แม้ว่าตลอดช่วงปีนี้จะเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติที่ส่งผลต่อการผลิตของอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกถึง 2 ครั้งในช่วงต้นและปลายปี แต่ทว่าตลาดรถยนต์ก็ยังเดินหน้า และผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหลายต่างก็เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ของตัวเองออกมาให้สัมผัสกันตลอดปี 2011 เรียกว่าเป็นร้อยๆ รุ่นเลยถ้านับทั้งหมด แต่ถ้านับเฉพาะโมเดลเชนจ์หรือรุ่นเปลี่ยนโฉม ก็มีนับสิบๆ รุ่นเช่นกัน
และก็ถือเป็นธรรมเนียมที่เมื่อถึงช่วงปลายปี จะต้องมีการสรุป 10 รถยนต์ใหม่ที่ถือเป็นรุ่นเด่นๆ ของปีออกมา และนี่คือรถยนต์ทั้ง 10 คันที่ได้รับเลือกจากทีมข่าวมอเตอริ่งของ ASTV ผู้จัดการ
1.Toyota GT 86 : การกลับมาของสปอร์ตขับเคลื่อนล้อหลังยุ่นที่มีราคาไม่แพง ซึ่งทำท่าว่าจะสูญพันธุ์ไปแล้วแต่โตโยต้ามองเห็นช่องว่างในตลาด บ้างก็ว่าเกิดขึ้นจากแรงผลักดันของอิทธิพลการ์ตูนที่มีตัวละครอย่าง AE86 Trueno ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรก็ตาม GT 86 หรือชื่อก่อนเข้าวงการ FT-86 ถือเป็นผลผลิตที่ได้รับการจับตามองอย่างมากจากแฟนๆ ทั่วโลก
เพราะนี่คือครั้งแรกที่โตโยต้าหยิบยืมแพล็ตฟอร์ม และเครื่องยนต์บ็อกเซอร์แบบ 4 สูบ 2000 ซีซี ของซูบารุมาใช้ เช่นเดียวกับการเป็นตัวช่วยจุดประกายให้กับรถสปอร์ตขับหลังราคาไม่แรง หรือ Affordable Sport Car ที่เคยโด่งดังในยุค 80 และ 90 โดยอย่างน้อยการเปิดตัวโปรเจกต์นี้ก็ทำให้นิสสันเริ่มพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำซิลเวียกลับมาขายอีกครั้ง
แล้วตลาดไทยล่ะ ? : GT 86 เป็นโปรเจกต์ที่โตโยต้าส่งขายทั่วโลก และมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์อีก 2 รุ่นคือ ซูบารุ BRZ และไซออน FR-S ส่วนตลาดไทย แว่วมาว่าในปีหน้ามีโอกาสสูงมากที่โตโยต้าจะนำเข้ามาเซอร์ไพรส์ในวาระฉลอง 50 ปีการทำตลาดในบ้านเรา ในราคาบวกลบ 2 ล้านบาท แต่ถ้านี่คือข่าวลวงยังไงคนไทยก็ได้ขับอยู่ดีผ่านทางบรรดาเกรย์มาร์เก็ต
2.Honda Civic : รถยนต์สำคัญอีกรุ่นของฮอนด้า ซึ่งซีวิคใหม่ที่เห็นอยู่นี้เป็นเจนเนอเรชันที่ 9 นับจากเปิดตัวออกขายในตลาดโลกตั้งแต่ปี 1972 และฮอนด้ายังแบ่งรูปโฉมในการทำตลาดเหมือนเคย โดยในต้นปี 2011 เปิดตัวเวอร์ชันอเมริกาเหนือ มีขายทั้งตัวถังซีดานและคูเป้ออกมา ก่อนที่จะถึงคิวของตลาดยุโรปกับตัวถังแฮทช์แบ็ก ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวพันอะไรกันเลยในด้านงานออกแบบ
สำหรับเวอร์ชันอเมริกาเหนือที่มีความใกล้เคียงกับรุ่นที่ขายในบ้านเรานั้น ทางฮอนด้ามีการปรับปรุงตัวรถหลายประการทั้งในแง่ของการออกแบบ สมรรถนะของเครื่องยนต์ R18A ให้มีความประหยัดน้ำมันขึ้น โดยที่รุ่น 2000 ซีซีไม่มีขาย ส่วนในรุ่นตัวแรง หรือ Si เปลี่ยนจากเครื่องยนต์ K20A ที่เลิกผลิตไปแล้วมาเป็น K24A ซึ่งให้ความเร้าใจในระดับเกิน 200 แรงม้า
แล้วตลาดไทยล่ะ ? : ถ้าไม่เกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ช่วงปลายปีนี้จนทำให้ไลน์ผลิตของฮอนด้าเสียหาย ลูกค้าชาวไทยคงได้ขับซีวิคใหม่กันไปแล้ว ดังนั้น การเปิดตัวของซีวิคใหม่ก็เลยโดนเลื่อนไปโดยปริยาย และน่าจะเปิดตัวในช่วงเวลาเดียวกับงานบางกอก มอเตอร์โชว์ ปลายเดือนมีนาคม แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า เมื่อเปิดตัวแล้ว จะสามารถส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้เมื่อไร ?
