็อกนี้
และที่น่าจับตามอง เห็นจะเป็นคอมแพกต์คาร์ซีดานตัวใหม่ของ “นิสสัน” ที่จะมาทำตลาดแทน นิสสัน ทีด้า ลาติโอ ซึ่งน่าจะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง มีเครื่องยนต์ 1.6 และ 1.8 ลิตให้เลือก
นอกจากคอมแพกต์คาร์ที่ประกอบในประเทศแล้ว ยังมีรถนำเข้าจากประเทศที่น่าใจ “ฮุนได เอลันตรา” ใหม่ ซึ่งเดิมจะเปิดตัวเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่เมื่อเกิดสถานการณ์น้ำท่วมจึงเลื่อนมาเป็นช่วงต้นปีนี้แทน โดยเครื่องยนต์ที่ทำตลาดเป็นบล็อก บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.8 ลิตร150 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ราคาประมาณล้านบาทต้นๆ
อีกโมเดลที่เป็นรถนำเข้า “ซูบารุ อิมเพรซ่า” ใหม่ ที่ทางมอเตอร์ อิมเมจ ซูบารุ ประเทศไทย จะเข็นลงมาชนกับคอมแพกต์คาร์แดนปลาดิบที่ประกอบในไทย ไม่ว่าจะเป็น ฮอนด้า ซีวิค, มาสด้า3 และมิตซูบิชิ แลนเซอร์ รุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ที่มีราคาประมาณ 1.1 ล้านบาท ตามกลยุทธ์ใหม่ที่ต้องการขยายตลาดให้กว้างขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการสนับสนุนของบริษัทแม่ โดยคาดว่าจะมีราคาอยู่ประมาณ 1.2 ล้านบาท
เก๋งขนาดกลางเวทีของ “คัมรี่”
ขยับขึ้นมาอีกนิดเก๋งขนาดกลาง หรือ D-Segment ปีนี้ยังนับว่ามีความเคลื่อนไหวมากกว่าปีที่ผ่านมา เพราะมีโฉมใหม่ที่จะเปิดตัวสู่ตลาดให้เป็นทางเลือกบ้าง และที่สำคัญเป็นโมเดลยอดนิยมในไทยเสียด้วย...
“โตโยต้า คัมรี่” โฉมใหม่ จะเป็นไฮไลต์ของตลาดในปีนี้ เพราะคู่แข่งสำคัญอย่าง “ฮอนด้า แอคคอร์ด” และ “นิสสัน เทียน่า” กำหนดโมเดลเชนจ์อยู่ในช่วงต้นปี 2556 ในปีงูใหญ่นี้จึงทำได้เพียงปรับแต่งเวอร์ชันประจำปีแก้ขัดไปก่อน ซึ่งคงต้องยอมรับสภาพที่จะปล่อยให้เวทีนี้ตกเป็นของโตโยต้า คัมรี่ ใหม่
โฉมใหม่ของคัมรี่ทยอยเปิดตัวในตลาดโลก เมื่อช่วงไตรมาสสามปีที่ผ่านมา เริ่มจากสหรัฐอเมริกา รัสเซีย และญี่ปุ่น โดยรูปลักษณ์และโมเดลทำตลาดแตกต่างกันไป โดยสหรัฐอเมริกาจะมีรูปแบบเป็นของตนเอง ญี่ปุ่นมีเพียงรุ่นไฮบริดทำตลาด ดังนั้นไทยจึงจะยึดตามเวอร์ชันในรัสเซีย หรือตลาดโลก สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ปกติ และรุ่นไฮบริดจะยึดตามที่ขายในญี่ปุ่น
โดยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร ยังคงมากับบล็อกเดิม 1AZ-FE แต่ได้มีการปรับใหญ่นำเครื่องยนต์ 2AR-FE 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.5 ลิตร 180 แรงม้า มาวางแทนบล็อกเดิม 2AZ-FE ขนาด 2.4 ลิตร เช่นเดียวกับรุ่นไฮบริดที่มากับเครื่องยนต์ใหม่รหัส 2AR-FXE 4 สูบ แบบ Atkinson Cycle 2.5 ลิตร 158 แรงม้า ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 141 แรงม้า จากการจ่ายไฟของแบตเตอรี่นิเกิลเมทัลไฮไดรด์ ทำให้มีกำลังสูงสุดรวม 202 แรงม้า
