ภาพความยิ่งใหญ่ของงาน “เวิลด์ เอ็กซ์โป 2010” ณ นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อปีที่ผ่านมา คงอยู่ในใจหลายคนไปอีกนาน ยิ่งผู้ที่ได้เดินทางไปเยือนต่างยืนยันว่า สุดอลังการคุ้มค่ากับการไปชมมากๆ เพราะมี 179 ประเทศ และองค์กรเอกชนระหว่างประเทศ 57 องค์กร เข้าร่วมงานเปิดพาวิลเลียนโชว์เทรนด์ใหม่ๆ และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยสุดๆ ทำให้ผู้ที่พลาดหรือไม่สามารถเดินทางไปชมได้ อาจจะรู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง แต่ยังมีงานหนึ่งในไทย “บีโอไอแฟร์ 2011” ที่กำลังจะจัดขึ้นให้ได้สัมผัสบรรยากาศดังกล่าว แม้เทียบกันแล้วจะเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น แต่หากนับงานมหกรรมแสดงนิทรรศการในไทย ต้องยกให้งานนี้ยิ่งใหญ่ที่สุด และที่สำคัญไฮไลต์จากองค์กรชั้นนำระดับโลก มีบางส่วนจากงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2010 ที่ถูกนำมาจัดแสดงในงานนี้ด้วย โดยเฉพาะค่ายรถต่างๆ งานนี้ทุ่มงบเนรมิตพาวิลเลียน เพื่อนำเทคโนโลยีล้ำสมัย มาให้ประชาชนชาวไทย ตั้งแต่เยาวชนไปจนถึงผู้ใหญ่ ได้ไปชมศึกษาหาความรู้และสัมผัสกันอย่างจุใจ ระหว่างวันที่ 5-20 มกราคมนี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี
เริ่มกันที่ค่ายยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” ที่ทุ่มงบสร้างพาวิลเลียนสะท้อนความทันสมัยและอนุรักษ์พลังงาน แสดงความเป็นผู้นำนวัตกรรมการขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ยั่งยืน พัฒนาคุณภาพชีวิตควบคู่ไปกับการปฏิวัติเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด Toyota Leads The Way Towards Better Sustainable Mobility for Society
ภายในอาคารของโตโยต้า นอกมีจุดผักผ่อนในสวนสีเขียว ยังได้แบ่งออกเป็น 3 โซน แสดงเรื่องราวจากปัจจุบันสู่อนาคต กับการพัฒนาเทคโนโลยีของโตโยต้า โดยโซนแรกแสดงการมีส่วนร่วมด้านความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร ซึ่งอีกโซนจะพบกับหุ่นยนต์แห่งโลกอนาคต “Partner Robot” ที่พัฒนาเป็นผู้ช่วยมนุษย์ มาแสดงความสามารถพิเศษให้ผู้เข้าชมอย่างใกล้ชิด รวมถึงยานพาหนะไฟฟ้าเคลื่อนที่แบบพกพา “Whee” พร้อมสัมผัสความล้ำสมัยไปกับรถต้นแบบ “Prius C” ที่สะท้อนความเป็นผู้นำนวัตกรรมยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ส่วนโซนที่สามเป็นการปฏิวัติเทคโนโลยีการบริหารจัดเก็บพลังงานสู่โลกอนาคต “Smart Grid” และพบกับ “Prius Plug-in” รถยนต์พลังงานผสม ที่สามารถสะสมพลังงานไฟฟ้าจากไฟฟ้าภายในบ้าน ซึ่งใช้ควบคู่กับน้ำมัน รวมถึงการแสดงบรรยากาศจำลองแห่งโลกอนาคตแบบ 3 มิติ
ขณะที่ค่าย “นิสสัน” มาภายใต้แนวคิดยานยนต์ไร้มลพิษ หรือ Zero Emission โดยออกแบบพาวิลเลียนเป็นรูปตัว “e” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์พันธสัญญา “Zero Emission” ของนิสสัน และยังได้นำรถยนต์พลังงานไฟฟ้า “นิสสัน ทาวน์พอด” มาจัดแสดงเป็นประเทศแรก หลังจากเผยโฉมครั้งแรกประเทศญี่ปุ่น เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา รวมถึงทัพรถพลังงานไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็น นิสสัน ลีฟ และนิสสัน พิโว มาจัดแสดง