3.BMW 3 Series : เจนเนอเรชันที่ 6 ของรถยนต์ที่ขึ้นชื่อว่าขายดีที่สุดของค่ายบีเอ็มดับเบิลยู โดยซีรีส์ 3 ใหม่มากับรหัส F30 แทนที่รุ่นเดิมซึ่งเป็นรหัส E90 และมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่สวยโดดเด่นโดยอ้างอิงเส้นสายและสไตล์การออกแบบมาจากรถรุ่นพี่อย่างซีรีส์ 7
ในรุ่นนี้มีขายทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และเทอร์โบดีเซลในแบบ 4 และ 6 สูบเรียง โดยที่เป็นของใหม่คือ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2000 ซีซี ซึ่งมาพร้อมเทอร์โบแบบ Twin-Scroll และระบบ Di รีดกำลังออกมาได้ 245 แรงม้า เทียบเท่าเครื่องยนต์ 6 สูบ 3000 ซีซี แถมในรุ่นนี้ยังมีการนำระบบ Auto Start/Stop มาใช้เพื่อช่วยความประหยัดน้ำมันอีกด้วย
แล้วตลาดไทยล่ะ ? : ไม่น่าพลาดอยู่แล้ว เพียงแต่จะมาในช่วงไหนเท่านั้นเอง โดยเชื่อว่าในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2012 น่าจะได้เห็นตัวเป็นๆ ของซีรีส์ 3 ใหม่ในบ้านเรา เพียงแต่ว่าจะเริ่มวางขายเมื่อไรคงต้องติดตามดูกันต่อไป แต่ถ้าให้ฟันธง น่าจะเป็นสักช่วงค่อนมาทางปลายปี
4.Porsche 911 : โฉมใหม่ที่ดูยังไงก็ไม่เห็นจะเหมือนของใหม่แกะกล่อง แต่เชื่อเถอะว่านี่คือ 911 ใหม่แบบโมเดลเชนจ์จริงๆ ไม่เหมือนการเล่นมุขกับรุ่น 996 และ 997 โดยในรุ่นใหม่นี้ใช้รหัส 991 และเปิดตัวรุ่นพื้นฐานออกมาชิมลางตลาด 2 รุ่นตามระเบียบปฏิบัติของปอร์เช่ คือ คาร์เรรา และคาร์เรรา เอส
ความน่าสนใจนอกจากจะอยู่หน้าตาที่ใหม่ทั้งคันแล้วยังอยู่ที่การลดความจุของเครื่องยนต์ แต่อัพเกรดความเร้าใจได้เหนือระดับ โดยในรุ่นคาร์เรรามากับเครื่องยนต์ 6 สูบนอน 3400 ซีซี 350 แรงม้า เมื่อบวกกับตัวถังที่เบาลงจากรุ่นเดิม 45 กิโลกรัม แต่ค่า Cd บนตัวถังที่ลดแรงต้านของอากาศ ทำให้ 911 ใหม่สามารถทะยานได้อย่างเร้าใจ
แล้วตลาดไทยล่ะ ? : ถ้ามีเงินก็เก็บรอเอาไว้ได้เลย เพราะตัวแทนจำหน่ายในบ้านเราไม่เคยพลาดอยู่แล้ว เพียงแต่ราคาจะอยู่ในระดับเกิน 10 ล้านบาทหรือเปล่าเท่านั้นเอง
5.Volkswagen UP : ถ้าโฟล์คเต่าคือ ตัวแทนของรถยนต์แห่งประชาชนในยุคศตวรรษที่ 20 UP คือ รถยนต์ที่สวมบทบาทเดียวกัน แต่เป็นแห่งศตวรรษที่ 21 โดยตัวรถถูกปรับจากแบบเครื่องยนต์วางท้ายขับเคลื่อนล้อหลังในตัวต้นแบบรุ่นแรกมาเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งมีความยาวในระดับ 3.5 เมตร และเป็นผลผลิตที่โฟล์คตั้งใจส่งขายในตลาดทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดรถยนต์เกิดใหม่อย่างจีนและบราซิล
เครื่องยนต์ที่ใช้ในการขับเคลื่อนเป็น แบบเบนซิน 3 สูบ 1000 ซีซี มีกำลังสูงสุด 75 แรงม้า มีอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร
แล้วตลาดไทยล่ะ ? : ทำใจให้ลืมๆ ไปซะว่ามีรถยนต์รุ่นนี้อยู่ในโลก เพราะดูแนวโน้มแล้วโอกาสขายในบ้านเราคงแทบไม่มี หรือถ้ามี ราคาก็คงไม่เป็นมิตรกับกระเป๋าเงินอย่างแน่นอน ถ้าอยากขับรถยนต์สไตล์นี้จริงๆ แนะนำให้เลือกซื้อ Eco Car แบบไทยๆ ดีกว่า
6.Chevrolet Trailblazer : ฝรั่งอาจจะเรียกว่าเป็น SUV แต่เทรลเบลเซอร์เมื่อเข้ามาขายในบ้านเรา มันก็คือรถยนต์ในกลุ่ม PPV หรือปิกอัพดัดแปลงนั่นเอง เพราะนี่คือเวอร์ชัน 5 ประตูที่แชร์รายละเอียดพื้นฐานของตัวรถตั้งแต่ช่วงด้านหน้าจนถึงเสากลางร่วมกับปิกอัพรุ่นโคโลราโดใหม่แบบ 4 ประตู เหมือนกับที่ฟอร์จูนเนอร์เป็นเพื่อนร่วมสายพันธุ์กับวีโก้ และปาเจโร สปอร์ตกับไทรทัน
ตัวรถถูกเปิดตัวในงานโชว์ที่ดูไบ พร้อมเครื่องยนต์ 2800 ซีซี แบบเดียวกับที่ใช้ในโคโลราโด ส่วนทางเลือกอื่นๆ จะมีให้เห็นด้วยไหม ต้องรอติดตามดูกันต่อไป
แล้วตลาดไทยล่ะ ? : เปิดตัวแน่ในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2012 ส่วนทางเลือกอื่นๆ จะมีให้สัมผัสไหม ก็อดใจรอได้ที่งานนี้
7.Nissan Tiida : มีไม่บ่อยครั้ง แต่ก็เริ่มมีให้เห็นบ่อยครั้งขึ้นที่รถยนต์รุ่นหลักของผู้ผลิตจากญี่ปุ่นจะถูกเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ที่จีน โดยนิสสันเลือกเปิดตัวทีด้าใหม่แบบโมเดลเชนจ์ในงานโชว์ที่เซี่ยงไฮ้ พร้อมรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูแล้วคล้ายกับ LEAF ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์รุ่นแรกของโลกมาก โดยตัวถังที่เปิดตัวมีแบบเดียว คือ แฮทช์แบ็ก 5 ประตู ส่วนซีดาน 4 ประตูที่ฮิตในบ้านเราก็ต้องรอลุ้นต่อไปว่าจะมีเข้ามาไหม หรือถ้ามีจะมาเมื่อไร
ข่าวดีสำหรับทีด้าใหม่ คือ คราวนี้นิสสันจะกำหนดกลุ่มตลาดให้มีความชัดเจนสักทีหลังออกลูก ‘กั๊ก’ ว่าจะเป็น B หรือ C Car กันแน่ โดยในรุ่นใหม่จะเดินหน้าลุยตลาดคอมแพกต์เต็มตัว และปล่อยงานกวาดล้างตลาด B-Car ให้เป็นหน้าที่ของซันนี่ หรือเวอร์ซ่า (ซึ่งในบ้านเราปรับสเป็กและขายในชื่ออัลเมรา โดยอยู่ในคลาส Eco Car)
แล้วตลาดไทยล่ะ ? : หลังจากที่นิสสันประกาศนโยบายในการรุกตลาดบ้านเราแบบเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น แถมยังเตรียมรถยนต์ใหม่รอเปิดตัวเอาไว้หลายรุ่นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ตรงนี้คาดได้เลยว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีทีด้ารวมอยู่ด้วย เพียงแต่ต้องรอลุ้นว่าจะมาปลายปี 2012 หรือต้นปีถัดไป