ตามรายงานข่าวการเปิดตัวของ “โตโยต้า คัมรี่” โฉมใหม่ จะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคม หรือในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 พร้อมกันนี้คัมรี่ใหม่ยังจะนำระบบ G-Book ที่ใช้ในญี่ปุ่น มาให้บริการในไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นระบบข้อมูลต่างๆ และยังเชื่อมต่อระบบนำทางผ่านดาวเทียม GPS อย่างเช่นการแจ้งเตือนข้อมูลการจราจรเป็นต้น
“เอสยูวี-พีพีวี”ร้อนทะลุองศา
ในบรรดาตลาดรถเมืองไทย กลุ่มรถอเนกประสงค์ไม่ว่าจะเป็นเอสยูวี และพีพีวี น่าจะมีการเติบโตสูงขึ้นมาก ปัจจัยหนึ่งมาจากความกลัวจะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมซ้ำร้อยเดิมแล้ว ยังมีการเปิดตัวรถใหม่สู่ตลาดหลายรุ่น
“ฮอนด้า ซีอาร์-วี” โฉมใหม่ หรือเจนเนอเรชันที่ 4 ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมเช่นกัน แต่ยังคงกำหนดเปิดตัวในปีนี้เช่นเดิม อาจจะเลื่อนนิดหน่อยไปเป็นกลางปี หรือหลังจากนั้นไม่มากนัก โดยมากับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 150 แรงม้า และ 2.4 ลิตร 190 แรงม้า
แต่ซีอาร์-วีก็มีคู่แข่งที่น่ากลัว “มาสด้า ซีเอ็กซ์-5” ซึ่งชัดเจนจะถูกนำมาทำตลาดในไทยแน่นอน คาดว่าอย่างเร็วจะเป็นภายในช่วงปลายปีนี้ หรือไม่เกินต้นปีหน้า โดยเป็นรถที่ถูกผลิตขึ้นภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟของมาสด้าทั้งคัน วางเครื่องยนต์ทั้งเบนซินและดีเซล แต่เบื้องต้นในไทยจะทำตลาดกับเครื่องเบนซิน 2.0 ลิตร
ส่วน “ซูบารุ เอ็กซ์วี” ที่เผยโฉมเรียกน้ำย่อย ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2012 ก่อนจะเริ่มทำตลาดจริงในช่วงไตรมาสสาม ซึ่งเป็นช่วงที่โรงงานในมาเลเซียเริ่มประกอบรถรุ่นนี้ และจะนำเข้ามาทำตลาดในไทยภายใต้กรอบข้อตกลงอาฟต้า โดยวางเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2.0 ลิตร 200 แรงม้า
นอกจากนี้รถอเนกประสงค์แบบพีพีวี หรือรถที่พัฒนามาจากพื้นฐานของปิกอัพ ไม่ว่าจะเป็นโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต และอีซูซุ มิว-7 ต้องเผชิญกับคู่แข่งหน้าใหม่ “เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ซึ่งพัฒนามาจากปิกอัพ เชฟโรเลต โคโลราโด โฉมใหม่ รวมถึงวางเครื่องยนต์บล็อกเดียวกัน 2.8 ลิตร 180 แรงม้า กำหนดเปิดตัวในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012
จากนั้นช่วงปลายปีอาจจะได้พบกับโฉมใหม่ของ “ฟอร์ด เอเวอเรสต์” ตามปิกอัพรุ่นเรนเจอร์ใหม่ที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพัฒนา ส่วน “อีซูซุ มิว-7” ที่พัฒนาจากปิกอัพ รุ่นดีแมคซ์โฉมใหม่ หากเป็นไปตามที่ผู้บริหารของตรีเพชรอีซูซุเซลส์ประกาศไว้ ปีนี้ไม่พบแน่นอน เพราะต้องรอไปอีก 2 ปีถึงจะมา
อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากกลุ่มเอสยูวี-พีพีวีแล้ว ยังมีรถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก 7 ที่นั่ง “โตโยต้า อแวนซา" รุ่นโมเดลเชนจ์ ที่เปิดตัวสู่ตลาดเป็นโมเดลแรกช่วงเดือนมกราคมนี้ (นำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย) ด้วยหน้าตาสดใหม่รอบคัน ดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้น แต่ยังคงขุมพลังเดิม เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร 109 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลัง มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และ อัตโนมัติ 4 สปีด สนนราคาน่าจะปรับขึ้นจากเดิมเล็กน้อย