นอกจากนี้สัมผัสเมืองอัจฉริยะในอนาคต ผ่านภาพยนตร์ 4 มิติ สื่อสารเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าของยานยนต์ แนวคิดพลังงานสะอาดเพื่อสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญผู้มาเยี่ยมชมนิสสันพาวิลเลียน สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ในการร่วมกิจกรรมทดลองขับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า นิสสัน ลีฟ ที่จะจัดขึ้นเป็นพิเศษให้กับผู้โชคดี 100 ท่าน ภายหลังงานบีโอไอแฟร์
ต่อกันที่กลุ่มธุรกิจ “ฮอนด้า” ในประเทศไทย ที่รวมพลังเนรมิตพาวิลเลียน ให้เป็นม่านน้ำตกขนาดใหญ่ แห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย เปรียบดังน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นน้ำทิพย์ชโลมใจให้ทุกคน ด้วยนวัตกรรมด้านดีไซน์แบบ eco ที่ใช้ม่านน้ำแทนผนังโครงสร้าง คำนึงถึงคุณประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม
โดยภายในพาวิลเลียนได้จัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประกอบด้วยแนวพระราชดำริด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม ที่ฮอนด้าได้น้อมนำมาปฏิบัติจริง ในการดำเนินธุรกิจและส่งเสริมสนับสนุนสังคมไทย พร้อมพบกับเทคโนโลยียานยนต์สีเขียว ไม่ว่าจะเป็น Honda Fit Hybrid รวมถึงระบบบ้านที่สามารถผลิตพลังงานสะอาดใช้ได้เอง (Honda Smart Home System) ช่วยลดการปล่อย CO2 ออกสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามปรัชญาการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ของฮอนด้าเพื่อโลกและชีวิตที่ยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “Dreams for a Better Living”
<
มาที่พาวิลเลียนของ “ซูซูกิ” ซึ่งจัดแสดงภายใต้แนวคิด “อัจฉริยะแห่งการสร้างสรรค์ที่คุณสัมผัสได้” โดยพบกับนวัตกรรมยานยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม “Suzuki Swift Range Extender” รถยนต์ต้นแบบที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ K6A 3 สูบ 12 วาล์ว VVT ขนาด 658 ซีซี ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า มีกำลังสูงสุด 55 kw / 180 Nm โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 260 โวลต์ ความจุ 2.66 kWh หากพลังงานแบตเตอรี่ใกล้หมดขณะขับขี่ เครื่องยนต์เบนซินจะทำหน้าที่ปั่นมอเตอร์ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าส่งเข้าแบตเตอรี่
พร้อมกันนี้ยังจะพบกับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ “Suzuki e-Let’s” ด้วยขนาดที่กะทัดรัด และชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบเดียวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และยังจะได้ชม Suzuki GSX-R1000 บิ๊กไบค์ที่พัฒนามาจากเทคโนโลยีในสนามแข่ง รวมถึงรถยนต์ Suzuki Lapin, Suzuki Wagon-R รถขนาดเล็กที่เป็นรถอีโคคาร์ในประเทศญี่ปุ่นและรถยนต์ Suzuki รุ่นอื่นๆ ที่นำมาจัดแสดง อาทิ Suzuki Swift และ Suzuki SX4