8.Lamborghini Aventador LP700 : โมเดลเชนจ์ของสปอร์ตรุ่นใหญ่อย่างมูร์ซิเอลาโก้ซึ่งถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็นอะเวนทาดอร์ พร้อมการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอก และการออกแบบที่เน้นความดุดันอย่างมาก ที่สำคัญคือ การหันมาใช้คาร์บอนไฟเบอร์มาเป็นวัสดุหลักในการผลิตชิ้นส่วนตัวถัง ซึ่งค่ายลัมบอร์กินีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ถึงขนาดลงทุนพัฒนาและวิจัยกับมหาวิทยาลัยซีแอตเทิลในสหรัฐอเมริกา
ตัวรถใช้เครื่องยนต์วี12 ที่มีกำลังสูงสุด 700 แรงม้า ที่ 8,250 รอบ/นาที (ตามชื่อรุ่น 700) พร้อมแรงบิดสูงสุดในระดับ 70.3 กก.-ม. ที่ 5,500 รอบ/นาที มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 2.9 วินาที และความเร็วสูงสุด 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยที่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในขณะขับลดลงจากเดิมประมาณ 20%
แล้วตลาดไทยล่ะ ? : กำเงิน 30 กว่าล้าน แล้วเดินไปซื้อที่โชว์รูมได้เลย
9.Ferrari FF : ถ้าใครบอกว่าเฟอร์รารี่จะหันมาผลิตรถสปอร์ตในแบบตัวถัง Shooting Break เห็นทีคงจะต้องโดนมองว่าไม่บ้าก็เมาอย่างแน่นอน แต่ในตอนนี้ได้เกิดขึ้นมาแล้ว แถมยังไม่ธรรมดาด้วย เพราะมากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อซึ่งถือเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์บริษัท และยังใช้ตัวอักษรที่เป็นตัวย่อมาตั้งเป็นชื่อรุ่น
รถสปอร์ตที่ว่าคือ FF หรือ Ferrari Four ซึ่งเข้ามาทำตลาดแทนที่รุ่น 612 และวางเครื่องยนต์วี12 บล็อกใหม่ 6262 ซีซี จ่ายน้ำมันด้วยระบบไดเรกต์อินเจ็กชั่น รีดกำลังออกมาใช้งานได้ 660 แรงม้า ที่ 8,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 69.7 กก.-ม. ที่ 6,000 รอบต่อนาที
แล้วตลาดไทยล่ะ ? : เหมือนกับคันข้างบน
10. Ford Escape : แนวคิด One Ford ส่งผลกระทบสู่รถยนต์เกือบทุกเซ็กเมนท์ของฟอร์ดที่เป็น World Car ซึ่งก็รวมถึง SUV แบบคอมแพกต์ที่เมื่อก่อนโดนแยกออกเป็น 2 โมเดล คือ คูก้า และเอสเคปในการขายตลาดทั่วโลก แต่ในตอนนี้ก็ยังแบ่งชื่อในการทำตลาดแบบนี้เหมือนเดิม เพียงแต่ SUV ที่จะใช้ทำตลาดมีแบบเดียวเท่านั้น ไม่ได้เป็นคนละคันเหมือนกับเมื่อก่อน
ฟอร์ดยังใช้ชื่อเอสเคปสำหรับตลาดอเมริกาเหนือ ส่วนตลาดโลกใช้ชื่อว่าคูก้า แต่ก็น่าสงสัยว่าในตลาดบางแห่งที่ใช้ชื่อเอสเคปในการขาย จะยังคงรูปแบบนี้เอาไว้เหมือนเดิมหรือไม่ ตรงนี้ยังมีเครื่องหมายคำถามอยู่ โดยในรุ่นใหม่ได้รับการออกแบบได้อย่างสวยและสปอร์ตโดยอิงพื้นฐานมาจากต้นแบบรุ่นเวอร์เทร็ก
แล้วตลาดไทยล่ะ ? : โอกาสในการทำตลาดยังพอมี แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับโฟกัสใหม่ว่าจะมาเร็วแค่ไหน และจะขึ้นไลน์ผลิตในประเทศหรือไม่ เพราะเอสเคปใหม่ใช้พื้นฐานร่วมกัน และไม่ใช่การแชร์ตัวถังร่วมกับมาสด้า ทริบิวต์เหมือนกับรุ่นที่แล้วอีกต่อไป...หรือคุณสาโรชว่าอย่างไร ?