จากการส่องกล้องสำรวจรถตลาดปีงูใหญ่ในไทย เรียกว่า... ดุเดือดร้อนแรงกันแทบจะทุกเซกเม้นท์ หากไม่มีเหตุการณ์อะไรมาทำให้สะดุด คงได้เห็นตัวเลขทะลุ 9 แสนคันแน่นอน ส่วนตลาดรถหรูและสปอร์ต ซึ่งมีการเปิดตัวหลากหลายรุ่นไม่แพ้กัน จะรายงานอย่างละเอียดแยกต่างหากในครั้งหน้าต่อไป…
ปิกอัพจัดเต็มทางเลือกเพียบ
ปลายปีที่ผ่านมา หากไม่เจอเหตุการณ์มหาอุทกภัยถล่ม ตลาดปิกอัพคงจะเดือดแบบสุดๆ เพราะมีการเปิดตัวปิกอัพโฉมใหม่ถึง 3 ยี่ห้อ(อย่างเป็นทางการ) ไล่มาตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมกับ “อีซูซุ ดีแมคซ์” ที่ครั้งนี้พลิกรูปลักษณ์เรียกเสียงฮือฮาอย่างมาก โดยมาในสไตล์สปอร์ตมากขึ้น
จากนั้นห่างกันเพียงสัปดาห์เดียว ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน “จีเอ็ม ประเทศไทย” ส่งโฉมใหม่ของปิกอัพ “เชฟโรเลต โคโลราโด” สู่ตลาด ด้วยรูปลักษณ์แบบเอสยูวีปิกอัพ พร้อมกับประกาศการพึ่งพาตัวเองมากขึ้น ด้วยการพัฒนาขุมพลังเป็นของตนเอง เครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ 2.5 และ 2.8 ลิตร ขณะที่ “ฟอร์ด เรนเจอร์” ไม่น้อยหน้า ส่งโฉมใหม่มาท้าชนทันที พร้อมกับทางเลือกขุมพลังหลากหลาย ทั้งเครื่องยนต์ดีเซลดูราทอร์ค 2.2 และ 3.2 ลิตร รวมถึงเครื่องยนต์เบนซินดูราเทค 2.5 ลิตร
ด้านพันธมิตร “มาสด้า” ได้มีการเผยโฉมปิกอัพ “บีที-50” ใหม่ในเวทีมอเตอร์เอ็กซ์โป 2011 เช่นเดียวกัน แต่กำหนดเปิดตัวคันจริงเป็นทางการปลายเดือนมกราคมนี้ ซึ่งจะทำให้บีที-50 ใหม่เป็นปิกอัพโมเดลแรกที่เปิดตัวในปี 2555 โดยรูปลักษณ์ฉีกแนวเส้นสายแทบไม่ต่างจากรถยนต์นั่ง หรือเก๋ง ไม่ว่าจะภายนอกและภายใน ขณะที่ขุมพลังเป็นบล็อกเดียวกับฟอร์ด เรนเจอร์ ตามข้อตกลงที่โฉมใหม่จะยกให้ฟอร์ดพัฒนา แต่ใช้ชื่อเรียกใหม่ว่า DI-THUNDER และมีให้เลือกเพียงเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร 150 แรงม้า และ 3.2 ลิตร 200 แรงม้า ไม่มีเครื่องยนต์เบนซินเหมือนฟอร์ด
ส่วนปิกอัพรุ่นอื่นๆ แม้จะยังไม่ปรับโฉมใหม่ แต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมาได้มีการแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ ไม่ว่าจะเป็น โตโยต้า วีโก้ แชมป์(ปีนี้จะปรับและเพิ่มรุ่นเกียร์อัตโนมัติใหม่), มิตซูบิชิ ไทรทัน และนิสสัน นาวารา(ไทรทัน-นาวาราจะโมเดลเชนจ์ในปี 2556 ) ส่วนปิกอัพ “ทาทา ซีนอน” ได้เพิ่มทางเลือกในรุ่นแค็บ เปิดตัวรุ่นย่อยกระบะพื้นเรียบมาเสริมทัพ เป็นต้น
แม้ว่าส่วนใหญ่จะเปิดตัวปิกอัพโฉมใหม่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่การทำตลาดจริงจะเริ่มในปีนี้ ยิ่งช่วงเปิดตัวเจออุทกภัยถล่มทำให้การผลิตและทำตลาดชะลอชั่วคราว ปี 2555 จึงถือเป็นสังเวียนรบจริงของตลาดปิกอัพ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตและเปิดศึกชิงลูกค้ากันอย่างดุเดือดแน่นอน โดยเฉพาะมหาอุทกภัยจะเป็นอีกแรง กระตุ้นให้ตลาดปิกอัพได้รับตอบรับมากขึ้น