ด้าน “เจนเนอรัล มอเตอร์ส” หรือจีเอ็ม(GM) ในประเทศไทย ทุ่มงบกว่า 84 ล้านบาท จำลองเมืองแห่งอนาคต ด้วยระบบแสง สี เสียง 3 มิติรูปแบบใหม่ (Full Scale 3D Hologram) ครั้งแรกในเมืองไทย เพื่อถ่ายทอดให้ผู้เยี่ยมชมได้ซึมซับถึงความเป็นเชฟโรเลตในทุกยุคสมัย อย่างใกล้ชิดและแท้จริง ภายใต้แนวคิดเทคโนโลยียานยนต์อันล้ำสมัยเพื่อสิ่งแวดล้อม (Re-Inventing the future for green mobility)
โดยไฮไลต์จะถูกนำเสนอผ่านคุณลุง “หลุยส์ เชฟโรเลต” จ้าวแห่งความเร็วที่ทั่วโลกรู้จัก ในฐานะสุดยอดแห่งตำนานนักแข่งรถ ผู้ก่อตั้งแบรนด์เชฟโรเลต กับการเดินทางย้อนอดีตไปสู่ประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 100 ปีของเชฟโรเลต พร้อมก้าวทะลุไปยังโลกแห่งอนาคต เพื่อสัมผัสเทคโนโลยียานยนต์สุดล้ำ กับน้อง “เชฟวี่” เด็กชายวัย 12 ขวบ จากปี ค.ศ. 2031 ที่จะแนะนำ “Chevrolet Volt” รถพลังงานไฟฟ้า ที่สามารถวิ่งได้ไกลกว่า 570 กิโลเมตร รวมถึง “Chevrolet EN-V” และ ยานยนต์สองล้อพลังงานไฟฟ้าสำหรับค่าย
“มิตซูบิชิ” นำเสนอความรู้และรูปแบบการใช้ชีวิตในอนาคต ที่วิถีการใช้พลังงานจะก้าวไปสู่จุดสูงสุด ด้วยโครงข่ายพลังงานอัจฉริยะ และแสดงให้เห็นยนตกรรมของมิตซูบิชิ นำเสนอผ่าน “i-MiEV” รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ จะมีส่วนเชื่อมโยงชีวิตของคุณให้เข้ากับแนวคิดอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร กับแนวคิด “สังคมชาญฉลาดแบบมิตซูบิชิ มอเตอร์ส”
ส่วน “ฟอร์ด” ได้นำเสนอเทคโนโลยี Eco Boost ผ่านการเล่นฟุตบอล ในเกม Eco Boost Challenge ซึ่งสื่อถึงการผสมผสานพลัง ประสิทธิภาพ และความแม่นยำของผู้เล่น เพื่อทำประตูได้ยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับผสานกันระหว่างพลังความแม่นยำ และความสมบูรณ์แบบของเทคโนโลยีเครื่องยนต์ Eco Boost ในการจ่ายเชื้อเพลิงของระบบไดเรค อินเจคชั่นและเทคโนโลยีเทอร์โบชาร์จจิง ที่ยอดเยี่ยมและทรงประสิทธิภาพ พร้อมความประหยัดน้ำมันอย่างเหลือเชื่อ พร้อมพบกับปิกอัพโฉมหม่ “เรนเจอร์” ซึ่งเป็นรถที่เน้นคุณภาพและความสามารถในการผลิตในประเทศไทย เพื่อส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
ขณะที่ค่าย “อีซูซุ” ยังคงย้ำให้เห็นความมุ่งมั่นในการผลิตปิกอัพเพื่อคนทั้งโลก รูปแบบของพาวิลเลียนจึงถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิด “Pick Up for the Whole World” ซึ่งผู้เข้าชมงานจะได้สัมผัส “อีซูซุดีแมคซ์” รุ่นใหม่ ปิกอัพที่ถูกสร้างมาตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ของคนทั้งโลก ด้วยดีไซน์ที่กำหนดทิศทางแห่งยานยนต์ ออกแบบควบคู่ไปกับเทคโนโลยีอากาศพลศาสตร์ดุจรถไฟหัวกระสุน จึงเป็นยานยนต์ที่หลุดพ้นทุกขีดจำกัด ทั้งในด้านสมรรถนะ ความประหยัด และสุนทรียภาพแห่งการขับขี่สำหรับคนทั้งโลก พร้อมนำเสนอเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการประหยัดน้ำมันของเครื่องยนต์อีซูซุ
ในงานบีโอไอแฟร์ 2011 นอกจากค่ายรถจักรยานยนต์ที่ร่วมกับกลุ่มบริษัทแม่แล้ว ยังมีรายที่มีพาวิลเลียนนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีสีเขียวของตนเองเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น “คาวาซากิ” และ “ยามาฮ่า” โดยเฉพาะคาวาซากิที่จะใช้เวทีนี้เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด สำหรับ Er-6n โฉมปี 2012 เน็กเก็ตไบค์พิกัดเครื่องยนต์ขนาด 650 ซีซี. อย่างเป็นทางการอีกด้วย