และก็ถือเป็นธรรมเนียมที่เมื่อถึงช่วงปลายปี จะต้องมีการสรุป 10 รถยนต์ใหม่ที่ถือเป็นรุ่นเด่นๆ ของปีออกมา และนี่คือรถยนต์ทั้ง 10 คันที่ได้รับเลือกจากทีมข่าวมอเตอริ่งของ ASTV ผู้จัดการ
1.Toyota GT 86 : การกลับมาของสปอร์ตขับเคลื่อนล้อหลังยุ่นที่มีราคาไม่แพง ซึ่งทำท่าว่าจะสูญพันธุ์ไปแล้วแต่โตโยต้ามองเห็นช่องว่างในตลาด บ้างก็ว่าเกิดขึ้นจากแรงผลักดันของอิทธิพลการ์ตูนที่มีตัวละครอย่าง AE86 Trueno ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรก็ตาม GT 86 หรือชื่อก่อนเข้าวงการ FT-86 ถือเป็นผลผลิตที่ได้รับการจับตามองอย่างมากจากแฟนๆ ทั่วโลก
เพราะนี่คือครั้งแรกที่โตโยต้าหยิบยืมแพล็ตฟอร์ม และเครื่องยนต์บ็อกเซอร์แบบ 4 สูบ 2000 ซีซี ของซูบารุมาใช้ เช่นเดียวกับการเป็นตัวช่วยจุดประกายให้กับรถสปอร์ตขับหลังราคาไม่แรง หรือ Affordable Sport Car ที่เคยโด่งดังในยุค 80 และ 90 โดยอย่างน้อยการเปิดตัวโปรเจกต์นี้ก็ทำให้นิสสันเริ่มพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำซิลเวียกลับมาขายอีกครั้ง
แล้วตลาดไทยล่ะ ? : GT 86 เป็นโปรเจกต์ที่โตโยต้าส่งขายทั่วโลก และมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์อีก 2 รุ่นคือ ซูบารุ BRZ และไซออน FR-S ส่วนตลาดไทย แว่วมาว่าในปีหน้ามีโอกาสสูงมากที่โตโยต้าจะนำเข้ามาเซอร์ไพรส์ในวาระฉลอง 50 ปีการทำตลาดในบ้านเรา ในราคาบวกลบ 2 ล้านบาท แต่ถ้านี่คือข่าวลวงยังไงคนไทยก็ได้ขับอยู่ดีผ่านทางบรรดาเกรย์มาร์เก็ต
2.Honda Civic : รถยนต์สำคัญอีกรุ่นของฮอนด้า ซึ่งซีวิคใหม่ที่เห็นอยู่นี้เป็นเจนเนอเรชันที่ 9 นับจากเปิดตัวออกขายในตลาดโลกตั้งแต่ปี 1972 และฮอนด้ายังแบ่งรูปโฉมในการทำตลาดเหมือนเคย โดยในต้นปี 2011 เปิดตัวเวอร์ชันอเมริกาเหนือ มีขายทั้งตัวถังซีดานและคูเป้ออกมา ก่อนที่จะถึงคิวของตลาดยุโรปกับตัวถังแฮทช์แบ็ก ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวพันอะไรกันเลยในด้านงานออกแบบ
สำหรับเวอร์ชันอเมริกาเหนือที่มีความใกล้เคียงกับรุ่นที่ขายในบ้านเรานั้น ทางฮอนด้ามีการปรับปรุงตัวรถหลายประการทั้งในแง่ของการออกแบบ สมรรถนะของเครื่องยนต์ R18A ให้มีความประหยัดน้ำมันขึ้น โดยที่รุ่น 2000 ซีซีไม่มีขาย ส่วนในรุ่นตัวแรง หรือ Si เปลี่ยนจากเครื่องยนต์ K20A ที่เลิกผลิตไปแล้วมาเป็น K24A ซึ่งให้ความเร้าใจในระดับเกิน 200 แรงม้า
แล้วตลาดไทยล่ะ ? : ถ้าไม่เกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ช่วงปลายปีนี้จนทำให้ไลน์ผลิตของฮอนด้าเสียหาย ลูกค้าชาวไทยคงได้ขับซีวิคใหม่กันไปแล้ว ดังนั้น การเปิดตัวของซีวิคใหม่ก็เลยโดนเลื่อนไปโดยปริยาย และน่าจะเปิดตัวในช่วงเวลาเดียวกับงานบางกอก มอเตอร์โชว์ ปลายเดือนมีนาคม แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า เมื่อเปิดตัวแล้ว จะสามารถส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้เมื่อไร ?