อีโคคาร์สงครามเต็มรูปแบบ
ตลาดรถอีกประเภทที่จะร้อนแรงปีนี้ ย่อมต้องเป็นเก๋งขนาดเล็กกลุ่ม “อีโคคาร์” เพราะบริษัทรถยนต์ที่ขอเข้าร่วมโครงการ 5 ยี่ห้อ ตอนนี้เปิดตัวสู่ตลาดเพียง 2 ยี่ห้อ คือ นิสสัน มาร์ช และฮอนด้า บริโอ้ โดยล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา นิสสันก็เพิ่งเปิดตัวอีโคคาร์แบบซีดาน “นิสสัน อัลเมร่า” มาเสริมทัพอีกรุ่น
ที่ผ่านมาคงต้องบอกว่า มีเพียงนิสสันเท่านั้นที่ทำตลาดอีโคคาร์อย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่ “ฮอนด้า บริโอ้” แม้จะเปิดตัวมาตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา แต่แทบจะไม่สามารถทำตลาดและผลิตได้ เพราะเจอพิษเหตุการณ์สึนามิที่ญี่ปุ่น ภายหลังจากเปิดตัวได้ไม่ถึงเดือนเมื่อต้นปี 2554 และต้องมาเจอกับมหาอุทกภัยในไทยซ้ำอีกช่วงปลายปี และกว่าจะกลับมาฟื้นการผลิตได้คงต้องใช้เวลาอีก 2-3 เดือน นั่นหมายความว่าหากไม่เกิดเหตุการณ์อะไรอีก ฮอนด้า บริโอ้ จะสามารถทำตลาดและส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้เต็มที่ หลังจากเปิดตัวมาเป็นเวลาถึง 1 ปีเต็มๆ
ด้าน “นิสสัน อัลเมร่า” ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมนิดหน่อย แต่ตอนนี้กลับมาผลิตได้ปกติ และปีนี้จะถือเป็นการรุกตลาดเต็มรูปแบบ ผนึกกำลังกับรุ่นมาร์ชกวาดยอดขาย เรียกว่าตลาดอีโคคาร์ค่ายนิสสันพร้อมและแข็งแกร่งที่สุด
แต่ปีนี้จะถือเป็นด่านทดสอบนิสสันอย่างแท้จริง เพราะนอกจาก “ฮอนด้า บริโอ้” จะลงสังเวียนแบบเต็มที่แล้ว ยังจะมีอีโคคาร์โมเดลใหม่ที่จะเปิดศึกแย่งชิงยอดขายถึง 2 ยี่ห้อ โดยที่เปิดหน้าเปิดตาให้เห็นกันแล้ว “มิตซูบิชิ มิราจ” ในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2011 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่จะผลิตและขายจริงในไทยเป็นแห่งแรกในโลกเดือนมีนาคมนี้ และวางเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร เช่นเดียวกับคู่แข่ง แตกต่างจากญี่ปุ่นจะเป็นเครื่อง 1.0 ลิตร ซึ่งมิราจมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ CVT พร้อมระบบ Start/Stop ด้วย
ค่าย “ซูซูกิ” เป็นอีกรายที่จะส่งอีโคคาร์สู่ตลาดในเวลาใกล้เคียงกัน หรือในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 ช่วงปลายเดือนมีนาคม ปัจจุบันซูซูกิยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของอีโคคาร์คันนี้ ยกเว้นยืนยันมีความพร้อมทำตลาดช่วงต้นปีนี้แน่นอน แต่มีรายงานข่าวชัดเจนว่า อีโคคาร์ของซูซูกิ จะเป็นโฉมใหม่ของรุ่น “สวิฟท์” ที่เปิดตัวในตลาดต่างประเทศเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งไม่ใช่รุ่นที่จำหน่ายและนำเข้าจากอินโดนีเซียในปัจจุบัน พร้อมกับวางเครื่องยนต์ใหม่ 1.2 ลิตร 91 แรงม้า เช่นเดียวกับเวอร์ชั่นในตลาดโลก มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา และอัตโนมัติ