นอกจากบริษัทรถที่เข้าร่วมงานบีโอไอแฟร์แล้ว บริษัทเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยานยนต์รายใหญ่ต่างเข้าร่วมเช่นกัน อย่างยางรถยนต์ “มิชลิน” ที่งานนี้ออกแบบพื้นที่จัดแสดงนวัตกรรม ภายใต้แนวคิด “MICHELIN A Touch of Tire สัมผัสประสบการณ์แห่งการขับเคลื่อนสู่อนาคต” เพื่อนำผู้เข้าชมท่องไปกับการเล่าเรื่องราว โดยเริ่มจากเส้นทางกำเนิดยางเข้าสู่กระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีทีผ่านการพัฒนาคิดค้น ด้วยทุนวิจัยกว่า 500 ล้านยูโรต่อปี
ในส่วนของจัดแสดงนวัตกรรม จะได้สัมผัส MICHELIN Active Wheel ยางแห่งอนาคต ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ขับเคลื่อนขนาดเล็ก และระบบกันสะเทือนไฟฟ้าในตัวล้อ ทำให้รถที่ติดล้อ MICHELIN Active Wheel จะไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก และยังพบกับ “MICHELIN Lunar Wheel” ล้อต้นแบบยานพาหนะสำหรับเดินทางบนดวงจันทร์ ที่มิชลินได้คิดค้นและพัฒนาให้กับองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ องค์การนาซ่า (National Aeronautics and Space Administration - NASA) ประเทศสหรัฐอเมริกา
ทางด้านค่าย “บริดจสโตน” เนรมิตพาวิลเลียน นำรูปทรงกลมของเมล็ดยางพารามาประยุกต์ใช้ เพื่อเป็นต้นแบบสำหรับการสร้างสรรค์พาวิลเลียน ที่สะท้อนรูปทรงจากธรรมชาติ และสร้างมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีนวัตกรรมอันล้ำสมัย และความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สะท้อนผ่านวัสดุทุกชิ้นที่ใช้ในการก่อสร้างพาวิลเลี่ยน เหมาะสมกับแนวคิด “The Future Seed” และภายในตัวอาคารนอกจากนำเสนอผลิตภัณฑ์จากเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัย และมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่คงคุณสมบัติเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นยาง Bridgestone Run-Flat, ECOPIA, นวัตกรรมยางหล่อดอก และยางเครื่องบิน Triple R (Revolutionarily Reinforced Radial) เป็นต้น
ไม่เพียงเท่านั้นยังมีกลุ่มบริษัทคนไทยมาแสดงเทคโนโลยี อย่างกลุ่ม “สามมิตร มอเตอร์ส” จะนำเสนอให้ผู้ชมได้เห็นถึงศักยภาพของกลุ่มบริษัทสามมิตร ที่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมากว่า 50 ปี ผ่านการจัดแสดง 3 ส่วน ได้แก่ ภาคขนส่ง การเกษตรกรรม และพลังงาน
เช่นเดียวกับ “แอร์โรคลาส” (Aeroklas) อุปกรณ์ชุดแต่ง พื้นปูกระบะ ฝาครอบและฝาปิดกระบะ รวมถึงหลังคาไฟเบอร์ ได้นำเสนอความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ต่อเนื่อง ซึ่งช่วยในการประหยัดพลังงาน รักษาสิ่งแวดล้อม และสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะไฮไลต์การแสดงหุ่นยนต์แอนดรอยด์ ที่สามารถเคลื่อนไหวได้ เพื่อนำเสนอถึงพลังงานสะอาด และเป็นพลังงานสีเขียว
จากการที่ค่ายรถและบริษัทผลิตอุปกรณ์ยานยนต์ นำเทคโนโลยีล้ำสมัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มาจัดแสดงในงาน “บีโอไอแฟร์ 2011” เรียกว่าเป็นงานแสดงนิทรรศการที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ดังนั้นเราคนไทยทุกผู้คนจึงควรหาเวลาไปชมและศึกษาหาความรู้อย่างยิ่ง!!