3.BMW 3 Series : เจนเนอเรชันที่ 6 ของรถยนต์ที่ขึ้นชื่อว่าขายดีที่สุดของค่ายบีเอ็มดับเบิลยู โดยซีรีส์ 3 ใหม่มากับรหัส F30 แทนที่รุ่นเดิมซึ่งเป็นรหัส E90 และมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่สวยโดดเด่นโดยอ้างอิงเส้นสายและสไตล์การออกแบบมาจากรถรุ่นพี่อย่างซีรีส์ 7
ในรุ่นนี้มีขายทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และเทอร์โบดีเซลในแบบ 4 และ 6 สูบเรียง โดยที่เป็นของใหม่คือ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2000 ซีซี ซึ่งมาพร้อมเทอร์โบแบบ Twin-Scroll และระบบ Di รีดกำลังออกมาได้ 245 แรงม้า เทียบเท่าเครื่องยนต์ 6 สูบ 3000 ซีซี แถมในรุ่นนี้ยังมีการนำระบบ Auto Start/Stop มาใช้เพื่อช่วยความประหยัดน้ำมันอีกด้วย
แล้วตลาดไทยล่ะ ? : ไม่น่าพลาดอยู่แล้ว เพียงแต่จะมาในช่วงไหนเท่านั้นเอง โดยเชื่อว่าในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2012 น่าจะได้เห็นตัวเป็นๆ ของซีรีส์ 3 ใหม่ในบ้านเรา เพียงแต่ว่าจะเริ่มวางขายเมื่อไรคงต้องติดตามดูกันต่อไป แต่ถ้าให้ฟันธง น่าจะเป็นสักช่วงค่อนมาทางปลายปี
4.Porsche 911 : โฉมใหม่ที่ดูยังไงก็ไม่เห็นจะเหมือนของใหม่แกะกล่อง แต่เชื่อเถอะว่านี่คือ 911 ใหม่แบบโมเดลเชนจ์จริงๆ ไม่เหมือนการเล่นมุขกับรุ่น 996 และ 997 โดยในรุ่นใหม่นี้ใช้รหัส 991 และเปิดตัวรุ่นพื้นฐานออกมาชิมลางตลาด 2 รุ่นตามระเบียบปฏิบัติของปอร์เช่ คือ คาร์เรรา และคาร์เรรา เอส
ความน่าสนใจนอกจากจะอยู่หน้าตาที่ใหม่ทั้งคันแล้วยังอยู่ที่การลดความจุของเครื่องยนต์ แต่อัพเกรดความเร้าใจได้เหนือระดับ โดยในรุ่นคาร์เรรามากับเครื่องยนต์ 6 สูบนอน 3400 ซีซี 350 แรงม้า เมื่อบวกกับตัวถังที่เบาลงจากรุ่นเดิม 45 กิโลกรัม แต่ค่า Cd บนตัวถังที่ลดแรงต้านของอากาศ ทำให้ 911 ใหม่สามารถทะยานได้อย่างเร้าใจ
แล้วตลาดไทยล่ะ ? : ถ้ามีเงินก็เก็บรอเอาไว้ได้เลย เพราะตัวแทนจำหน่ายในบ้านเราไม่เคยพลาดอยู่แล้ว เพียงแต่ราคาจะอยู่ในระดับเกิน 10 ล้านบาทหรือเปล่าเท่านั้นเอง
5.Volkswagen UP : ถ้าโฟล์คเต่าคือ ตัวแทนของรถยนต์แห่งประชาชนในยุคศตวรรษที่ 20 UP คือ รถยนต์ที่สวมบทบาทเดียวกัน แต่เป็นแห่งศตวรรษที่ 21 โดยตัวรถถูกปรับจากแบบเครื่องยนต์วางท้ายขับเคลื่อนล้อหลังในตัวต้นแบบรุ่นแรกมาเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งมีความยาวในระดับ 3.5 เมตร และเป็นผลผลิตที่โฟล์คตั้งใจส่งขายในตลาดทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดรถยนต์เกิดใหม่อย่างจีนและบราซิล
เครื่องยนต์ที่ใช้ในการขับเคลื่อนเป็น แบบเบนซิน 3 สูบ 1000 ซีซี มีกำลังสูงสุด 75 แรงม้า มีอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร
แล้วตลาดไทยล่ะ ? : ทำใจให้ลืมๆ ไปซะว่ามีรถยนต์รุ่นนี้อยู่ในโลก เพราะดูแนวโน้มแล้วโอกาสขายในบ้านเราคงแทบไม่มี หรือถ้ามี ราคาก็คงไม่เป็นมิตรกับกระเป๋าเงินอย่างแน่นอน ถ้าอยากขับรถยนต์สไตล์นี้จริงๆ แนะนำให้เลือกซื้อ Eco Car แบบไทยๆ ดีกว่า
6.Chevrolet Trailblazer : ฝรั่งอาจจะเรียกว่าเป็น SUV แต่เทรลเบลเซอร์เมื่อเข้ามาขายในบ้านเรา มันก็คือรถยนต์ในกลุ่ม PPV หรือปิกอัพดัดแปลงนั่นเอง เพราะนี่คือเวอร์ชัน 5 ประตูที่แชร์รายละเอียดพื้นฐานของตัวรถตั้งแต่ช่วงด้านหน้าจนถึงเสากลางร่วมกับปิกอัพรุ่นโคโลราโดใหม่แบบ 4 ประตู เหมือนกับที่ฟอร์จูนเนอร์เป็นเพื่อนร่วมสายพันธุ์กับวีโก้ และปาเจโร สปอร์ตกับไทรทัน
ตัวรถถูกเปิดตัวในงานโชว์ที่ดูไบ พร้อมเครื่องยนต์ 2800 ซีซี แบบเดียวกับที่ใช้ในโคโลราโด ส่วนทางเลือกอื่นๆ จะมีให้เห็นด้วยไหม ต้องรอติดตามดูกันต่อไป
แล้วตลาดไทยล่ะ ? : เปิดตัวแน่ในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2012 ส่วนทางเลือกอื่นๆ จะมีให้สัมผัสไหม ก็อดใจรอได้ที่งานนี้
7.Nissan Tiida : มีไม่บ่อยครั้ง แต่ก็เริ่มมีให้เห็นบ่อยครั้งขึ้นที่รถยนต์รุ่นหลักของผู้ผลิตจากญี่ปุ่นจะถูกเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ที่จีน โดยนิสสันเลือกเปิดตัวทีด้าใหม่แบบโมเดลเชนจ์ในงานโชว์ที่เซี่ยงไฮ้ พร้อมรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูแล้วคล้ายกับ LEAF ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์รุ่นแรกของโลกมาก โดยตัวถังที่เปิดตัวมีแบบเดียว คือ แฮทช์แบ็ก 5 ประตู ส่วนซีดาน 4 ประตูที่ฮิตในบ้านเราก็ต้องรอลุ้นต่อไปว่าจะมีเข้ามาไหม หรือถ้ามีจะมาเมื่อไร
ข่าวดีสำหรับทีด้าใหม่ คือ คราวนี้นิสสันจะกำหนดกลุ่มตลาดให้มีความชัดเจนสักทีหลังออกลูก ‘กั๊ก’ ว่าจะเป็น B หรือ C Car กันแน่ โดยในรุ่นใหม่จะเดินหน้าลุยตลาดคอมแพกต์เต็มตัว และปล่อยงานกวาดล้างตลาด B-Car ให้เป็นหน้าที่ของซันนี่ หรือเวอร์ซ่า (ซึ่งในบ้านเราปรับสเป็กและขายในชื่ออัลเมรา โดยอยู่ในคลาส Eco Car)
แล้วตลาดไทยล่ะ ? : หลังจากที่นิสสันประกาศนโยบายในการรุกตลาดบ้านเราแบบเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น แถมยังเตรียมรถยนต์ใหม่รอเปิดตัวเอาไว้หลายรุ่นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ตรงนี้คาดได้เลยว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีทีด้ารวมอยู่ด้วย เพียงแต่ต้องรอลุ้นว่าจะมาปลายปี 2012 หรือต้นปีถัดไป