เรียกว่า… ปีงูใหญ่เป็นปีสงคราม “อีโคคาร์” เต็มรูปแบบก็ว่าได้ เพราะมีเหลือเพียงโตโยต้าค่ายเดียวเท่านั้น ที่ตามแผนจะเปิดตัวในปี 2556
คอมแพกต์คาร์ดุเดือดไม่แพ้
กลุ่มเก๋งขนาดเล็กปีนี้ไฮไลต์คงต้องอยู่ที่อีโคคาร์ เพราะซับคอมแพกต์ไม่มีอะไรหวือหวา เนื่องจากยังไม่มีคิวที่จะปรับโฉมใหม่กัน จะมีก็เพียงไมเนอร์เชนจ์ตามเวอร์ชันประจำปีเท่านั้น จะมีโฉมใหม่เพียง “เชฟโรเลต อาวีโอ” โฉมใหม่ ที่ครั้งนี้จะมาในชื่อ “โซนิค” เช่นเดียวกับในสหรัฐอเมริกา พร้อมกับมีทั้งตัวถังแบบซีดานและแฮ็ทช์แบ็กให้เลือก
ส่วนกลุ่มที่น่าจะกลับมาร้อนแรง เห็นจะเป็นตลาดคอมแพกต์คาร์ เพราะปีนี้มี “ฮอนด้า ซีวิค” รุ่นยอดนิยมของคนไทยปรับโฉมใหม่สู่ตลาด หลังจากเจอโรคเลื่อนเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากผลกระทบมหาอุทกภัยจมโรงงานประกอบรถฮอนด้ามิดน้ำ ซึ่งกว่าจะกลับมาผลิตได้น่าจะเป็นช่วงไตรมาสแรกปีนี้ และทำให้ต้องมาลุ้นกันว่าซีวิคโฉมใหม่ จะเปิดตัวสู่ตลาดไทยช่วงไหน?
อย่างไรก็ตาม ตามกระแสข่าวที่ออกมาน่าจะภายในช่วงครึ่งปีแรกนี้ และคาดว่าฮอนด้าจะเข็นซีวิคใหม่ออกมาในช่วงงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 โดยรูปลักษณ์อิงกับเวอร์ชั่นในตลาดจีนเป็นหลัก เครื่องยนต์ยังคงมีให้เลือกทั้ง บล็อก 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว 1.8 ลิตร i-VTEC 139 แรงม้า และรุ่น 2.0 ลิตร 152 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ
“ฟอร์ด โฟกัส” โฉมใหม่ เป็นอีกไฮไลต์ของตลาดคอมแพกต์คาร์ปีนี้ โดยฟอร์ดได้ทุ่มเงินกว่าหมื่นล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานในไทยเพื่อประกอบรถรุ่นนี้และรุ่นอื่นๆ ในอนาคต ตอนนี้ก็เกือบสมบูรณ์เรียบร้อย ตามกำหนดจะเริ่มผลิตฟอร์ด โฟกัส ที่โรงงานในไทยปลายปีนี้ แต่เปิดตัวน่าจะก่อนหน้านั้น ซึ่งโฟกัสใหม่มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 1.8 และ 2.0 ลิตรเช่นเดิม
คอมแพกต์คาร์อีกรุ่นเป็น “มาสด้า3” โฉมใหม่ เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร จะถูกส่งเข้ามาเสริมทัพรุ่น 2.0 ลิตร ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2554 ที่ผ่านมา โดยยังคงเป็นบล็อกเดิมที่ปรับปรุงให้ดีขึ้น ไม่ใช่เครื่องยนต์สกายแอคทีฟที่เพิ่งเปิดตัวไปในญี่ปุ่น ซึ่งไทยคงต้องรออีกประมาณ 1-2 ปี ถึงจะได้สัมผัสเครื่องยนต์บล็อกนี้
และที่น่าจับตามอง เห็นจะเป็นคอมแพกต์คาร์ซีดานตัวใหม่ของ “นิสสัน” ที่จะมาทำตลาดแทน นิสสัน ทีด้า ลาติโอ ซึ่งน่าจะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง มีเครื่องยนต์ 1.6 และ 1.8 ลิตให้เลือก
นอกจากคอมแพกต์คาร์ที่ประกอบในประเทศแล้ว ยังมีรถนำเข้าจากประเทศที่น่าใจ “ฮุนได เอลันตรา” ใหม่ ซึ่งเดิมจะเปิดตัวเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่เมื่อเกิดสถานการณ์น้ำท่วมจึงเลื่อนมาเป็นช่วงต้นปีนี้แทน โดยเครื่องยนต์ที่ทำตลาดเป็นบล็อก บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.8 ลิตร150 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ราคาประมาณล้านบาทต้นๆ
