ข่าวต่างประเทศ-เบนท์ลีย์ แบรนด์ระดับหรูของโฟล์คสวาเกน สบช่องในการขยายตลาด เมื่อเตรียมร่อนจดหมายถึงบรรดาซูเปอร์สตาร์กระเป๋าหนักที่เป็นลูกค้าของแบรนด์มายบัคแห่งค่ายเดมเลอร์ เพื่อเชิญชวนให้มาเป็นลูกค้าของเบนท์ลีย์ เมื่อแบรนด์ดังของเยอรมนีต้องถอนตัวออกจากตลาดหลังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
วูล์ฟแกง ดอยเออร์ไฮเมอร์ ซีอีโอของเบนท์ลีย์เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า การที่มีข่าวมายบัคจะถอนตัวออกจากตลาดหรูถือเป็นข่าวดีและเป็นโอกาสของทางเบนท์ลีย์ในการเข้าสวมลูกค้า ซึ่งในตอนนี้บรรดาซูเปอร์สตาร์ชาวอเมริกันไม่ว่าจะเป็นแซมวล แอล แจ็คสัน หรือนักร้องเพลงแร็พอย่างเจย์-ซี เช่นเดียวกับกลุ่มบุคคลชั้นสูงอย่างกษัตริย์ฮวน คาร์ลอสแห่งสเปน และสุลต่านของราชวงศ์บรูไนคือ กลุ่มบุคคลที่ทางเบนท์ลีย์จับตามองและเตรียมเชิญให้เข้ามาเป็นลูกค้า
“การถอนตัวของมายบัคคือโอกาสทางธุรกิจของเรา และเราควรจะใช้โอกาสนี้ในการสร้างความได้เปรียบ” ดอยเออร์ไฮเมอร์ กล่าว โดยในตอนนี้เขายืนยันว่า ได้เริ่มติดต่อและทาบทามกลุ่มลูกค้าเหล่านี้บางรายแล้ว ซึ่งบางคนถึงกับบ่นว่า “เหมือนกับโดนทิ้งยังไงไม่รู้”
นอกจากนั้น เขายังเตรียมจัดทัวร์พิเศษให้ลูกค้ากลุ่มนี้ได้เข้าเยี่ยมโรงงานผลิตของเบนท์ลีย์ที่เมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ อีกด้วย
หลังจากที่เปิดตัวในปี 2002 ทางเดมเลอร์ได้ประกาศเลิกผลิตรถยนต์รุ่น 57/62 รวมถึงการทำตลาดของแบรนด์มายบัคในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และหันไปมุ่งเน้นในการทำตลาดให้กับรถยนต์ระดับหรูของเมอร์เซเดส-เบนซ์ แทน โดยจะลดบทบาทของแบรนด์มายบัคให้เป็นแค่เวอร์ชันหรือรุ่นย่อยระดับหรูของรถยนต์ในตระกูลเอส-คลาส
สำหรับประเด็นที่ทำให้มายบัคต้องสิ้นสุดการทำตลาดนั้น เป็นเพราะราคาขายที่ถูกตั้งเอาไว้ค่อนข้างสูงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่างโรลส์-รอยซ์ แฟนธอมของบีเอ็มดับเบิลยู โดยทางเดมเลอร์ตั้งราคาของมายบัคเอาไว้ถึง 500,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 15 ล้านบาท ส่วนแฟนธอมมีราคาเพียง 380,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 11.4 ล้านบาท เท่านั้นเอง
วูล์ฟแกง ดอยเออร์ไฮเมอร์ ซีอีโอของเบนท์ลีย์เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า การที่มีข่าวมายบัคจะถอนตัวออกจากตลาดหรูถือเป็นข่าวดีและเป็นโอกาสของทางเบนท์ลีย์ในการเข้าสวมลูกค้า ซึ่งในตอนนี้บรรดาซูเปอร์สตาร์ชาวอเมริกันไม่ว่าจะเป็นแซมวล แอล แจ็คสัน หรือนักร้องเพลงแร็พอย่างเจย์-ซี เช่นเดียวกับกลุ่มบุคคลชั้นสูงอย่างกษัตริย์ฮวน คาร์ลอสแห่งสเปน และสุลต่านของราชวงศ์บรูไนคือ กลุ่มบุคคลที่ทางเบนท์ลีย์จับตามองและเตรียมเชิญให้เข้ามาเป็นลูกค้า
“การถอนตัวของมายบัคคือโอกาสทางธุรกิจของเรา และเราควรจะใช้โอกาสนี้ในการสร้างความได้เปรียบ” ดอยเออร์ไฮเมอร์ กล่าว โดยในตอนนี้เขายืนยันว่า ได้เริ่มติดต่อและทาบทามกลุ่มลูกค้าเหล่านี้บางรายแล้ว ซึ่งบางคนถึงกับบ่นว่า “เหมือนกับโดนทิ้งยังไงไม่รู้”
นอกจากนั้น เขายังเตรียมจัดทัวร์พิเศษให้ลูกค้ากลุ่มนี้ได้เข้าเยี่ยมโรงงานผลิตของเบนท์ลีย์ที่เมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ อีกด้วย
หลังจากที่เปิดตัวในปี 2002 ทางเดมเลอร์ได้ประกาศเลิกผลิตรถยนต์รุ่น 57/62 รวมถึงการทำตลาดของแบรนด์มายบัคในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และหันไปมุ่งเน้นในการทำตลาดให้กับรถยนต์ระดับหรูของเมอร์เซเดส-เบนซ์ แทน โดยจะลดบทบาทของแบรนด์มายบัคให้เป็นแค่เวอร์ชันหรือรุ่นย่อยระดับหรูของรถยนต์ในตระกูลเอส-คลาส
สำหรับประเด็นที่ทำให้มายบัคต้องสิ้นสุดการทำตลาดนั้น เป็นเพราะราคาขายที่ถูกตั้งเอาไว้ค่อนข้างสูงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่างโรลส์-รอยซ์ แฟนธอมของบีเอ็มดับเบิลยู โดยทางเดมเลอร์ตั้งราคาของมายบัคเอาไว้ถึง 500,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 15 ล้านบาท ส่วนแฟนธอมมีราคาเพียง 380,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 11.4 ล้านบาท เท่านั้นเอง