8.Lamborghini Aventador LP700 : โมเดลเชนจ์ของสปอร์ตรุ่นใหญ่อย่างมูร์ซิเอลาโก้ซึ่งถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็นอะเวนทาดอร์ พร้อมการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอก และการออกแบบที่เน้นความดุดันอย่างมาก ที่สำคัญคือ การหันมาใช้คาร์บอนไฟเบอร์มาเป็นวัสดุหลักในการผลิตชิ้นส่วนตัวถัง ซึ่งค่ายลัมบอร์กินีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ถึงขนาดลงทุนพัฒนาและวิจัยกับมหาวิทยาลัยซีแอตเทิลในสหรัฐอเมริกา
ตัวรถใช้เครื่องยนต์วี12 ที่มีกำลังสูงสุด 700 แรงม้า ที่ 8,250 รอบ/นาที (ตามชื่อรุ่น 700) พร้อมแรงบิดสูงสุดในระดับ 70.3 กก.-ม. ที่ 5,500 รอบ/นาที มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 2.9 วินาที และความเร็วสูงสุด 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยที่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในขณะขับลดลงจากเดิมประมาณ 20%
แล้วตลาดไทยล่ะ ? : กำเงิน 30 กว่าล้าน แล้วเดินไปซื้อที่โชว์รูมได้เลย
9.Ferrari FF : ถ้าใครบอกว่าเฟอร์รารี่จะหันมาผลิตรถสปอร์ตในแบบตัวถัง Shooting Break เห็นทีคงจะต้องโดนมองว่าไม่บ้าก็เมาอย่างแน่นอน แต่ในตอนนี้ได้เกิดขึ้นมาแล้ว แถมยังไม่ธรรมดาด้วย เพราะมากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อซึ่งถือเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์บริษัท และยังใช้ตัวอักษรที่เป็นตัวย่อมาตั้งเป็นชื่อรุ่น
รถสปอร์ตที่ว่าคือ FF หรือ Ferrari Four ซึ่งเข้ามาทำตลาดแทนที่รุ่น 612 และวางเครื่องยนต์วี12 บล็อกใหม่ 6262 ซีซี จ่ายน้ำมันด้วยระบบไดเรกต์อินเจ็กชั่น รีดกำลังออกมาใช้งานได้ 660 แรงม้า ที่ 8,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 69.7 กก.-ม. ที่ 6,000 รอบต่อนาที
แล้วตลาดไทยล่ะ ? : เหมือนกับคันข้างบน
10. Ford Escape : แนวคิด One Ford ส่งผลกระทบสู่รถยนต์เกือบทุกเซ็กเมนท์ของฟอร์ดที่เป็น World Car ซึ่งก็รวมถึง SUV แบบคอมแพกต์ที่เมื่อก่อนโดนแยกออกเป็น 2 โมเดล คือ คูก้า และเอสเคปในการขายตลาดทั่วโลก แต่ในตอนนี้ก็ยังแบ่งชื่อในการทำตลาดแบบนี้เหมือนเดิม เพียงแต่ SUV ที่จะใช้ทำตลาดมีแบบเดียวเท่านั้น ไม่ได้เป็นคนละคันเหมือนกับเมื่อก่อน
ฟอร์ดยังใช้ชื่อเอสเคปสำหรับตลาดอเมริกาเหนือ ส่วนตลาดโลกใช้ชื่อว่าคูก้า แต่ก็น่าสงสัยว่าในตลาดบางแห่งที่ใช้ชื่อเอสเคปในการขาย จะยังคงรูปแบบนี้เอาไว้เหมือนเดิมหรือไม่ ตรงนี้ยังมีเครื่องหมายคำถามอยู่ โดยในรุ่นใหม่ได้รับการออกแบบได้อย่างสวยและสปอร์ตโดยอิงพื้นฐานมาจากต้นแบบรุ่นเวอร์เทร็ก
แล้วตลาดไทยล่ะ ? : โอกาสในการทำตลาดยังพอมี แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับโฟกัสใหม่ว่าจะมาเร็วแค่ไหน และจะขึ้นไลน์ผลิตในประเทศหรือไม่ เพราะเอสเคปใหม่ใช้พื้นฐานร่วมกัน และไม่ใช่การแชร์ตัวถังร่วมกับมาสด้า ทริบิวต์เหมือนกับรุ่นที่แล้วอีกต่อไป...หรือคุณสาโรชว่าอย่างไร ?