อีกโมเดลที่เป็นรถนำเข้า “ซูบารุ อิมเพรซ่า” ใหม่ ที่ทางมอเตอร์ อิมเมจ ซูบารุ ประเทศไทย จะเข็นลงมาชนกับคอมแพกต์คาร์แดนปลาดิบที่ประกอบในไทย ไม่ว่าจะเป็น ฮอนด้า ซีวิค, มาสด้า3 และมิตซูบิชิ แลนเซอร์ รุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ที่มีราคาประมาณ 1.1 ล้านบาท ตามกลยุทธ์ใหม่ที่ต้องการขยายตลาดให้กว้างขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการสนับสนุนของบริษัทแม่ โดยคาดว่าจะมีราคาอยู่ประมาณ 1.2 ล้านบาท
เก๋งขนาดกลางเวทีของ “คัมรี่”
ขยับขึ้นมาอีกนิดเก๋งขนาดกลาง หรือ D-Segment ปีนี้ยังนับว่ามีความเคลื่อนไหวมากกว่าปีที่ผ่านมา เพราะมีโฉมใหม่ที่จะเปิดตัวสู่ตลาดให้เป็นทางเลือกบ้าง และที่สำคัญเป็นโมเดลยอดนิยมในไทยเสียด้วย...
“โตโยต้า คัมรี่” โฉมใหม่ จะเป็นไฮไลต์ของตลาดในปีนี้ เพราะคู่แข่งสำคัญอย่าง “ฮอนด้า แอคคอร์ด” และ “นิสสัน เทียน่า” กำหนดโมเดลเชนจ์อยู่ในช่วงต้นปี 2556 ในปีงูใหญ่นี้จึงทำได้เพียงปรับแต่งเวอร์ชันประจำปีแก้ขัดไปก่อน ซึ่งคงต้องยอมรับสภาพที่จะปล่อยให้เวทีนี้ตกเป็นของโตโยต้า คัมรี่ ใหม่
โฉมใหม่ของคัมรี่ทยอยเปิดตัวในตลาดโลก เมื่อช่วงไตรมาสสามปีที่ผ่านมา เริ่มจากสหรัฐอเมริกา รัสเซีย และญี่ปุ่น โดยรูปลักษณ์และโมเดลทำตลาดแตกต่างกันไป โดยสหรัฐอเมริกาจะมีรูปแบบเป็นของตนเอง ญี่ปุ่นมีเพียงรุ่นไฮบริดทำตลาด ดังนั้นไทยจึงจะยึดตามเวอร์ชันในรัสเซีย หรือตลาดโลก สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ปกติ และรุ่นไฮบริดจะยึดตามที่ขายในญี่ปุ่น
โดยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร ยังคงมากับบล็อกเดิม 1AZ-FE แต่ได้มีการปรับใหญ่นำเครื่องยนต์ 2AR-FE 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.5 ลิตร 180 แรงม้า มาวางแทนบล็อกเดิม 2AZ-FE ขนาด 2.4 ลิตร เช่นเดียวกับรุ่นไฮบริดที่มากับเครื่องยนต์ใหม่รหัส 2AR-FXE 4 สูบ แบบ Atkinson Cycle 2.5 ลิตร 158 แรงม้า ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 141 แรงม้า จากการจ่ายไฟของแบตเตอรี่นิเกิลเมทัลไฮไดรด์ ทำให้มีกำลังสูงสุดรวม 202 แรงม้า
ตามรายงานข่าวการเปิดตัวของ “โตโยต้า คัมรี่” โฉมใหม่ จะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคม หรือในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 พร้อมกันนี้คัมรี่ใหม่ยังจะนำระบบ G-Book ที่ใช้ในญี่ปุ่น มาให้บริการในไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นระบบข้อมูลต่างๆ และยังเชื่อมต่อระบบนำทางผ่านดาวเทียม GPS อย่างเช่นการแจ้งเตือนข้อมูลการจราจรเป็นต้น
“เอสยูวี-พีพีวี”ร้อนทะลุองศา
ในบรรดาตลาดรถเมืองไทย กลุ่มรถอเนกประสงค์ไม่ว่าจะเป็นเอสยูวี และพีพีวี น่าจะมีการเติบโตสูงขึ้นมาก ปัจจัยหนึ่งมาจากความกลัวจะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมซ้ำร้อยเดิมแล้ว ยังมีการเปิดตัวรถใหม่สู่ตลาดหลายรุ่น
“ฮอนด้า ซีอาร์-วี” โฉมใหม่ หรือเจนเนอเรชันที่ 4 ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมเช่นกัน แต่ยังคงกำหนดเปิดตัวในปีนี้เช่นเดิม อาจจะเลื่อนนิดหน่อยไปเป็นกลางปี หรือหลังจากนั้นไม่มากนัก โดยมากับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 150 แรงม้า และ 2.4 ลิตร 190 แรงม้า
แต่ซีอาร์-วีก็มีคู่แข่งที่น่ากลัว “มาสด้า ซีเอ็กซ์-5” ซึ่งชัดเจนจะถูกนำมาทำตลาดในไทยแน่นอน คาดว่าอย่างเร็วจะเป็นภายในช่วงปลายปีนี้ หรือไม่เกินต้นปีหน้า โดยเป็นรถที่ถูกผลิตขึ้นภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟของมาสด้าทั้งคัน วางเครื่องยนต์ทั้งเบนซินและดีเซล แต่เบื้องต้นในไทยจะทำตลาดกับเครื่องเบนซิน 2.0 ลิตร
ส่วน “ซูบารุ เอ็กซ์วี” ที่เผยโฉมเรียกน้ำย่อย ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2012 ก่อนจะเริ่มทำตลาดจริงในช่วงไตรมาสสาม ซึ่งเป็นช่วงที่โรงงานในมาเลเซียเริ่มประกอบรถรุ่นนี้ และจะนำเข้ามาทำตลาดในไทยภายใต้กรอบข้อตกลงอาฟต้า โดยวางเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2.0 ลิตร 200 แรงม้า
นอกจากนี้รถอเนกประสงค์แบบพีพีวี หรือรถที่พัฒนามาจากพื้นฐานของปิกอัพ ไม่ว่าจะเป็นโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต และอีซูซุ มิว-7 ต้องเผชิญกับคู่แข่งหน้าใหม่ “เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ซึ่งพัฒนามาจากปิกอัพ เชฟโรเลต โคโลราโด โฉมใหม่ รวมถึงวางเครื่องยนต์บล็อกเดียวกัน 2.8 ลิตร 180 แรงม้า กำหนดเปิดตัวในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012
จากนั้นช่วงปลายปีอาจจะได้พบกับโฉมใหม่ของ “ฟอร์ด เอเวอเรสต์” ตามปิกอัพรุ่นเรนเจอร์ใหม่ที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพัฒนา ส่วน “อีซูซุ มิว-7” ที่พัฒนาจากปิกอัพ รุ่นดีแมคซ์โฉมใหม่ หากเป็นไปตามที่ผู้บริหารของตรีเพชรอีซูซุเซลส์ประกาศไว้ ปีนี้ไม่พบแน่นอน เพราะต้องรอไปอีก 2 ปีถึงจะมา
อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากกลุ่มเอสยูวี-พีพีวีแล้ว ยังมีรถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก 7 ที่นั่ง “โตโยต้า อแวนซา" รุ่นโมเดลเชนจ์ ที่เปิดตัวสู่ตลาดเป็นโมเดลแรกช่วงเดือนมกราคมนี้ (นำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย) ด้วยหน้าตาสดใหม่รอบคัน ดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้น แต่ยังคงขุมพลังเดิม เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร 109 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลัง มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และ อัตโนมัติ 4 สปีด สนนราคาน่าจะปรับขึ้นจากเดิมเล็กน้อย
จากการส่องกล้องสำรวจรถตลาดปีงูใหญ่ในไทย เรียกว่า... ดุเดือดร้อนแรงกันแทบจะทุกเซกเม้นท์ หากไม่มีเหตุการณ์อะไรมาทำให้สะดุด คงได้เห็นตัวเลขทะลุ 9 แสนคันแน่นอน ส่วนตลาดรถหรูและสปอร์ต ซึ่งมีการเปิดตัวหลากหลายรุ่นไม่แพ้กัน จะรายงานอย่างละเอียดแยกต่างหากในครั้งหน้าต่อไป…